สวัสดีค่ะ ท้าวความกันนิดนึงนะคะ เราเคยทำจมูกครั้งแรกเมื่อ 6 ปีที่แล้วค่ะ แล้วมันก็มีปัญหาตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลย นับว่าเป็นคราวซวยหรือดวงซวยก็ว่าได้ เพราะเจอหมอที่ไม่เชี่ยวชาญค่ะ ก็แก้จมูกไป 2 รอบในไทย จนล่าสุดแยมไปแก้จมูกรอบที่ 3 ที่เกาหลี ส่วนเหตุผลที่ตัดสินใจไปแก้นั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://youtu.be/7HTcrl9xUhc
ตอนนี้เพื่อนๆน่าจะเข้าใจแล้วว่าทำไมแยมถึงตัดสินใจไปแก้ที่เกาหลี
มาดูภาพก่อนที่จะไปแก้รอบล่าสุดกันค่ะ เวลายิ้มจะสังเกตุว่าเห็นสันซิลิโคนชัดมาก
เพราะเนื้อตรงกลางมันบางมากค่ะ และแกนจมูกมันเอียงๆด้วยค่ะ
รูปนี้คือมุมด้านข้างค่ะ เวลายิ้มจะเห็นรอยชัดเจน ว่าช่วงตรงกลางมันไม่เรียบค่ะ
และมีรอยนูนๆที่เกิดจากของเดิมอยู่
ส่วนรูปนี้คือเวลาเม้มปากก็จะเห็นว่ามันมีนูนๆตรงกลางนิดนึงค่ะ ยิ่งเม้มปากยิ่งเห็นชัด
รูปด้านบนคือจมูกที่แก้มาได้ประมาณเกือบ 4 ปีแล้วค่ะ แต่กลัวว่ายิ่งปล่อยไว้นาน มันก็จะยิ่งเห็นซิลิโคนชัด และเนื้อมันดูบางมาก เลยตัดสินใจศึกษาหาข้อมูลเพื่อที่จะแก้จมูกรอบที่ 3!!! เราทั้งหาข้อมูลหมอในไทยและในเกาหลี ปรึกษาหลายที่มาก แล้วเราก็ไปเจอกระทู้ในพันทิพที่โพสต์เกี่ยวกับเคสแก้จมูก แล้วก็ได้ลองติดต่อสอบถามข้อมูลไปค่ะ ปรากฎว่ายิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่าเราหัวอกเดียวกัน เพราะเป็นเคสแก้จมูกเหมือนกัน เค้าก็ให้คำปรึกษาแนะนำดีมากค่ะ เราส่งรูปเราและถ่ายวีดีโอให้ดูว่าจมูกมันมีปัญหาอะไรยังไงให้เค้าเพื่อที่จะเอาให้คุณหมอที่เกาหลีดู หมอก็บอกแก้ได้และแนะนำวิธีแก้มาด้วย เราเลยเอาข้อมูลของหลายๆเจ้าที่เราไปปรึกษามาเทียบกัน ดูทั้งวิธีแก้ เทคนิคการแก้ ประวัติหมอ และราคาการแก้ของแต่ละเจ้า ซึ่งพอเปรียบเทียบกันแล้วเราก็เลือกเจ้าที่เรารู้จักจากกระทู้พันทิพค่ะ ก่อนไปก็นัดคุยกับพี่ Agency แล้วก็ได้ข้อมูลทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมเดินทางค่ะ
วันที่ 26 ธ.ค.เราก็เดินทางไปเกาหลีค่ะ แล้วก็นัดหมอปรึกษาและผ่าตัดวันที่ 27 ค่ะ
ภาพบรรยากาศข้างในโรงบาลค่ะ ดูดีมากค่ะ
แล้วก็ถึงเวลาถ่ายรูปภาพก่อนทำค่ะ เค้าก็จะถ่ายภาพเราเก็บไว้ทุกมุมค่ะ มุมก้ม มุมเงย หันข้าง ทุกทิศทางเลยจ้า
จากนั้นก็ถึงเวลาเข้าไปปรึกษาคุณหมอในห้องค่ะ หมอก็จับจมูกและวิเคราะห์ดู หมอคิดว่าข้างในมีซิลิโคนและกระดูกหลังหูหลงเหลืออยู่ และเนื้อของแยมตรงช่วงกลางจมูกมันบางมาก ส่วนแกนจมูกมันไม่ตรง มันเอียงเล็กน้อย คุยไปคุยมาสรุปหมอจะแก้โดยการ
1. ใส่ซิลิโคนใหม่เข้าไป
2. ปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ โดยการเอาเนื้อเยื่อใต้ศีรษะมาใส่ เพื่อช่วยทำให้เนื้อช่วงกลางดูหนาขึ้น
3. ทำให้เนื้อตรงกลางเรียบ ไม่นูนออกมา
4. ยืดผนังกั้นจมูกด้านใน ทำให้จมูกดูยาวขึ้น
5. เอากระดูกหลังหูมาต่อปลาย
6. ตัดปีกจมูกจากด้านใน ทำให้ปลายจมูกดูเล็กลง
7. ปรับแกนจมูกให้ตรง
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่หมอจะแก้ให้ค่ะ ก็ถือว่าค่อนข้างหลายรายการมาก 555
ว่าแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดเพื่อรอขึ้นเขียงจ้า
จากนั้นก็เข้าไปผ่าตัดค่ะ การผ่าตัดของเกาหลีจะเป็นการวางยาสลบค่ะ ตอนแรกที่เค้าพาเข้าห้องผ่าตัด เค้าให้เราขึ้นเตียงแล้วพยาบาลก็มาทำความสะอาดจมูกและตัดขนจมูกให้ค่ะ ซักพักเค้าก็เอาเข็มมาเจาะที่แขนเพื่อที่เค้าจะให้ยาสลบค่ะ เราก็ไม่รู้ว่าสลบไปตอนไหนนะ เค้าใช้เวลาผ่าตัด 3 ชม. ตื่นมาอีกทีก็เย็บแผลอะไรเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว เค้าก็พาเราไปที่ห้องพัก เราก็เดินโซเซ ความรู้สึกคือวิงเวียนเหมือนคนจะเป็นลมค่ะ แล้วก็ให้เราไปนอนพักก่อน จำได้ว่าหิวน้ำมากกกกกกกกกกแบบที่สุดของที่สุด
นี่คือสภาพหลังจากการผ่าตัดแล้วมาที่ห้องพักค่ะ ยังมีความสลึมสลืออยู่ค่ะ
เรานอนพักประมาณ 40-50 นาที พอเริ่มดีขึ้น ลุกได้ ไม่เวียนหัวแล้ว เราก็กลับที่พักค่ะ แล้วเราก็ไป Follow Up กับหมออีก 2 วันค่ะ ตอน Follow Up หมอเค้าก็ดูแผลแล้วก็บอกว่าแผลแห้งดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เค้าก็พูดถึงเคสของเราว่าจมูกเก่าของเราก่อนแก้ เนื้อข้างในมันเรียบไม่เสมอกัน มีส่วนที่หนาและบางสลับกัน โดยเฉพาะช่วงกลางจมูกเนื้อมันบางมาก เค้าเลยต้องใช้เนื้อเยื่อใต้ศีรษะมาปลูกถ่ายเพราะเหมาะที่สุดแล้ว เค้าบอกจมูกเข้าที่และดีขึ้นใน 6 เดือน ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปค่ะ จากนั้นพยาบาลก็พาไปทำแผลค่ะ
อันนี้คือเค้าทาเบตาดีนและทายาสมานแผลที่จมูกค่ะ
แล้วก็มีการฉีดยาเพื่อกันอักเสบค่ะ เราว่าดีมากเลยนะ เพราะเราบอกเค้าว่าเรารู้สึกมีน้ำมูกหน่อยๆ (ตอนไปเกาหลีช่วงนั้นอากาศหนาวมากกก ประมาณ -5 องศาค่ะ ต้องระวังเรื่องสุขภาพมากๆ แต่ก็มีน้ำมูกจนได้) เค้าก็เลยฉีดยากันไว้ให้เราค่ะ
หลังจากที่ Follow Up 2 วันเราก็กลับไทยค่ะ มาดูแลแผลเองต่อที่ไทย ระหว่างนี้ต้องดูแลแผลให้ดีๆ เรากินยาตามที่หมอจ่าย 7 วัน แล้วก็ประคบเย็น 3-4 วันแรกเพราะหน้ามันจะบวมๆ แต่ไม่มีรอยช้ำใดๆทั้งสิ้นค่า หมอทำดีมากหน้าเราไม่มีรอยช้ำเลย ทุกวันเช้าเย็นเราจะเช็ดน้ำเกลือที่บริเวณแผลและทายา terramycin ที่หมอให้มาค่ะ นอนหมอนสูงเข้าไว้เลยช่วงแรกๆ แล้วพอครบ 8 วันเราก็ไปตัดไหมที่คลิปนิกในไทยค่ะ
อันนี้คือยาที่จำเป็นมากค่ะ terramycin เป็นยาช่วยสมานแผลให้หายไวขึ้นค่ะ
และแล้วเรามาดูการ Update จมูกในแต่ละวันกันค่ะ
แล้วนี่ก็คือรูปปัจจุบันค่ะ
ตอนนี้จมูกเริ่มยุบไปเยอะแล้วค่ะ แต่ตรงช่วงกลางจมูกมันยังแดงๆอยู่นิดนึง (ถ้าไม่ได้แต่งหน้า) หมอบอกว่าจมูกเดิมเราเนื้อบางมากค่ะ มันเลยยังแดงๆช้ำๆ ต้องรอเวลาอย่างน้อย 6 เดือนค่ะรอยแดงหรือรอยช้ำจะหายไปค่ะ ตอนนี้เราก็รอเวลาให้มันยุบ ทรงมันจะเข้าที่มากขึ้นค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูรีวิวนะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยหรืออยากปรึกษาเกี่ยวกับการแก้จมูก ก็ถามกันได้นะคะ เราเป็นคนนึงที่เคยประสบปัญหามาเยอะค่ะและเข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง เจ็บมาเยอะ จ่ายมาแยะ 555
ถ้าอยากดูรีวิวการทำจมูกที่เกาหลี ก็ดูคลิปเราได้ที่นี่เลยจ้า
[CR] รีวิว แก้จมูกที่เกาหลี (ครั้งที่ 3) ใช้เนื้อเยื่อใต้ศีรษะและกระดูกหลังหู เพราะสันจมูกบางมาก
ตอนนี้เพื่อนๆน่าจะเข้าใจแล้วว่าทำไมแยมถึงตัดสินใจไปแก้ที่เกาหลี
มาดูภาพก่อนที่จะไปแก้รอบล่าสุดกันค่ะ เวลายิ้มจะสังเกตุว่าเห็นสันซิลิโคนชัดมาก
เพราะเนื้อตรงกลางมันบางมากค่ะ และแกนจมูกมันเอียงๆด้วยค่ะ
รูปนี้คือมุมด้านข้างค่ะ เวลายิ้มจะเห็นรอยชัดเจน ว่าช่วงตรงกลางมันไม่เรียบค่ะ
และมีรอยนูนๆที่เกิดจากของเดิมอยู่
ส่วนรูปนี้คือเวลาเม้มปากก็จะเห็นว่ามันมีนูนๆตรงกลางนิดนึงค่ะ ยิ่งเม้มปากยิ่งเห็นชัด
รูปด้านบนคือจมูกที่แก้มาได้ประมาณเกือบ 4 ปีแล้วค่ะ แต่กลัวว่ายิ่งปล่อยไว้นาน มันก็จะยิ่งเห็นซิลิโคนชัด และเนื้อมันดูบางมาก เลยตัดสินใจศึกษาหาข้อมูลเพื่อที่จะแก้จมูกรอบที่ 3!!! เราทั้งหาข้อมูลหมอในไทยและในเกาหลี ปรึกษาหลายที่มาก แล้วเราก็ไปเจอกระทู้ในพันทิพที่โพสต์เกี่ยวกับเคสแก้จมูก แล้วก็ได้ลองติดต่อสอบถามข้อมูลไปค่ะ ปรากฎว่ายิ่งคุยก็ยิ่งรู้สึกว่าเราหัวอกเดียวกัน เพราะเป็นเคสแก้จมูกเหมือนกัน เค้าก็ให้คำปรึกษาแนะนำดีมากค่ะ เราส่งรูปเราและถ่ายวีดีโอให้ดูว่าจมูกมันมีปัญหาอะไรยังไงให้เค้าเพื่อที่จะเอาให้คุณหมอที่เกาหลีดู หมอก็บอกแก้ได้และแนะนำวิธีแก้มาด้วย เราเลยเอาข้อมูลของหลายๆเจ้าที่เราไปปรึกษามาเทียบกัน ดูทั้งวิธีแก้ เทคนิคการแก้ ประวัติหมอ และราคาการแก้ของแต่ละเจ้า ซึ่งพอเปรียบเทียบกันแล้วเราก็เลือกเจ้าที่เรารู้จักจากกระทู้พันทิพค่ะ ก่อนไปก็นัดคุยกับพี่ Agency แล้วก็ได้ข้อมูลทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมเดินทางค่ะ
วันที่ 26 ธ.ค.เราก็เดินทางไปเกาหลีค่ะ แล้วก็นัดหมอปรึกษาและผ่าตัดวันที่ 27 ค่ะ
ภาพบรรยากาศข้างในโรงบาลค่ะ ดูดีมากค่ะ
แล้วก็ถึงเวลาถ่ายรูปภาพก่อนทำค่ะ เค้าก็จะถ่ายภาพเราเก็บไว้ทุกมุมค่ะ มุมก้ม มุมเงย หันข้าง ทุกทิศทางเลยจ้า
จากนั้นก็ถึงเวลาเข้าไปปรึกษาคุณหมอในห้องค่ะ หมอก็จับจมูกและวิเคราะห์ดู หมอคิดว่าข้างในมีซิลิโคนและกระดูกหลังหูหลงเหลืออยู่ และเนื้อของแยมตรงช่วงกลางจมูกมันบางมาก ส่วนแกนจมูกมันไม่ตรง มันเอียงเล็กน้อย คุยไปคุยมาสรุปหมอจะแก้โดยการ
1. ใส่ซิลิโคนใหม่เข้าไป
2. ปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ โดยการเอาเนื้อเยื่อใต้ศีรษะมาใส่ เพื่อช่วยทำให้เนื้อช่วงกลางดูหนาขึ้น
3. ทำให้เนื้อตรงกลางเรียบ ไม่นูนออกมา
4. ยืดผนังกั้นจมูกด้านใน ทำให้จมูกดูยาวขึ้น
5. เอากระดูกหลังหูมาต่อปลาย
6. ตัดปีกจมูกจากด้านใน ทำให้ปลายจมูกดูเล็กลง
7. ปรับแกนจมูกให้ตรง
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่หมอจะแก้ให้ค่ะ ก็ถือว่าค่อนข้างหลายรายการมาก 555
ว่าแล้วก็ไปเปลี่ยนชุดเพื่อรอขึ้นเขียงจ้า
จากนั้นก็เข้าไปผ่าตัดค่ะ การผ่าตัดของเกาหลีจะเป็นการวางยาสลบค่ะ ตอนแรกที่เค้าพาเข้าห้องผ่าตัด เค้าให้เราขึ้นเตียงแล้วพยาบาลก็มาทำความสะอาดจมูกและตัดขนจมูกให้ค่ะ ซักพักเค้าก็เอาเข็มมาเจาะที่แขนเพื่อที่เค้าจะให้ยาสลบค่ะ เราก็ไม่รู้ว่าสลบไปตอนไหนนะ เค้าใช้เวลาผ่าตัด 3 ชม. ตื่นมาอีกทีก็เย็บแผลอะไรเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว เค้าก็พาเราไปที่ห้องพัก เราก็เดินโซเซ ความรู้สึกคือวิงเวียนเหมือนคนจะเป็นลมค่ะ แล้วก็ให้เราไปนอนพักก่อน จำได้ว่าหิวน้ำมากกกกกกกกกกแบบที่สุดของที่สุด
นี่คือสภาพหลังจากการผ่าตัดแล้วมาที่ห้องพักค่ะ ยังมีความสลึมสลืออยู่ค่ะ
เรานอนพักประมาณ 40-50 นาที พอเริ่มดีขึ้น ลุกได้ ไม่เวียนหัวแล้ว เราก็กลับที่พักค่ะ แล้วเราก็ไป Follow Up กับหมออีก 2 วันค่ะ ตอน Follow Up หมอเค้าก็ดูแผลแล้วก็บอกว่าแผลแห้งดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เค้าก็พูดถึงเคสของเราว่าจมูกเก่าของเราก่อนแก้ เนื้อข้างในมันเรียบไม่เสมอกัน มีส่วนที่หนาและบางสลับกัน โดยเฉพาะช่วงกลางจมูกเนื้อมันบางมาก เค้าเลยต้องใช้เนื้อเยื่อใต้ศีรษะมาปลูกถ่ายเพราะเหมาะที่สุดแล้ว เค้าบอกจมูกเข้าที่และดีขึ้นใน 6 เดือน ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปค่ะ จากนั้นพยาบาลก็พาไปทำแผลค่ะ
อันนี้คือเค้าทาเบตาดีนและทายาสมานแผลที่จมูกค่ะ
แล้วก็มีการฉีดยาเพื่อกันอักเสบค่ะ เราว่าดีมากเลยนะ เพราะเราบอกเค้าว่าเรารู้สึกมีน้ำมูกหน่อยๆ (ตอนไปเกาหลีช่วงนั้นอากาศหนาวมากกก ประมาณ -5 องศาค่ะ ต้องระวังเรื่องสุขภาพมากๆ แต่ก็มีน้ำมูกจนได้) เค้าก็เลยฉีดยากันไว้ให้เราค่ะ
หลังจากที่ Follow Up 2 วันเราก็กลับไทยค่ะ มาดูแลแผลเองต่อที่ไทย ระหว่างนี้ต้องดูแลแผลให้ดีๆ เรากินยาตามที่หมอจ่าย 7 วัน แล้วก็ประคบเย็น 3-4 วันแรกเพราะหน้ามันจะบวมๆ แต่ไม่มีรอยช้ำใดๆทั้งสิ้นค่า หมอทำดีมากหน้าเราไม่มีรอยช้ำเลย ทุกวันเช้าเย็นเราจะเช็ดน้ำเกลือที่บริเวณแผลและทายา terramycin ที่หมอให้มาค่ะ นอนหมอนสูงเข้าไว้เลยช่วงแรกๆ แล้วพอครบ 8 วันเราก็ไปตัดไหมที่คลิปนิกในไทยค่ะ
อันนี้คือยาที่จำเป็นมากค่ะ terramycin เป็นยาช่วยสมานแผลให้หายไวขึ้นค่ะ
และแล้วเรามาดูการ Update จมูกในแต่ละวันกันค่ะ
แล้วนี่ก็คือรูปปัจจุบันค่ะ
ตอนนี้จมูกเริ่มยุบไปเยอะแล้วค่ะ แต่ตรงช่วงกลางจมูกมันยังแดงๆอยู่นิดนึง (ถ้าไม่ได้แต่งหน้า) หมอบอกว่าจมูกเดิมเราเนื้อบางมากค่ะ มันเลยยังแดงๆช้ำๆ ต้องรอเวลาอย่างน้อย 6 เดือนค่ะรอยแดงหรือรอยช้ำจะหายไปค่ะ ตอนนี้เราก็รอเวลาให้มันยุบ ทรงมันจะเข้าที่มากขึ้นค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดูรีวิวนะคะ ถ้ามีอะไรสงสัยหรืออยากปรึกษาเกี่ยวกับการแก้จมูก ก็ถามกันได้นะคะ เราเป็นคนนึงที่เคยประสบปัญหามาเยอะค่ะและเข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง เจ็บมาเยอะ จ่ายมาแยะ 555
ถ้าอยากดูรีวิวการทำจมูกที่เกาหลี ก็ดูคลิปเราได้ที่นี่เลยจ้า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้