โอเค ตื่นเต้นมาก มีบัญชีพันทิปมาตั้งนาน เอาไว้นานๆ ทีเข้ามาอ่าน ไม่คิดว่าวันนี้มาถึงวันของเราแล้ว มาเขียนกระทู้เองบ้าง 555
เรื่องของเรื่องก็คือเพิ่งไปทำศัลยกรรมมา แล้วรู้สึกว่า คิดถูก ประทับใจ มีความสุขมาก เลยอยากมาแชร์มุมดีๆ ของการทำศัลยกรรมให้กับทุกคนอ่านกัน เป็นการเขียนกระทู้ของเราเองครั้งแรก จะพยายามทำให้ดีที่สุดนะคะ
อันที่จริง ตั้งแต่สมัยเรียน ส่วนตัวเป็นคนค่อนข้างแอนตี้การทำศัลยกรรม แต่ไมได้ถึงขั้นว่าไม่ชอบคนที่ทำศัลยกรรมมา แต่รู้สึกว่า ตัวเราเอง เราไม่อยากทำศัลยกรรม เพราะเราคิดว่า อันตรายบ้าง รู้สึกว่าเป็นของปลอมบ้าง รู้สึกว่า ไม่จำเป็น ไม่เห็นต้องทำเลย อะไรแบบนี้ แต่พอโตขึ้นมาเริ่มเรียนมหาวิทยาลัย เรียนจบได้ทำงาน รู้จักคนเยอะขึ้น รู้จักหมอบางคน และก็ได้ทำงานเกี่ยวกับการตลาด และก็เรียนรู้เกี่ยวกับการแพทย์บ้าง ศัลยกรรมบ้าง สุขภาพ อะไรพวกนี้ ก็เริ่มเข้าใจว่า การทำศัลยกรรมก็ไมไ่ด้อะไรนักหนา ถ้าเราศึกษาข้อมูลดีๆ เลือกดีๆ ทำเท่าที่จำเป็น ก็สามารถทำศัลยกรรมได้อย่างปลอดภัย ทำให้เราสวยขึ้น อะไรแบบนี้
ทีนี้ ตัวเราเอง ตอนนี้ อายุ 33 แล้ว ก็พอจะกำลัง ที่จะไปทำศัลยกรรมได้ ก็เลยคิดว่า สิ่งที่อยากทำคือ ทำตาสองชั้น ทำจมูก อะไรแบบนี้ เหมือนคนทั่วไป แต่ก็ไม่ได้รีบร้อน ดูอยู่เรื่อยๆ ว่าอยากทำที่ไหนดี ก็คือยังไม่ได้ทำสักที และก็อีกอย่างที่คิดว่าอยากทำ ก็คืออยากทำหน้าผาก เสริมหน้าผาก แบบว่าอยากให้ละมุน ฟีลหวาน ฟีลพี่สาวจีน เหมือนผู้หญิงมากขึ้น อะไรแบบนี้ แต่ก็คิดว่าจะทำเป็นเรื่องสุดท้าย เพราะเท่าที่ดูๆ คือค่อนข้างเรื่องใหญ่ 555 ต้องผ่า โน้นนี่ ดูใหญ่โต
แต่ว่า นึกคึก ไปรู้จักคลินิกที่นึง แล้วทำให้เรารู้สึกว่า การเสริมหน้าผากไม่น่าใช่เรื่องใหญ่ น่าจะปัง เลยเกิดแรงฮึดอยากทำหน้าผากขึ้นมา (เคยเห็นหมอที่คลินิกอยู่ในทีวีด้วย ก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่หมอทำงาน) สรุปเลยได้เข้าไปปรึกษาและก็ได้ทำหน้าผาก ก่อนจะทำจมูกทำตาอย่างที่คิดไว้ 55
อ่ะ ต่อไปจะเข้าเรื่องทำหน้าผากละนะ
อ้อ ลืมบอก หมอแนะนำให้ทำเสริมหน้าผาก พร้อมกับเสริมขมับ ไปด้วยพร้อมกันเลย จะได้ปั๊วะๆ ไปในคราวเดียว 55
ไป! เริ่ม!
อันนี้รูปก่อนทำ จะเห็นว่า ถ้าเลือกๆ มุมหน่อย ก็ดูเหมือนไม่ได้มีปัญหาอะไร กับหน้าผาก กับขมับ ก็ดูเป็นคนปกติ ทั่วไป ก็เลยคิดว่า หน้าผากคุณทำสุดท้าย อยากทำจมูกก่อน 555 คนไทยอะเนาะ จมูกมันก็น้อยไง ไม่ค่อยจึ้ง
แต่ถ้าพอเริ่มเป็นมุมข้างๆ ก็จะเป็นตามรูปเลย ที่เราทำลูกศรสีแดงชี้
พอเป็นมุมข้าง ก็จะเห็นชัด ว่าหน้าผากมีความไม่เรียบ ดูไม่หวาน ดูไม่ละมุน เห็นโหนกคิ้วเบาๆ
มุมนี้คือ โคตะระชัดเลย ว่าเห็นโหนกคิ้วชัด และหน้าผากไม่เรียบ
ความไม่เรียบ ชัดเจน เพิ่งมาสังเกตตัวเอง ก่อนที่คิดทำนี่แหละ ว่าเอ้ย หน้าผากเราไปต่อได้อีกนี่นา มันไม่เรียบง่ะ มันไม่เนียนนี 555
แต่ก่อนหน้านี้ ก็คิดว่าเราเนียนนีอยู่พอสมควร เลยไม่ได้กังวลอะไรตรงหน้าผากมาก เลยว่าจะเอาไว้อย่างสุดท้ายเนาะ
ก็คือมีความไม่เรียบ ไม่โหนกนูน บวกลบหารคูณแล้วก็ยังโป๊ะ ไม่เนียน
รูปนี้ก็จะเห็นว่า ขมับ มันบุ๋มหายไป จุดที่หมอแนะนำให้ทำเพิ่มไป
อ่ะ รูปหน้าสดๆๆๆ จัดไปเลย
หน้าสุดมุมนี้ ก็คือให้ดูว่า ขมับตอบ ขมับหายไป ทำให้หน้าเราดูโหนกแก้มมันดูใหญ่นิดนีง
สรุปคือ เราจะทำเสริมหน้าผาก และหมอแนะนำให้เสริมขมับไปด้วยเลย จริงๆ หมอถามว่า เราจะทำไปพร้อมกันเลย หรือว่า จะทำหน้าผากก่อน แล้วรอหน้าผากหาย แล้วมาดูเสริมขมับอีกที หรือจะทำไปพร้อมกันก็ได้ แต่ถ้ารีบ ก็จัดไปเลยพร้อมกันรัวๆ เราก็เลยถามหมอว่า ถ้าทำพร้อมกันโอเคไหม หมอบอก ได้ เราก็เลยจัดไปเลยรัวๆ รวบตึง
มาพูดถึงสิ่งที่จะเอาใส่เข้าไปเสริมในหน้าผากเรา กับตรงขมับ แน่นอนว่าคือซิลิโคน ซึ่งเสริมหน้าผาก หลายๆ คนคงเคยเห็นคนที่เสริมมา แล้วฟีลแบบเหมือนปลาทอง แบบโหนกนูนมาก ดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูรู้ขัดๆเลย ว่าทำหน้าผากมา ด้วยซิลิโคนหรือฟิลเลอร์อะไรก็ตาม แต่แบบดูนูนมากๆๆ ซึ่งเราก็กังวลนิดหน่อย ว่าจะเป็นแบบไหนไหม เพราะเราอยากได้แบบธรรมชาติ เนียนๆ ก็พยายามย้ำหมอหลายทีเหมือนกัน ว่าไม่โป๊ะชัวร์นะคะคูมหมอออ หมอก็มั่นใจบอกว่า หมอจะทำให้ดีที่สุด ให้เนียนให้ธรรมชาติมากที่สุด เรากับหมอก็เลยเชคแฮนด์จับมือกัน ว่า เอาวะ ทำเลยค่ะ ลุย!
อันที่จะเสริมเข้าไป ก็คือซิลิโคนอย่างที่บอกไป แต่คลินิกนี้แอบแพงนิดนุง เราก็ว่าทำไมค่อนไปทางแพงหน่อย หมอก็อธิบายว่า เป็นซิลิโคนเฉพาะบุคคลแบบสั่งผลิตเป็นของใครของมัน ไม่ได้ใช้ซิลิโคนที่เป็นสำเร็จรูป แบบ S M L หมอก็บอกว่า มันก็เหมือนเราไปห้างซื้อเสื้อ กับเราสั่งตัดเสื้อ เสื้อที่เราสั่งตัด เราก็จะจู้จี้กับช่างได้ ว่าเราอยากได้ไซซ์อะไร ตรงนั้นเพิ่มตรงนี้ลด แต่ถ้าเสื้อในห้างมันก็ล้อกสเปกมาแล้ว ว่าให้เราเลือกขนาดที่ใกล้เคียงกับเรามากที่สุด แต่สั่งตัด มันจะเป็นเสื้อของเรา เหมาะกับเราที่สุดแบบเป้ะที่สุด ไรงี้ ตัวซิลิโคนเสริมยัดตรงขมับก็เหมอืนกันเลย เป็นแบบสั่งทำเป็นของเราคนเดียว เก๋อยู่นะเออ
ทีนี้ ปัญหาเกิดนิดหน่อย เพราะว่าเราอยากทำช่วง กลางเดือน เพราะต้นเดือนถัดไป เรามีต้องไปงาน ต้องใช้หน้า ตอ้งหายแล้วตอ้งไปทำงานได้แล้ว แล้วเรามาปรึกษา คือปลายเดือนจะสิ้นเดือนแล้ว ทีนี้ปัญหาคือ ตัวซิลิโคนมันต้องสั่งทำ แล้วส่งมาจากเกาหลี คือมันต้องมีเวลาให้เค้าผลิตที่เกาหลี แล้วต้องส่งซิลิโคนข้ามน้ำข้ามทะเลมา กว่าจะถึงไทย แล้วกว่าแผลจะหายอีก เราก็ทำไงดีจะทันไหมล่ะ สิ้นเดือน จะได้ทำทันกลางเดือนไหม แล้วจะพักฟื้นทันไหม ให้ได้ไปงานต้นเดือนหน้า
กลับมาปรึกษากับหมอรอบสอง เพื่อปรึกษาละเอียดๆๆๆ และหาวันผ่าตัด หมอก็บอกว่า ไม่ตอ้งกังวล เดี๋ยวจะเร่งโปรเซสให้ คือที่คลินิกหมอบอกว่าเราจะได้ซิลิโคนมาเร็วกว่าทำที่อื่น เพราะว่าที่อื่นอาจจะต้องหล่อปูนที่หน้าผาก ให้เป็นรูปหน้าผากเรา แล้วส่งไปเกาหลี เพื่อถอดแบบ แล้วผลิตซิลิโคนที่เกาหลี แล้วส่งมา กว่าจะส่งไปส่งมา เกือบๆ เดือน กว่าจะได้ซิลิโคนมาถึงที่ไทย แต่ๆๆๆๆ ที่คลินิกคือบับเก๋ เราชอบมาก คือเริด คือคลินิกจะทำ CT SCAN หน้าเรา ทีนี้ก็จะเห็นเป็นโครงกระดูกหน้าเรา แล้วหมอจะออกแบบแล้วส่งไฟล์สแกนอันนี้ไปเกาหลี แล้วเกาหลีผลิต แล้วส่งกลับชิ้นซิลิโคนกลับมา ก็จะไวกว่าเดิม 2 เท่า เออคือมันเริด !! คือสิ่งที่ได้เพิ่มมาจากความไว ก็คือความเป๊ะของการออกแบบชิ้นซิลิโคนให้มันพอดีกับหน้าเราหน้าผากเรามากที่สุด เพราะว่าด้วยความเป็นไฟล์ดิจิตอล แล้วแบบลองมาออกแบบจำลองในคอมพิวเตอร์ได้ก่อนจะสั่งผลิตจริง อะไรแบบนี้ อันนี้คือจึ้ง
แล้วเราก็ได้เห็นแผนด้วย ว่าหมอออกแบบแผ่นซิลิโคนที่จะใส่ในหน้าผากเราให้เล็กใหญ่เท่าไร แล้วหลังทำจะออกมาประมาณไหน
อันนี้คือเป็นหน้าผากเรา ที่เป็นมุมมอง ที่มองจากด้านข้าง ที่หมอเปิดให้ดูแล้วให้ดูว่า อันนี้คือที่หมอวางแผนจะใส่ซิลิโคนลงไป วิธีการดูคือ เส้นสีเหลืองๆ ส้มๆ ใต้เส้นสีเขียว คือหน้าผากเดิมของเรา เส้นสีม่วงคือชิ้นซิลิโคนที่หมอวางแผนว่าจะออกแบบและผลิตมาให้ซิลิโคนมีขนาดประมาณนี้ แล้วเส้นสีเขียวเส้นนอกสุด คือจำลองว่า ความโค้งนูนของหน้าผากเรา เมื่อยัดซิลิโคนลงไปแล้ว คือเริดนะ
อันนี้ก็คือรูปแผนการผลิต การออกแบบชิ้นซิลิโคนของเรา ก็คือชิ้นม่วงๆๆ แล้วส่งแผนไปผลิตชิ้นซิลิโคนม่วงๆนี้ ที่เกาหลี แล้วที่เกาหลี ส่งกลับมาไทย
อันนี้คือตัวชิ้นซิลิโคนที่จะยัดไปตรงขมับเราทั้งสองข้าง เรากลัวว่ามันจะนูนไปไหม ปรึกษาหมอ หมอก็ออกแบบมาให้เราเลือกเป็๋นทางเลือก ว่าเราอยากได้ความนูนเยอะน้อยขนาดไหน
อันนี้เป็นเวอร์ชั่นแก้ไข ก็แบบมันลดความนูนลงไปนิดนุง เราก็ปรึกษาหมอ คุยกันไปมา ประเมินจากใบหน้า ประเมินจากเทคนิคต่างๆ ที่หมอใช้ัออกแบบ ก้ตกลงกันว่า ใช้แผน2นี้ที่ลด่ขนาดลงมานิดนุง เพราะเรายืนยันว่าอยากได้ธรรมชาติแบบธรรมชาติเลย
อันรูปพวกนี้ ก็คือขอกลับมาได้เลย เก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ของเรา 555
สรุปรวมเรื่องราว ก็คือวางแผนกันเรียบร้อย ว่าจะทำใดๆ ทีนี้เหลือแค่ลุ้นว่า ซิลิโคนจะส่งกลับมาทันไหม เพราะว่าเราสรุปไฟนอลกัน คือวันที่ 25 แล้ว โดยปกติ ควรจะนัดคิวผ่า เผื่อไว้ 1 เดือน เพราะต้องไปต่อคิวผลิตที่เกาหลี แล้วส่งมาไทย ตอ้งเผื่อเวลาให้ช้าบ้างไรบ้าง บางทีฝนตกฟ้าร้อง หรือใดๆ ก็อาจจะทำให้ซิลิโคนมาถึงช้า ถ้าเป็นแบบหล่อปูน ก็ต้องนัดคิวผ่าเผื่อไปเลยเดือนกว่าๆ แต่ว่าของเรา หมอบอกว่า เดี๋ยวจะประสานกับเกาหลีให้ ให้เร่งทำให้ และก็เราใช้ไฟล์ดิจิตอลส่งไป ระยะเวลาก็จะลดลงไป 2 เท่า
เราไฟนอลกับคลินิก วันที่ 25 แล้ววันที่ 29 หมอนัดเราคุยผ่านออนไลน์ ให้ดูแผนการผลิตซิลิโคนรอบสุดท้าย ที่ทางเกาหลีไฟนอลแบบมา เราก็คุยกับหมอแล้วก็ตกลงตามนั้น แล้วก็มีขั้นตอนภายในอะไรอีกก็ไม่รู้ รู้มาจากพี่เซลล์ว่า เหมือนจะเริ่มเข้าสู่การผลิตซิลิโคนได้จริงๆ ก็จะอีกประมาณ 1-2 วันถัดมา อันนี้คือไวแล้วเพราะหมอเร่งคิวให้ เพราะเราตอ้งการผ่ากลางๆ เดือน หมอก็เลยนัดวันที่ 18 ก็คือทางเกาหลีบอกว่า จะรีบส่งมาภายในประมาณ 15 วัน หมอเลยนัดเราวันที่ 18 เผิ่อนิดหนอ่ย
เรากังวลนิดหนอ่ย ว่าผ่า 18 แล้วจะหายบวม หายเจ็บ ทันต้นเดือนไหม จะเข้าที่หรือยังจะโป้ะไหม จะแต่งหน้าทำผมใดๆ ได้ไหม ไรงี้ ฟุ้งซ่านอยู่เหมือนกัน เพราะเวลามันกระชั้นปริ่มๆ มาก
หมอก็ทำเรื่องให้เราว้าวอีก 555 หมอบอกว่า ไม่ต้องกังวล หมอค่อนข้างมั่นใจว่า ไปทำงานได้แน่นอนต้นเดือน สบายๆ เพราะหมอจะผ่าตัดเทคนิคที่แผลมันจะเล็กมากๆ และซ่อนแผลไว้เล็กๆ ไม่ให้มองเห็น จะได้เนียนๆ เป็นธรรมชาติแบบที่เราต้องการ อ่ะ มาแนวขิง มาแนวจึ้ง 555 เราก็เออเอาซิ จัดไปเลยค้าบ
เอาละสิ กังวลอีกรอบ 555 เพราะว่าเราเคยเเขนหักตอนเด็กประมาณ ม 2 แล้วต้องเข้าเฝือกที่เเขนข้างซ้าย แล้วก็ดมยาสลบ คือหลังจากดมยาแล้วตื่นมา คือรู้สึกว่า การดมยาคือสิ่งเลวร้ายมาก มันเวียนหัวอยากอ้วกตอนตื่นมา และก็หลายๆ อย่างที่เราจำได้ว่าเป็นประสบการณ์ไม่ดีเลย เลยโทรไปถามแม่ ว่าตอนนั้นมันยังไงบ้างนะ แม่บอกว่า ตอนนั้นหลังตื่นจากดมยา เราร้องไห้ เราเรียกร้องหาแม่ บอกแม่ว่าหนูจะไม่อยู่แล้ว อะไรไม่รู้ 555 เราเวียนหัว อ้วก ทรมานมาก คือจำได้คร่าวๆ ว่าเหมือนรู้สึกแย่มากๆ อันนั้นคือตอนเด็ก และโตมาก็ได้ข่าวว่ามีคนดมยาแล้วไม่ตื่น 5555 โอ้ย คือแอบฟุ้งซ่านมากอยู่ตอนนั้น กังวล และประเด็นคือ หมอบอกว่าาาาาา ดมยาที่นี่ ทำเสร็จแล้วกลับบ้านเลยจ้า ไม่ต้องนอนค้าง อ่าวววววว กลัวไปใหญ่ 555 ดมยาสลบ มันก็ตอ้งนอนค้างไหมอะ แต่ทำที่คลินิก มันก็นอนค้างไม่ได้อีก เพราะมันคลินิก แล้วจะดมยาแล้วจะไง
สรุป หมอบอกว่า ดมยาที่นี่ ดมได้ ในคลินิกเป็นห้องผ่าตัดเล็ก และเป็นเทคนิคดมยา แบบไม่ต้องนอนค้างได้ ทำได้ ปลอดภัย มีหมอดมยา มีชื่อเรียกเทคนิคด้วยนะ จะไม่ได้ อะไรเซียๆ อ่ะ หมอพูดแบบนี้เราก็สบายใจ
ซิลิโคน ก็มาถึงไทยแล้วจ้า ผ่าวันที่ 18 ซิลิโคนมาถึงไทย วันที่ 11 คือไวมากกกก ความไวปีศาจ หมอบอกเร่งให้คือเร่งให้จริง ไวจริง เราก็สบายใจ ซิลิโคนมาถึงไทยละ
อ่ะ ซิลิโคนเป็นแบบนี้ มีชื่อเรา มีการ์ดรับประกัน เริด (วันที่ในการ์ดคือวันที่ 8 เราไม่แน่ใจเป็นวันที่อะไร แต่เรารับทราบว่าซิลิโคนถึงคลินิกวันที่ 11) ทั้งหน้าผาก ขมับ มาพร้อมกันเลย
เดี๋ยวมาต่อนะ ^^
[CR] รีวิวแบบเปลือยๆ แชร์ประสบการณ์ตัวเอง ผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกในชีวิต ประทับใจมาก จนอยากทำอีกเรื่อยๆ 55
เรื่องของเรื่องก็คือเพิ่งไปทำศัลยกรรมมา แล้วรู้สึกว่า คิดถูก ประทับใจ มีความสุขมาก เลยอยากมาแชร์มุมดีๆ ของการทำศัลยกรรมให้กับทุกคนอ่านกัน เป็นการเขียนกระทู้ของเราเองครั้งแรก จะพยายามทำให้ดีที่สุดนะคะ
อันที่จริง ตั้งแต่สมัยเรียน ส่วนตัวเป็นคนค่อนข้างแอนตี้การทำศัลยกรรม แต่ไมได้ถึงขั้นว่าไม่ชอบคนที่ทำศัลยกรรมมา แต่รู้สึกว่า ตัวเราเอง เราไม่อยากทำศัลยกรรม เพราะเราคิดว่า อันตรายบ้าง รู้สึกว่าเป็นของปลอมบ้าง รู้สึกว่า ไม่จำเป็น ไม่เห็นต้องทำเลย อะไรแบบนี้ แต่พอโตขึ้นมาเริ่มเรียนมหาวิทยาลัย เรียนจบได้ทำงาน รู้จักคนเยอะขึ้น รู้จักหมอบางคน และก็ได้ทำงานเกี่ยวกับการตลาด และก็เรียนรู้เกี่ยวกับการแพทย์บ้าง ศัลยกรรมบ้าง สุขภาพ อะไรพวกนี้ ก็เริ่มเข้าใจว่า การทำศัลยกรรมก็ไมไ่ด้อะไรนักหนา ถ้าเราศึกษาข้อมูลดีๆ เลือกดีๆ ทำเท่าที่จำเป็น ก็สามารถทำศัลยกรรมได้อย่างปลอดภัย ทำให้เราสวยขึ้น อะไรแบบนี้
ทีนี้ ตัวเราเอง ตอนนี้ อายุ 33 แล้ว ก็พอจะกำลัง ที่จะไปทำศัลยกรรมได้ ก็เลยคิดว่า สิ่งที่อยากทำคือ ทำตาสองชั้น ทำจมูก อะไรแบบนี้ เหมือนคนทั่วไป แต่ก็ไม่ได้รีบร้อน ดูอยู่เรื่อยๆ ว่าอยากทำที่ไหนดี ก็คือยังไม่ได้ทำสักที และก็อีกอย่างที่คิดว่าอยากทำ ก็คืออยากทำหน้าผาก เสริมหน้าผาก แบบว่าอยากให้ละมุน ฟีลหวาน ฟีลพี่สาวจีน เหมือนผู้หญิงมากขึ้น อะไรแบบนี้ แต่ก็คิดว่าจะทำเป็นเรื่องสุดท้าย เพราะเท่าที่ดูๆ คือค่อนข้างเรื่องใหญ่ 555 ต้องผ่า โน้นนี่ ดูใหญ่โต
แต่ว่า นึกคึก ไปรู้จักคลินิกที่นึง แล้วทำให้เรารู้สึกว่า การเสริมหน้าผากไม่น่าใช่เรื่องใหญ่ น่าจะปัง เลยเกิดแรงฮึดอยากทำหน้าผากขึ้นมา (เคยเห็นหมอที่คลินิกอยู่ในทีวีด้วย ก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกที่หมอทำงาน) สรุปเลยได้เข้าไปปรึกษาและก็ได้ทำหน้าผาก ก่อนจะทำจมูกทำตาอย่างที่คิดไว้ 55
อ่ะ ต่อไปจะเข้าเรื่องทำหน้าผากละนะ
อ้อ ลืมบอก หมอแนะนำให้ทำเสริมหน้าผาก พร้อมกับเสริมขมับ ไปด้วยพร้อมกันเลย จะได้ปั๊วะๆ ไปในคราวเดียว 55
ไป! เริ่ม!
อันนี้รูปก่อนทำ จะเห็นว่า ถ้าเลือกๆ มุมหน่อย ก็ดูเหมือนไม่ได้มีปัญหาอะไร กับหน้าผาก กับขมับ ก็ดูเป็นคนปกติ ทั่วไป ก็เลยคิดว่า หน้าผากคุณทำสุดท้าย อยากทำจมูกก่อน 555 คนไทยอะเนาะ จมูกมันก็น้อยไง ไม่ค่อยจึ้ง
แต่ถ้าพอเริ่มเป็นมุมข้างๆ ก็จะเป็นตามรูปเลย ที่เราทำลูกศรสีแดงชี้
พอเป็นมุมข้าง ก็จะเห็นชัด ว่าหน้าผากมีความไม่เรียบ ดูไม่หวาน ดูไม่ละมุน เห็นโหนกคิ้วเบาๆ
มุมนี้คือ โคตะระชัดเลย ว่าเห็นโหนกคิ้วชัด และหน้าผากไม่เรียบ
ความไม่เรียบ ชัดเจน เพิ่งมาสังเกตตัวเอง ก่อนที่คิดทำนี่แหละ ว่าเอ้ย หน้าผากเราไปต่อได้อีกนี่นา มันไม่เรียบง่ะ มันไม่เนียนนี 555
แต่ก่อนหน้านี้ ก็คิดว่าเราเนียนนีอยู่พอสมควร เลยไม่ได้กังวลอะไรตรงหน้าผากมาก เลยว่าจะเอาไว้อย่างสุดท้ายเนาะ
ก็คือมีความไม่เรียบ ไม่โหนกนูน บวกลบหารคูณแล้วก็ยังโป๊ะ ไม่เนียน
รูปนี้ก็จะเห็นว่า ขมับ มันบุ๋มหายไป จุดที่หมอแนะนำให้ทำเพิ่มไป
อ่ะ รูปหน้าสดๆๆๆ จัดไปเลย
หน้าสุดมุมนี้ ก็คือให้ดูว่า ขมับตอบ ขมับหายไป ทำให้หน้าเราดูโหนกแก้มมันดูใหญ่นิดนีง
สรุปคือ เราจะทำเสริมหน้าผาก และหมอแนะนำให้เสริมขมับไปด้วยเลย จริงๆ หมอถามว่า เราจะทำไปพร้อมกันเลย หรือว่า จะทำหน้าผากก่อน แล้วรอหน้าผากหาย แล้วมาดูเสริมขมับอีกที หรือจะทำไปพร้อมกันก็ได้ แต่ถ้ารีบ ก็จัดไปเลยพร้อมกันรัวๆ เราก็เลยถามหมอว่า ถ้าทำพร้อมกันโอเคไหม หมอบอก ได้ เราก็เลยจัดไปเลยรัวๆ รวบตึง
มาพูดถึงสิ่งที่จะเอาใส่เข้าไปเสริมในหน้าผากเรา กับตรงขมับ แน่นอนว่าคือซิลิโคน ซึ่งเสริมหน้าผาก หลายๆ คนคงเคยเห็นคนที่เสริมมา แล้วฟีลแบบเหมือนปลาทอง แบบโหนกนูนมาก ดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูรู้ขัดๆเลย ว่าทำหน้าผากมา ด้วยซิลิโคนหรือฟิลเลอร์อะไรก็ตาม แต่แบบดูนูนมากๆๆ ซึ่งเราก็กังวลนิดหน่อย ว่าจะเป็นแบบไหนไหม เพราะเราอยากได้แบบธรรมชาติ เนียนๆ ก็พยายามย้ำหมอหลายทีเหมือนกัน ว่าไม่โป๊ะชัวร์นะคะคูมหมอออ หมอก็มั่นใจบอกว่า หมอจะทำให้ดีที่สุด ให้เนียนให้ธรรมชาติมากที่สุด เรากับหมอก็เลยเชคแฮนด์จับมือกัน ว่า เอาวะ ทำเลยค่ะ ลุย!
อันที่จะเสริมเข้าไป ก็คือซิลิโคนอย่างที่บอกไป แต่คลินิกนี้แอบแพงนิดนุง เราก็ว่าทำไมค่อนไปทางแพงหน่อย หมอก็อธิบายว่า เป็นซิลิโคนเฉพาะบุคคลแบบสั่งผลิตเป็นของใครของมัน ไม่ได้ใช้ซิลิโคนที่เป็นสำเร็จรูป แบบ S M L หมอก็บอกว่า มันก็เหมือนเราไปห้างซื้อเสื้อ กับเราสั่งตัดเสื้อ เสื้อที่เราสั่งตัด เราก็จะจู้จี้กับช่างได้ ว่าเราอยากได้ไซซ์อะไร ตรงนั้นเพิ่มตรงนี้ลด แต่ถ้าเสื้อในห้างมันก็ล้อกสเปกมาแล้ว ว่าให้เราเลือกขนาดที่ใกล้เคียงกับเรามากที่สุด แต่สั่งตัด มันจะเป็นเสื้อของเรา เหมาะกับเราที่สุดแบบเป้ะที่สุด ไรงี้ ตัวซิลิโคนเสริมยัดตรงขมับก็เหมอืนกันเลย เป็นแบบสั่งทำเป็นของเราคนเดียว เก๋อยู่นะเออ
ทีนี้ ปัญหาเกิดนิดหน่อย เพราะว่าเราอยากทำช่วง กลางเดือน เพราะต้นเดือนถัดไป เรามีต้องไปงาน ต้องใช้หน้า ตอ้งหายแล้วตอ้งไปทำงานได้แล้ว แล้วเรามาปรึกษา คือปลายเดือนจะสิ้นเดือนแล้ว ทีนี้ปัญหาคือ ตัวซิลิโคนมันต้องสั่งทำ แล้วส่งมาจากเกาหลี คือมันต้องมีเวลาให้เค้าผลิตที่เกาหลี แล้วต้องส่งซิลิโคนข้ามน้ำข้ามทะเลมา กว่าจะถึงไทย แล้วกว่าแผลจะหายอีก เราก็ทำไงดีจะทันไหมล่ะ สิ้นเดือน จะได้ทำทันกลางเดือนไหม แล้วจะพักฟื้นทันไหม ให้ได้ไปงานต้นเดือนหน้า
กลับมาปรึกษากับหมอรอบสอง เพื่อปรึกษาละเอียดๆๆๆ และหาวันผ่าตัด หมอก็บอกว่า ไม่ตอ้งกังวล เดี๋ยวจะเร่งโปรเซสให้ คือที่คลินิกหมอบอกว่าเราจะได้ซิลิโคนมาเร็วกว่าทำที่อื่น เพราะว่าที่อื่นอาจจะต้องหล่อปูนที่หน้าผาก ให้เป็นรูปหน้าผากเรา แล้วส่งไปเกาหลี เพื่อถอดแบบ แล้วผลิตซิลิโคนที่เกาหลี แล้วส่งมา กว่าจะส่งไปส่งมา เกือบๆ เดือน กว่าจะได้ซิลิโคนมาถึงที่ไทย แต่ๆๆๆๆ ที่คลินิกคือบับเก๋ เราชอบมาก คือเริด คือคลินิกจะทำ CT SCAN หน้าเรา ทีนี้ก็จะเห็นเป็นโครงกระดูกหน้าเรา แล้วหมอจะออกแบบแล้วส่งไฟล์สแกนอันนี้ไปเกาหลี แล้วเกาหลีผลิต แล้วส่งกลับชิ้นซิลิโคนกลับมา ก็จะไวกว่าเดิม 2 เท่า เออคือมันเริด !! คือสิ่งที่ได้เพิ่มมาจากความไว ก็คือความเป๊ะของการออกแบบชิ้นซิลิโคนให้มันพอดีกับหน้าเราหน้าผากเรามากที่สุด เพราะว่าด้วยความเป็นไฟล์ดิจิตอล แล้วแบบลองมาออกแบบจำลองในคอมพิวเตอร์ได้ก่อนจะสั่งผลิตจริง อะไรแบบนี้ อันนี้คือจึ้ง
แล้วเราก็ได้เห็นแผนด้วย ว่าหมอออกแบบแผ่นซิลิโคนที่จะใส่ในหน้าผากเราให้เล็กใหญ่เท่าไร แล้วหลังทำจะออกมาประมาณไหน
อันนี้คือเป็นหน้าผากเรา ที่เป็นมุมมอง ที่มองจากด้านข้าง ที่หมอเปิดให้ดูแล้วให้ดูว่า อันนี้คือที่หมอวางแผนจะใส่ซิลิโคนลงไป วิธีการดูคือ เส้นสีเหลืองๆ ส้มๆ ใต้เส้นสีเขียว คือหน้าผากเดิมของเรา เส้นสีม่วงคือชิ้นซิลิโคนที่หมอวางแผนว่าจะออกแบบและผลิตมาให้ซิลิโคนมีขนาดประมาณนี้ แล้วเส้นสีเขียวเส้นนอกสุด คือจำลองว่า ความโค้งนูนของหน้าผากเรา เมื่อยัดซิลิโคนลงไปแล้ว คือเริดนะ
อันนี้ก็คือรูปแผนการผลิต การออกแบบชิ้นซิลิโคนของเรา ก็คือชิ้นม่วงๆๆ แล้วส่งแผนไปผลิตชิ้นซิลิโคนม่วงๆนี้ ที่เกาหลี แล้วที่เกาหลี ส่งกลับมาไทย
อันนี้คือตัวชิ้นซิลิโคนที่จะยัดไปตรงขมับเราทั้งสองข้าง เรากลัวว่ามันจะนูนไปไหม ปรึกษาหมอ หมอก็ออกแบบมาให้เราเลือกเป็๋นทางเลือก ว่าเราอยากได้ความนูนเยอะน้อยขนาดไหน
อันนี้เป็นเวอร์ชั่นแก้ไข ก็แบบมันลดความนูนลงไปนิดนุง เราก็ปรึกษาหมอ คุยกันไปมา ประเมินจากใบหน้า ประเมินจากเทคนิคต่างๆ ที่หมอใช้ัออกแบบ ก้ตกลงกันว่า ใช้แผน2นี้ที่ลด่ขนาดลงมานิดนุง เพราะเรายืนยันว่าอยากได้ธรรมชาติแบบธรรมชาติเลย
อันรูปพวกนี้ ก็คือขอกลับมาได้เลย เก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์ของเรา 555
สรุปรวมเรื่องราว ก็คือวางแผนกันเรียบร้อย ว่าจะทำใดๆ ทีนี้เหลือแค่ลุ้นว่า ซิลิโคนจะส่งกลับมาทันไหม เพราะว่าเราสรุปไฟนอลกัน คือวันที่ 25 แล้ว โดยปกติ ควรจะนัดคิวผ่า เผื่อไว้ 1 เดือน เพราะต้องไปต่อคิวผลิตที่เกาหลี แล้วส่งมาไทย ตอ้งเผื่อเวลาให้ช้าบ้างไรบ้าง บางทีฝนตกฟ้าร้อง หรือใดๆ ก็อาจจะทำให้ซิลิโคนมาถึงช้า ถ้าเป็นแบบหล่อปูน ก็ต้องนัดคิวผ่าเผื่อไปเลยเดือนกว่าๆ แต่ว่าของเรา หมอบอกว่า เดี๋ยวจะประสานกับเกาหลีให้ ให้เร่งทำให้ และก็เราใช้ไฟล์ดิจิตอลส่งไป ระยะเวลาก็จะลดลงไป 2 เท่า
เราไฟนอลกับคลินิก วันที่ 25 แล้ววันที่ 29 หมอนัดเราคุยผ่านออนไลน์ ให้ดูแผนการผลิตซิลิโคนรอบสุดท้าย ที่ทางเกาหลีไฟนอลแบบมา เราก็คุยกับหมอแล้วก็ตกลงตามนั้น แล้วก็มีขั้นตอนภายในอะไรอีกก็ไม่รู้ รู้มาจากพี่เซลล์ว่า เหมือนจะเริ่มเข้าสู่การผลิตซิลิโคนได้จริงๆ ก็จะอีกประมาณ 1-2 วันถัดมา อันนี้คือไวแล้วเพราะหมอเร่งคิวให้ เพราะเราตอ้งการผ่ากลางๆ เดือน หมอก็เลยนัดวันที่ 18 ก็คือทางเกาหลีบอกว่า จะรีบส่งมาภายในประมาณ 15 วัน หมอเลยนัดเราวันที่ 18 เผิ่อนิดหนอ่ย
เรากังวลนิดหนอ่ย ว่าผ่า 18 แล้วจะหายบวม หายเจ็บ ทันต้นเดือนไหม จะเข้าที่หรือยังจะโป้ะไหม จะแต่งหน้าทำผมใดๆ ได้ไหม ไรงี้ ฟุ้งซ่านอยู่เหมือนกัน เพราะเวลามันกระชั้นปริ่มๆ มาก
หมอก็ทำเรื่องให้เราว้าวอีก 555 หมอบอกว่า ไม่ต้องกังวล หมอค่อนข้างมั่นใจว่า ไปทำงานได้แน่นอนต้นเดือน สบายๆ เพราะหมอจะผ่าตัดเทคนิคที่แผลมันจะเล็กมากๆ และซ่อนแผลไว้เล็กๆ ไม่ให้มองเห็น จะได้เนียนๆ เป็นธรรมชาติแบบที่เราต้องการ อ่ะ มาแนวขิง มาแนวจึ้ง 555 เราก็เออเอาซิ จัดไปเลยค้าบ
เอาละสิ กังวลอีกรอบ 555 เพราะว่าเราเคยเเขนหักตอนเด็กประมาณ ม 2 แล้วต้องเข้าเฝือกที่เเขนข้างซ้าย แล้วก็ดมยาสลบ คือหลังจากดมยาแล้วตื่นมา คือรู้สึกว่า การดมยาคือสิ่งเลวร้ายมาก มันเวียนหัวอยากอ้วกตอนตื่นมา และก็หลายๆ อย่างที่เราจำได้ว่าเป็นประสบการณ์ไม่ดีเลย เลยโทรไปถามแม่ ว่าตอนนั้นมันยังไงบ้างนะ แม่บอกว่า ตอนนั้นหลังตื่นจากดมยา เราร้องไห้ เราเรียกร้องหาแม่ บอกแม่ว่าหนูจะไม่อยู่แล้ว อะไรไม่รู้ 555 เราเวียนหัว อ้วก ทรมานมาก คือจำได้คร่าวๆ ว่าเหมือนรู้สึกแย่มากๆ อันนั้นคือตอนเด็ก และโตมาก็ได้ข่าวว่ามีคนดมยาแล้วไม่ตื่น 5555 โอ้ย คือแอบฟุ้งซ่านมากอยู่ตอนนั้น กังวล และประเด็นคือ หมอบอกว่าาาาาา ดมยาที่นี่ ทำเสร็จแล้วกลับบ้านเลยจ้า ไม่ต้องนอนค้าง อ่าวววววว กลัวไปใหญ่ 555 ดมยาสลบ มันก็ตอ้งนอนค้างไหมอะ แต่ทำที่คลินิก มันก็นอนค้างไม่ได้อีก เพราะมันคลินิก แล้วจะดมยาแล้วจะไง
สรุป หมอบอกว่า ดมยาที่นี่ ดมได้ ในคลินิกเป็นห้องผ่าตัดเล็ก และเป็นเทคนิคดมยา แบบไม่ต้องนอนค้างได้ ทำได้ ปลอดภัย มีหมอดมยา มีชื่อเรียกเทคนิคด้วยนะ จะไม่ได้ อะไรเซียๆ อ่ะ หมอพูดแบบนี้เราก็สบายใจ
ซิลิโคน ก็มาถึงไทยแล้วจ้า ผ่าวันที่ 18 ซิลิโคนมาถึงไทย วันที่ 11 คือไวมากกกก ความไวปีศาจ หมอบอกเร่งให้คือเร่งให้จริง ไวจริง เราก็สบายใจ ซิลิโคนมาถึงไทยละ
อ่ะ ซิลิโคนเป็นแบบนี้ มีชื่อเรา มีการ์ดรับประกัน เริด (วันที่ในการ์ดคือวันที่ 8 เราไม่แน่ใจเป็นวันที่อะไร แต่เรารับทราบว่าซิลิโคนถึงคลินิกวันที่ 11) ทั้งหน้าผาก ขมับ มาพร้อมกันเลย
เดี๋ยวมาต่อนะ ^^
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้