หลังจากกำจัดถุงใต้ตาออกไปกับคุณหมอเปรมจิต (รีวิวไว้ที่นี่ค่ะ http://ppantip.com/topic/35577708 )   
ตอนไปตัดไหมได้ปรึกษาคุณหมอ ศรัณย์ เศาณานนท์  ที่คลินิกเรื่องทำจมูกต่อ เพราะสงสัยคำว่า เทคนิคการเสริมจมูกแบบ open  ของคุณหมอเป็นแบบไหน เนื่องจากว่า OPEN ของหลายๆที่คือการเอากระดูกอ่อนหลังใบหู หรือ ซี่โครงมาเสริมปลายเพื่อป้องกันการทะลุ ซึ่งเราไม่ต้องการแบบนั้น ความต้องการเราคือ ทำ open  แบบเกาหลีที่เปิดปลายจมูกเพื่อตกแต่ง septum ให้ได้รูปทรงที่ต้องการ  ซึ่งข้อดีคือ
-    จมูกดูยาวขึ้น จากการแต่งให้มีปลายหยดน้ำ
-    สามารถทำให้ปีกจมูกแคบลงได้ โดยไม่ต้องตัดปีกจมูก
-    สามารถตกแต่งรูจมูกให้เรียวขึ้นได้
-    หมดกังวลเรื่องซิลิโคนเบี้ยว
-    หมดกังวลเรื่องซิลิโคนทะลุ
คุณหมอบอกว่าใช้เทคนิคนี้แหละ และใช้ซิลิโคนเกาหลีแบบสำเร็จรูปแต่คุณหมอจะมีหลายขนาดให้เลือกเพื่อให้เข้ากับใบหน้า  และคุณหมอถามต่อว่าต้องการทรงแบบไหน เราก็บอกไปว่าเอาตามที่หมอเห็นสมควร ดูเป็นธรรมชาติ   จบบทสนทนาก็นัดวัน จ่ายเงินมัดจำ  กรณีเสริมจมูกแบบ  open  เป็นการผ่าตัด ที่ต้องดมยาสลบทำในห้องผ่าตัด โดยมีหมอวิสัญญีเป็นผู้วางยา และต้องนอนพักที่ รพ. 1 คืน
ของเราผ่าตัดที่ โรงพยาบาลกรุงเทพไชน่าทาวน์ พอถึงวันนัดเตรียมตัวงดน้ำ,งดอาหารมาล่วงหน้า มาถึง รพ. ก็มีพี่นา (พี่ที่คลินิก) มารออยู่แล้ว และพาไปตรวจเลือด, เสียบเข้มน้ำเกลือรอ,  X-ray ดูความพร้อมของปอด(เพื่อดูความพร้อมของปอดในการวางยาสลบ)   พอเสร็จขึ้นตอนการเตรียมตัว พยาบาลก็พาไปรอในห้องพัก พร้อมกับให้น้ำเกลือ (ให้เพราะกลัวเพลียเนื่องจากเข้าห้องผ่าตัดบ่ายโมง เราอดอาหารมาตั้งแต่เที่ยงคืน)  ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ก็จะมีคุณหมอวิสัญญีมาอธิบายถึงขั้นตอนวางยาสลบ ตั้งแต่การวางยา ไปจนถึงขั้นตอนการฟื้น  และบอกว่าจะมีเจ็บคอเล็กน้อย 2-3 วัน เพราะมีการสอดท่อ  O2
    ประมาณบ่ายโมงก็มี จนท. มาเข็นไปห้องผ่าตัด พอเข้าไปข้างใน จนท. ก็มาติดอุปกรณ์วัดสัญญานชีพ  เอาหน้ากาก O2 มาครอบปาก สักพักหมอวิสัญญีบอกว่า เดี่ยวหมอจะฉีดยาเข้าทางสายน้ำเกลือนะครับ จะหน่วงๆนิดนึง พอสิ้นเสียงหมอ นับ 1 ไม่ถึง 10 ก็ไม่รู้สึกตัวละ
    รู้ตัวอีกที คือ ฟื้นมาในห้อง Recovery พร้อมกับจมูกปลายหยดน้ำ  ใช้เวลาในห้องผ่าตัด 2 ชม. นิดๆ ตอนฟื้นแรกๆ มีเจ็บจมูกนิดหน่อย พอสักพักก็บรรเทาลง พอ 5โมง จนท. ก็เข็นมาส่งในห้อง โชคดีที่เราไม่แพ้ยาสลบ เลยไม่มึน ไม่อาเจียน หมอให้นั่งปล่อยให้เลือดหยดออกมา แล้วคอยซับเลือด ป้องกันเลือดคั่ง  กลับมาที่ห้องได้ ชั่วโมงกว่า ทาง รพ. ก็นำอาหารมาให้ทาน + ทานยา  คืนนั้นทั้งคืนก็มี จนท.มาคอยวัดความดันให้ อีกวันนึง รับยา แล้วก็กลับบ้าน
เนื่องจากเป็นแผลเปิดบริเวณกว้างน้ำเหลืองเลยมีซึมออกมาตามรอยเย็บในจมูกจึงต้องคอยซับน้ำเหลือง (แต่แผลตรงปลายจมูกแห้งตั้งแต่วันแรกละ) แต่น้ำเหลืองก็มีน้อยลงเรื่อยๆ  หมดจริงๆก็ 3 วัน
เราทำวันเสาร์ วันพุธหมอนัดตัดไหม พอเปิดเฝือกมา ถึงรู้ว่าหน้าบวม + มีรอยช้ำนิดหน่อย แผลภายนอกมีราวๆครึ่งเซ็น  นอกนั้นเป็นแผลด้านในจมูกซึ่งหมอใช้ไหมละลายเย็บให้ ซึ่งพอแผลด้านในจมูกหายดี ตัวไหมละลายจะค่อยๆหลุดออกมาเอง
ส่วนการดูแลตัวเอง คือนอนหมอนสูง ทานยาให้ครบ ทำความสะอาดจมูก เลี่ยงการโดนจมูก ก่อนตัดไหม ดูแลค่อนข้างง่าย ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนจมูก เพราะคุณหมอใส่เฝือกแข็งมาให้  ไม่มีการงดอาหารใดๆ ทานได้ตามปกติ   
ตอนนี้เกือบครบ 3 เดือน ถือว่าพอใจกับจมูกใหม่ ดูธรรมชาติมากสามารถบิดปลายได้โดยที่ไม่เจ็บแล้ว     ราคาค่าเสียหาย 89000 บาท สำหรับเราถือว่าคุ้ม เพราะรวมค่าห้องผ่าตัด ค่าห้องพักฟื้น ที่ รพ.กรุงเทพไชน่าทาวน์ ค่าหมอวิสัญญี และค่ายา


รูปนี้ถ่ายในห้องพักที่ รพ. เฝือกสีขาวนี้จะถูกถอดออกวันตัดไหมค่ะ


โมดิฟายด์รูจมูกด้วย (ใรรูปยังมีรอยแผลอยู่ แต่ปัจจุบันรอยหายไปแล้วค่ะ)


หลังจากเสริมจมูกได้ 2 สัปดาห์


เปรียบเทียบก่อน-หลังค่ะ