รีวิวลานสกีฝั่งคันไซ สโนว์รีสอร์ทคันนาเบะ (Kannabe Snow Resort) 2 วัน 1 คืน

    สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน เนื่องจากเมื่อปลายมกราคม 2019 มีโอกาสได้ไปเล่นสกีที่คันนาเบะ (Kannabe) เมืองโทโยโอกะ(Toyooka-Shi) มา เลยจะมารีวิวให้เพื่อนๆที่กำลังมองหาแหล่งเล่นสกีใหม่ๆฝั่งคันไซเอาไว้เป็นแนวทางกันค่ะ

    ทริปนี้เราเดินทางไปกับเพื่อน เป็นทริป 2 วัน 1 คืนค่ะ โดยลานสกีที่เราเลือกไปเล่นสกีกันในครั้งนี้ คือ ลานสกีในสโนว์รีสอร์ทคันนาเบะ
ชื่อว่าลานสกี อัพ-คันนาเบะ(Up Kannabe) (http://www.kannabe.co.jp/en) ซึ่งอยู่ทางเหนือของเมืองเฮียวโกะ
เดินทางจากโอซาก้าได้หลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถบัสประจำทาง แพ็คเกจบัสทัวร์ หรือรถยนต์ส่วนตัว
โดยใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 3 ชั่วโมงค่ะ พวกเราเคยรู้จักลานสกีที่ร็อคโคซังโนว์พาร์ค หรือลานสกีบิวะโกะ วอลเลย์ สโนว์แลนด์มาบ้างแล้ว แต่ครั้งนี้อยากลองไปที่ใหม่ๆบ้างจึงตัดสินใจเลือกมาที่นี่กันค่ะ

วันที่หนึ่ง
    พวกเราเลือกเดินทางโดยใช้รถบัสกันค่ะ โดยสามารถจองได้ผ่านเว็บ https://japanbusonline.com/en/Detail/12700140092/1/5271004/5282090001/20190214　　
    และไปขึ้นรถบัสที่ Hankyu Highway Bus Osaka-Umeda(Sanbankai) รถบัสที่นั่งนั้นเป็นบัสปลายทางที่Konosaki Onsen
ราคา 3350 เยน/เที่ยวค่ะ (ตรวจสอบรอบรถได้ที่ https://www.zentanbus.co.jp/highway_express_bus/kinosaki-osaka/ )
พวกเราออกเดินทางโดยรถบัสรอบ9:20 และเดินทางลงที่ป้าย Hidaka Shokokaikan Mae  เวลาประมาณ 12:08 ค่ะ

สภาพป้ายรถบัสก็จะโล่งๆประมาณนี้

    เมื่อลงบัสแล้วเราก็ต้องเดินเลี้ยวไปทางขวาเพื่อไปขึ้นรถเมล์เพื่อไปลานสกีที่หน้าสถานี JR Ebara ค่ะ  
(สถานีเดินไม่ไกลประมาณ 2-3นาทีก็ถึง แป๊บเดียวเท่านั้น) แล้วก็ขึ้นรถเมล์ป้ายแรกเลยค่ะ (ฝั่งใกล้บันไดทางลง)  หาไม่ยากเลยค่ะ
ที่หน้ารถเมล์จะเขียนภาษาอังกฤษไว้ว่าKannabe Kougen ด้วย

ตารางเวลารถเมล์ ไป Kannabe Kougen จากสถานีJR Ebara
วันธรรมดา 6:33/8:34/10:44/11:40/12:48/13:40/14:50/15:55/17:00/18:00/19:00/21:10
วันเสาร์     6:33/8:34/10:44/12:48/13:40/14:50/15:55/18:00/19:00
วันอาทิตย์และวันหยุดนขัตฤกษ์  6:33/8:34/10:44/12:48/13:40/14:50/15:55/18:00
(เวลาจากป้ายล่าสุดค่ะ ถ้าเปลี่ยนฤดูต้องตรวจสอบกันด้วยนะคะ อาจมีเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ)

    จากตรงนี้เราจะนั่งรถเมล์ไปประมาณ30นาที ก็ถึงหน้าทางเข้าลานสกี
    บริเวณนี้จะมีร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก ออนเซ็น และจุดลงทะเบียนกิจกรรม Snow Shoeing (เดินเล่นบนหิมะ)
แล้วเดินเข้าไปอีกนิดเดียวก็ถึงลานสกีเลยค่ะ แต่วันที่พวกเรามาลานสกียังปิดอยู่เพราะช่วงนี้หิมะไม่ตก เลยจะได้มาเล่นสกีกันพรุ่งนี้
เราก็เลยหารถออกไปหาร้านอร่อยๆกินข้าวกลางวันกันค่ะ

    ร้านที่เราไปทานข้าวกลางวันกันนั้นเป็นร้านโซบะเจ้าดังในท้องถิ่นชื่อร้าน Waraku  (http://www.kannabe-waraku.com/)

    ร้านนี้มีทั้งส่วนที่เป็นร้านอาหาร และมีบริการที่พักด้วยค่ะ ที่ได้แวะไปร้านนี้เพราะมีคนท้องถิ่นแนะนำมา โทรสอบถามได้นะคะ
เห็นว่าทางร้านช่วยบริการรับ-ส่งจากสถานีได้ (ช่วงวันธรรมดา) ใครที่ชอบโซบะ แนะนำให้มาลองทางที่ร้านนี้เลยค่ะ

เส้นโซบะอร่อยมากจริงๆเพราะเป็นโซบะเส้นสด ทางร้านทำเองค่ะ

ด้านในร้าน และอาหารก็จะประมาณนี้ค่ะ

    โซบะเซ็ตนี้ราคา 1860 เยนเท่านั้นเองค่ะ ถูกมากกกกกก!!!!!

    ทานข้าวกลางวันกันเสร็จแล้วก็เดินทางไปเช็คอินเข้าที่พักกันค่ะ ที่พักของพวกเราวันนี้เป็นที่พักแบบมินชุกุ
หรือเรียกง่ายๆว่าพักบ้านของคนในท้องถิ่นนั้นเอง ซึ่งที่พักลักษณะแบบนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนกับไปนอนพักบ้านชาวญี่ปุ่นเลยค่ะ

    คนละบรรยากาศกับโรงแรมแนะนำเลยค่ะ เราพักกันที่ Kannabe Gonbeh (http://www.kannabe-gonbeh.com/)
ค่าที่พักจะรวมอาหาร 2 มื้อ (เช้า-เย็น) สนนราคาอยู่ที่ห้องละหมื่นกว่าเยนเท่านั้น ต้องลองค่ะ!! ต้องลอง!!
ข้อเสียของที่พักแบบนี้ก็คือ ห้องน้ำและห้องอาบน้ำจะเป็นห้องรวม แต่ก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ไปอีกแบบค่ะ
บรรยากาศที่พักก็จะประมาณนี้ค่ะ กันเองๆ

    ที่สำคัญคือ คืนนี้อาหารมื้อเลยของเราคือ หม้อไฟปู ค่ะ อร่อยและดีงามมากจริงๆ
(เราสั่งซาชิมิปูมาเพิ่มด้วย ก็น่ากินมากหน่อยๆค่ะ^_^)




    ปิดคืนนี้ด้วยหม้อไฟปู อาบน้ำแช่น้ำร้อน คลายหนาว แล้วเข้านอนกันค่ะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

วันที่สอง
    เช้าวันที่สอง เตรียมรับมือกิจกรรมอันหนักหน่วงของพวกเราด้วยอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นค่ะ มีข้าวสวย
และหม้อไฟเต้าหู้(เต้าหู้ญี่ปุ่นต้มในน้ำซุป) ซดคู่ร้อนๆกับอาหารเช้า อิ่ม อร่อย อุ่น!! พร้อมลุยค่ะ

    เริ่มกิจกรรมกันค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวกิจกรรมในลานสกี อัพ-คันนาเบะ(Up Kannabe)
บอกไว้ก่อนว่ากิจกรรมของลานสกีที่นี่ไม่ได้มีแค่สกี กับ สโนว์บอร์ด เท่านั้นนะคะ แต่จะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเราไปดูกันค่ะ

    พวกเราเริ่มด้วยกิจกรรมเบาๆอย่าง Snow Shoe Tour หรือเข้าใจกันง่ายๆคือ เดินเล่นบนหิมะค่ะ
เราจะไปเริ่มกันตรงบริเวณอาคารที่เราลงรถเมล์มาเมื่อวานนะคะ เพราะเราติดต่อจองร่วมทัวร์เอาไว้ช่วงเช้าค่ะ (https://www.kns.hyogo.jp/)  
อันดับแรกเราก็จะเปลี่ยนชุด และเปลี่ยนรองเท้าให้เหมาะกับที่เราจะไปเดินลุยหิมะกันในช่วงเช้านี้ค่ะ

    ราคา Snow Shoe Tour นั้นอยู่ที่ 4500 เยนต่อคน(ราคานี้รวมค่าไกด์ รองเท้า ประกันชีวิต ขนม น้ำชา ค่าเข้าออนเซ็น)
จ่ายเพิ่มอีก 1000  เยน เพื่อเช่าถุงมือและชุดเดินหิมะค่ะ พวกเราก็จัดเต็มเช่าทั้งหมดเลย เพราะไม่มีอะไรติดตัวมาสักอย่างเลยค่ะ
แล้วก็ลงชื่อในเอกสารยินยอมปฏิบัติตน และเขียนชื่อบนสติ๊กเกอร์เพื่อติดหน้าอกค่ะ ไกด์น่ารัก เป็นกันเอง และดูแลดีมากๆเลยค่ะ
ประทับใจสุดๆ หลังจากนั้นเราก็จะเดินเรื่อยๆจากอาคารที่เปลี่ยนชุด ไปเนินเขาด้านหลัง

    ใช่แล้วค่ะ!!! เป้าหมายเราคือเดินบนพื้นหิมะปินขึ้นไปบนเนินเขานั่นเองค่ะ สภาพปีนเขาก็จะประมาณนี้ค่ะ

    เดินขึ้นเขากันไปได้ประมาณ 30-40 นาที ระหว่างทางก็เหยียบหิมะกันฟินๆ นั่งๆนอนๆถ่ายรูปกันบนหิมะค่ะ
หันหลังไปก็ได้วิวลานสกีสวยๆอีกด้วย W0W!!!!!

    
    เมื่อถึงด้านบนไกด์ก็จะให้พักถ่ายรูป กินขนม ดื่มน้ำชา กันแบบนี้ค่ะ



    หลังจาก Snow Shoe Tour เราก็กลับไปเปลี่ยนชุด แล้วก็ไปทานข้าวกลางวันกันในตัวอาคารเดียวกันค่ะ
จริงๆด้านนอกใกล้ก็มีร้านอาหารอีกหลายร้านเลยนะคะ แต่พวกเราเลือกทานกันในอาคารนี้เพราะสะดวกดี
อาหารจะเป็นแบบบุฟเฟต์ซึ่งให้วัตถุดิบเฉพาะในท้องถิ่นค่ะ มีทั้งข้าวราดแกง ไก่ทอด เทมปุระ สลัด ชา กาแฟ





    หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางไปยังโรงเรียนสอนสกีซึ่งอยู่ใกล้ๆกับตัวลานสกี
เพราะเราจองคอร์สเรียนสกีเอาไว้ ตอนช่วงประมาณบ่ายโมงค่ะ ก่อนจะเริ่มเรียนสกีก็ต้องไปเปลี่ยนชุดลองรองเท้าสกีกันให้เรียบร้อย

ส่วนค่าใช้จ่ายก็ประมาณนี้ค่ะ
ค่าเรียนสกี คนละ 4000 เยน (โดยประมาณ หนึ่งคลาสต้อง 3 คนขึ้นไป)
ค่าลิฟต์ คนละ 3500 - 4500 เยน (วันธรรมดา/วันเสาร์อาทิตย์)
ค่าชุด(Full Set) คนละ 6000 เยน
**สำหรับคนที่เล่นสกีไม่เป็น แนะนำว่าให้ลงเรียนคลาสก่อนแล้วค่อยออกท่องเที่ยวยุทธภพนะคะ
จะปลอดภัยทั้งสำหรับตัวเอง และผู้ร่วมเดินทางด้วยค่ะ

    นอกจากลิฟต์แล้ว ที่นี่ก็ยังมีบริการ Kids way เป็นเหมือนบันไดเลื่อนเพื่อขึ้นไปด้านบน
สำหรับผู้เล่นมือใหม่ที่นั่งลิฟต์ไม่เป็นอีกด้วยค่ะ ค่าบริการก็รวมอยู่ในค่าลิฟต์ค่ะ

    น่าจะสนุกกับกิจกรรมทั้งเช้าและเย็นกันมาพอแล้ว เล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดเหมื่อยเนื้อเหมื่อยตัว
ก็มาแช่ออนเซ็นคลายกล้ามเนื้อกันได้ที่อาคารเดียวกับตอนทานข้าวกลางวันเลยค่ะ
ชื่อ Kannabe Onsen Yutorogi (http://michinoeki-kannabe.com/wp/yutorogi/price.html) ราคาคนละ 600 เยนค่ะ
มีทั้งบ่อในอาคาร/นอกอาคาร ซาวน์น่าด้วยนะคะ แต่คนอาจจะเยอะหน่อย เพราะเป็นจุดศูนย์รวมของทุกคนหลังจากเล่นกีฬามาเหนื่อยๆเลยค่ะ

    สุดท้ายนี้จะแนะนำกิจกรรมอื่นๆที่สามารถทำได้ที่ลานสกีนี้เอาไว้ด้วยนะคะ
เผื่อใครมาไม่เล่นสกี/สโนว์บอร์ดก็มาเล่นหิมะในรูปแบบอื่นๆเช่น นั่งสไลด์เลื่อน(Sled) ปั้นหิมะ ขับรถโกคาร์ทบนหิมะ
หรือจะพาเด็กๆมาเล่นสวนสนุกเด็กก็ได้นะคะ มีสโลเดอร์ บานาน่าโบ้ท วงล้อหมุน กิจกรรมสนุกๆเยอะแยะเลยค่ะ





    เมื่อเล่นหิมะจนฟินถึงใจแล้วเราก็ขึ้นรถเมล์กลับไปที่สถานี JR Ebara แล้วมารอขึ้นรถHigh way bus กลับโอซาก้าค่ะ
วันนั้นเราขึ้นรถรอบสุดท้าย 16:13 เดินทางถึง สถานีโอซาก้าเวลา 20:58 โดยสวัสดิภาพค่ะ

    จริงๆแล้ว ลานสกีในสโนว์รีสอร์ทคันนาเบะนั้นมีอีก 2 จุด แต่เส้นทางนั้นยากเกินสำหรับมือใหม่อย่างพวกเรา
จึงลงตัวที่ ลานสกี อัพ-คันนาเบะ(Up Kannabe) ตัวลานสกีนั้น ไม่ชันมาก มีทั้งจุดชันและลาดสลับกันไป
จึงเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งจะหัดเล่นจริงๆค่ะ นอกจากนั้นยังมีลานสกีสำหรับเด็กๆ เครื่องเล่น และกิจกรรมอื่นๆ
สำหรับคนที่ไม่อยากเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดอีกด้วย ถือได้ว่าครบครันจริงๆค่ะ แล้วสัญญาว่าจะกลับไปอีกแน่นอน
พวกเราอยากให้เพื่อนๆคนอื่นที่กำลังมองหาลานสกีแห่งใหม่ในแถบคันไซลองไปใช้บริการลานสกีแห่งนี้ดูบ้างค่ะ
ขอให้สนุกกันมากๆเหมือนพวกเรานะคะ


เพิ่มเติมที่ https://visitkinosaki.com/kannabe-th/?fbc จ้า