ทริปนี้เริ่มจากพวกเราบางคนยังไม่เคยเจอหิมะจริงๆ เลยอยากหาที่เที่ยวที่ยังพอให้เห็นได้ และเราปักหมุดว่าจะไปคามิโคจิกันซักครั้งหลังเคยพยายามไปแล้วเมื่อปีก่อนแล้วอุทยานปิดเพราะมรสุมเข้า ปีนี้มีโอกาสได้ไปนอนค้างเลยกลับไปอีกครั้ง และ Hakuba เป็นเมืองนึงที่ขึ้นชื่อเรื่องลานสกีโอลิมปิคและมีหิมะเหลืออยู่ให้เห็นและไม่ไกลจากคามิโคจิเราจึงวางแผนที่เที่ยวที่นั่นกันเอง

 
Hakuba Goryu เป็นที่แรกที่เราปักหมุดว่าจะต้องไปที่แรกเพื่อไม่ให้พลาดที่จะเจอหิมะสุดท้ายของปีนี้ ฮาคุบะโกริวถือเป็นลานสกีที่เปิดให้บริการนานที่สุดของฮาคุบะ โดยจะเริ่มเปิดเป็นที่แรกและสามารถเล่นสกีได้จนถึงต้นเดือน พ.ค. กันเลยทีเดียว ซึ่งพวกเราก็เป็นกลุ่มนึงที่เฝ้าดู Live ตลอดเวลาว่าปริมาณหิมะจะอยู่ถึงวันที่พวกเราไปให้เราได้เห็นมั้ย ใครที่เป็นนักกิจกรรมที่ชอบเล่นสกีหรือสโนบอร์ดจะต้องชอบเพราะที่นี่นอกจากจะมีลานสกีที่ใหญ่และเปิดให้บริการนานที่สุดแล้วยังมีไนท์สกีขนาดใหญ่ที่สุดอีกด้วย 




ด้วยเราออกจากคามิโคจิช่วงสายแล้วขับมาที่ฮาคุบะฮาคุบะทำให้วันแรกที่ถึงฮาคุบะช่วงบ่าย เราใช้เวลาอยู่ที่ฮาคุบะโกริวจนถึงเย็นแล้วไปเช็คอินเข้าที่พักเลย ที่พักที่ฮาคุบะที่พักส่วนใหญ่จะเป็นหลังหรือเรียวกัง เพราะจะสะดวกในการเก็บสัมภาระโดยเฉพาะอุปกรณ์เล่นสกีหรือสโนบอร์ด ซึ่งเราเลือกพักบ้านพักแบบ 3 ห้องนอนเพราะมีกัน 9 คนมีเด็กเล็กด้วย 1 คน สะดวกกว่าพักเป็นโรงแรมหรือเรียวกัง ใครที่ไปเที่ยวก็แนะนำว่าเลือกพักแบบบ้านพักเป็นหลังก็สะดวกดีพักได้ตั้งแต่คนเดียวจนถึงกลุ่มใหญ่เลยนะ

วันรุ่งขึ้น เราเลือกไปเที่ยวอีกที่ที่ขึ้นชื่อของฮาคุบะและมีกิจกรรมให้เลือกทำหลายอย่าง อย่างเช่นที่ฮาคุบะ อิวาทาเกะ(Hakuba Iwatake)

 
สำหรับที่ฮาคุบะ อิวาตาเกะ จะขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่มีชิงช้า Iwatake Yoo-hoo swing ให้คนที่มาเที่ยวได้นั่งชิงช้าพร้อมชมวิวเทือกเขาเจแปนแอลป์ โดยสามารถซื้อตั๋วขึ้นชิงช้าได้ที่ตู้ที่บ้านบนหน้าสถานีกอนโดล่าหลังเราขึ้นไปถึงแล้ว ในราคา ¥1,000 เวลา 2 นาที สำหรับ 2 คน ระหว่างนั่งชิงช้าสามารถฝากโทรศัพท์ให้พนักงานช่วยอัดคลิปวิดีโอเพื่อเก็บบรรยากาศประทับใจไว้ได้ด้วย ไ

เมื่อขึ้นกอนโดร่ามาถึงด้านบนแล้วเราจะเจอลานมีที่นั่งกลางแจ้งและเต๊นท์ซุ้มขายตั๋วและเต๊นท์ให้บริการกิจกรรมต่างๆ 
 
นี่คือชิงช้าที่โด่งดังที่หลายคนนิยมไปเก็บภาพที่ระลึกสวยๆ ซักครั้งขณะชมวิวเจแปนแอลป์ไปนั่งชิงช้าชมวิวไป หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ Yoo-Hoo Swing


ข้างๆ ชิงช้าจะเป็นคาเฟ่ให้ถ่ายรูปคู่กับวิวเจแปนแอลป์แบบพาโนลาม่า คิวยาวตลอดทั้งวันจริงๆ

 
วิวด้านบนที่ได้สวยมากสมกับที่หลายคนต้องมาชมซักครั้งจริงๆ วิวที่พวกเราสามารถเก็บมาได้เล็กน้อยจะประมาณนี้

หลังจากนั้น พวกเราได้ไปลองเล่น Maountain Cart และ Mountain Bike กันต่อ ซึ่งจะต้องซื้อตั๋วอีกคนละ ¥1,500 และถือตั๋วไปที่เต๊นท์ขาวใกล้สถานีกอนโดร่าตอนแรกได้เลยนะ


สำหรับใครที่ไม่ได้เล่นแล้วอยากจะตามไปเจอเพื่อนๆ ที่เล่นที่จุดชมวิวปลายทาง หรืออยากไปเล่นกิจกรรมกลางแจ้งอีกจุดนึงก็สามารถนั่งแชร์ลิฟต์ฟรีลงไปด้านล่างได้เลยโดยขึ้นที่สถานีแชร์ลิฟต์ด้านข้างเต๊นท์จักรยานภูเขาได้เลย

สถานีแชร์ลิฟต์ด้านล่าง

ลานกิจกรรมกลางแจ้งด้านล่างให้นักท่องเที่ยวได้เล่นกันตามอัธยาศัย

นี่คือ Giant Swing ซึ่งสร้างขึ้นใหม่เพื่อรองรับคนที่ชื่นชอบการนั่งชิงช้าชมวิวสวยๆ โดยไจแอ้นสวิงเป็นชิงช้าที่นั่งไปชมวิวเมืองฮาคุบะไปได้ไม่แพ้กับ Yoo-Hoo Swing ในราคาตั๋วคนละ  ¥1,000 โดยสามารถกดซื้อตั๋วได้ที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติด้านบนหน้าสถานีกอนโดร่าได้เช่นกัน โดยชิงช้าทั้ง 2 ที่จะมีรอบระบุไว้ว่ารอบที่ว่างอยู่ตอนนั้นคือรอบกี่โมงและเหลือกี่ที่ สำหรับชิงช้าไจแอ้นสวิงเด็ก 5 ขวบในกลุ่มเราก็นั่งมาแล้วเพราะฉะนั้นใครที่กังวลเรื่องความปลอดภัยสามารถปรึกษาเจ้าหน้าที่ก่อนได้ แต่อุปกรณ์เซฟตี้ของเค้าก็แน่นหน้าอยู่นะทุกคน

หลังจากทำกิจกรรมต่างๆ รอคนที่เล่น Mountain Cart Mountain Bike มาถึงจุดด้านล่างนี้แล้วเราก็ขึ้นแชร์ลิฟต์กลับขึ้นด้านบน ซึ่งลิฟต์ 1 ตัวจะขึ้นได้พร้อมกัน 3 คนเลยนะนั่งฟรีไม่ต้องซื้อตั๋ว

หลังจากเรากลับขึ้นมาถึงด้านบนเรียบร้อยแล้ว ก็ทานอาหารที่โรงอาหารด้านบนกันก่อนจึงนั่งกอนโดร่ากลับลงไปเล่นกิจกรรม Adventure อื่นกันต่อด้านล่างนะ

หลังจากนั่งกอนโดร่าลงมาด้านล่างแล้วก็เดินข้ามฝั่งถนนไปยังด้านข้างลานจอดรถของ Hakuba Iwatake ได้เลย จะมี Ex Adventure ซึ่งจะมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ของคนชอบเล่นตะลุยด่านซิปไลน์อารมณ์คล้ายเข้าค่ายลู฿กเสือเนตรนารีสมัยเด็ก และมีเรือแกรนแคนยอนให้เล่นถ้าวันนั้นน้ำไม่เชี่ยวลมแรงจนเป็นเหตุให้อันตรายเกินกว่าจะเล่นได้ให้ได้เล่นสนุกกันด้วย 


หลังออกจากฮาคุบะ อิวาตาเกะ เราก็ไปเที่ยวสถานที่ชมวิวถ่ายรูปสวยๆ ขึ้นชื่ออีกแห่งของที่นี่กัน นั่นก็คือสวนโออิเดะ (Oide Park) 


ใครที่จะไปเที่ยวที่โออิเดะปาร์ค แล้วขับรถไปเองแนะนำว่าถ้าที่จิดรถลานจอดริมเขาด้านหน้าทางเข้าสวนเต็ม ให้อ้อมไปตามทางที่เค้ามีป้ายบอกได้นะ จะมีลานจอดด้านหลังสวนแถวบ้านคนแล้วเดินเลาะด้านหลังมาได้ไม่ไกล

สุดท้ายเลยส่วนตัวอยากกลับไปที่ฮาคุบะในหน้าหนาวแบบที่มีหิมะฟูๆ อีกซักครั้ง