ทางสายเปลี่ยว (Original 17-10-2007 อ้างอิงจากวันที่เซฟไฟล์)
คุณเคยรู้สึกอย่างนี้บ้างไหม...
ค่ำคืนอันมืดมิดบนทางสายเปลี่ยว...ในขณะที่คุณนั่งอยู่คนเดียวหลังพวงมาลัยรถยนต์ส่วนบุคคล
แสงสว่างที่มีอยู่เพียงน้อยนิดจากไฟหน้ารถ...และ...รถยนต์คันอื่นที่นานๆ จะแล่นสวนมาสักคัน
และในความมืดมิดนี้...ที่ไหนสักแห่ง...
คุณรู้สึกได้ว่า...สายตาบางคู่...จับตามองคุณอยู่
สำหรับผม...ผมเคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
มันเป็นความรู้สึกแบบไหนน่ะเหรอ...มาสิ...ตามผมมา...ผมจะเล่าให้ฟัง
ผม...เป็นคนหนึ่งในอีกหลายๆ คน ที่มีชีวิตผูกพันอยู่กับเครื่องจักรที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้เราเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้นบนท้องถนน...หรือ...ที่เรียกกันว่ารถยนต์นั่นละครับ
เนื่องด้วยอาชีพของผมที่ต้องขายสินค้าและบริการลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดตามหน้าที่ที่เจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งยอมจ่ายค่าจ้างให้ผมทำหน้าที่นี้แทนพวกเขา
ดังนั้น...ในแต่ละวันของผม...ชีวิตส่วนใหญ่จะหมดไปบนรถยนต์คู่ชีพและการจราจรอันคับคั่งบนท้องถนนใจกลางเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวายและชวนประสาทเสียเอาง่ายๆ
ผมจะมีความสุขมาก...หากวันไหนผมได้ขับรถไปเยี่ยมลูกค้าที่ต่างจังหวัด
ความจริงแล้วผมไม่ได้รังเกียจหรือเบื่อหน่ายที่จะขับรถยนต์ตะลอนๆ ไปไหนต่อไหนตลอดวัน
...ผมบอกคุณแล้วไง...ว่าชีวิตผม...ผูกพัน...กับรถยนต์...
ผมกลับชอบเสียอีกที่จะได้ขับรถไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน...ถ้า...ไม่ติดแหงกเหมือนในเมืองหลวงนะ
...และวันหนึ่งในฤดูหนาว...
วันที่ผมต้องไปเยี่ยมลูกค้าที่ต่างจังหวัด...จะว่าไป...มันก็ไม่ไกลหรอก...เลยปริมณฑลไปหน่อยเดียวเท่านั้นเองครับ
ผมออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อที่จะขับรถกินลมเล่นและหาของกินตามรายทางไปเรื่อยๆ กะว่าให้ถึงบริษัทของลูกค้าก่อนบ่ายโมงนิดหน่อย หลังจากนั้นก็คุยงานและไต่ถามสารทุกข์สุขดิบสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงก่อนจะเดินทางกลับ
...กำลังดี...ถึงบ้านตอนหัวค่ำ...
...ถึงผมจะชอบขับรถ...แต่ผมไม่ชอบบรรยากาศของท้องถนนตอนกลางคืนเลยแม้แต่น้อย...
เมื่อรถยนต์เริ่มเคลื่อนที่ห่างออกจากความวุ่นวายในตัวเมือง สองข้างทางเริ่มปรากฏความร่มรื่นอันเนื่องจากความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะห่างที่มากขึ้น
ผมปิดเครื่องปรับอากาศในรถยนต์และเปิดกระจกหน้าต่างเพื่อรับลมเย็นจากภายนอก
...ผมชอบกลิ่นหอมจางๆ จากไออุ่นของดินและต้นหญ้าในท้องทุ่ง...และยิ่งในเวลาเช้าด้วยแล้ว...แสงจากท้องฟ้าที่สาดส่องลงมาอาบต้นข้าวและต้นไม้ใบหญ้าจนเป็นสีทองทั่วทั้งบริเวณ...ลมเอื่อยพัดยอดไม้ยอดหญ้าให้ปลิวไสวไปตามกันดุจต้นไม้ใบหญ้าเหล่านั้นกำลังล้อเล่นอยู่กับสายลม...ช่างเป็นภาพที่งดงามหาที่เปรียบมิได้จริงๆ...
ผมถึงบริษัทของลูกค้าเมื่อเกือบบ่ายโมง หลังจากรออยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้ถึงเวลาเข้างานช่วงบ่ายผมก็เดินเข้าไปในบริษัทและแจ้งความจำนงแก่พนักงานต้อนรับ...อืมม...เป็นไปตามหมายกำหนดการที่ตั้งไว้ในใจพอดิบพอดี...คุณอาจจะยังไม่รู้...ผมเป็นนักจัดตารางเวลามือฉมังคนหนึ่งเชียวล่ะ...
แต่แล้ว...สิ่งที่ทำให้ตารางเวลาของผมผิดเพี้ยนไปก็บังเกิดขึ้นจนได้...ลูกค้าคนนี้ของผมช่างเป็นคนที่คุยเก่งเสียนี่กระไร...แถมยังชวนผมอยู่ทานข้าวเย็นอีก...จะปฏิเสธก็คงไม่ได้...ก็ลูกค้ารายใหญ่ของผมนี่ครับ
ผมร้อนใจไม่น้อยทีเดียว ที่อะไรๆ ผิดแผนไปหมด...แต่ที่สำคัญ...
...ที่นั่งหลังพวงมาลัยรถยนต์...ผมนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดบนท้องถนน...
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด...ทัศนวิสัยในขณะนี้ดูจะแย่เอามากๆ...อยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาในช่วงเย็นที่ผ่านมาและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้ผมไม่สามารถขับเคลื่อนรถยนต์คู่ชีพให้ทะยานไปด้วยความเร็วอย่างที่มันควรจะเป็นได้
...ตอนนี้อากาศภายนอกรถยนต์คงจะหนาวเอามากๆ...
เลยจากไหล่ทางไป...บนท้องทุ่งแห่งเดิมที่ผมเพิ่งขับผ่านมาเมื่อเช้า...ในช่วงเวลาเช่นนี้มันกลับดูช่างแตกต่างจากยามเช้าราวสวรรค์กับนรกก็ไม่ปาน...
ท้องทุ่งอันมืดมิดที่ทุกอณูของดินและต้นไม้ใบหญ้าโอบอุ้มความชื้นแฉะของฝนและไอน้ำในอากาศไว้จนเต็มปริ่ม...ส่งกลิ่นดิบชื้นชวนอึดอัดออกมาปกคลุมรอบบริเวณ
หากผมต้องไปยืนอยู่ที่กลางทุ่งตรงนั้นในเวลาค่ำคืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บที่ฝนกำลังเทกระหน่ำเช่นนี้แต่เพียงผู้เดียว...
...ความหนาว...ความเหงา...ความว้าเหว่...คงเกาะกินหัวใจจนด้านชา...
...วันแล้ววันเล่าที่ต้องทนเฝ้ามองรถยนต์ที่นานๆ จะผ่านมาสักคัน...และ...หวังว่าเขาผู้นั้นจะให้อาศัยรถไปด้วย...ไปสู่ที่ๆ ความหนาว...ความเหงา...และความว้าเหว่...ไม่สามารถเกาะกินหัวใจเราได้...
โอ...ไม่...ไม่ๆๆๆ...อย่าไปคิดเรื่องนั้น...ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าผมไม่ชอบบรรยากาศของท้องถนนในเวลาค่ำคืน...และโดยเฉพาะวันที่ฝนตกแบบนี้ด้วย...มันทำให้จินตนาการของผมตะลึงพรึงเพริด
เปรี้ยงงงง.......ครืนนนน.......!!
.....!!....
ด้านขวาของผม...ตอนฟ้าแลบเมื่อสักครู่...หางตาผมรู้สึกเหมือนเห็นใครบางคนยืนอยู่...
บนไหล่ถนนที่เปรียบเสมือนเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสิ่งที่ยังมีไออุ่นและลมหายใจ
...กับ...สิ่งที่ไม่มี...
...จมูกผมได้กลิ่นดิบชื้น...ที่ผมเกลียด
มันเข้ามาได้ยังไง...กลิ่นพวกนี้...
สายตาจับจ้องกระจกทีละบานเพื่อตรวจสอบว่ามันอยู่ในสภาพที่ปิดสนิท
ตอนนี้...ผมรู้สึกว่าเหมือนมีใครจ้องมองผมอยู่ตลอดเวลา...จากที่ไหนสักแห่งในความมืดมิด...ไม่...ไม่...ผมทนไม่ไหวกับบรรยากาศแบบนี้
ในขณะนี้ดูเหมือนว่าเท้าขวาของผมจะเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นโดยที่ผมไม่รู้ตัว...ผมอยากออกไปจากบริเวณนี้โดยเร็ว...บริเวณที่ไร้ไออุ่นและหนาวเหน็บเช่นนี้...
ฉับพลันนั้นเอง...ลมเย็นพัดผ่านบริเวณท้ายทอยและส่งผลให้เส้นขนทั่วทั้งสรรพางค์กายตั้งชันขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
น้ำตาผมเริ่มไหล...มือที่จับพวงมาลัยเกร็งแน่นจนผมเองก็ยังรู้สึกเจ็บมือ...ผมเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นจนเรียกได้ว่าเกือบจะจมเท้า นำพาให้รถยนต์วิ่งฝ่าสายฝนด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง
เปรี้ยงงงง.....ครืนนนน.......!!!
ฟ้าแลบอีกครั้ง...แสงสีขาวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ผมมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น...และ...
กลางถนน...หญิงสาวแปลกหน้าที่ผมไม่รู้จัก...ยืนขวางเส้นทางรถของผมอยู่...
เอี๊ยดดดดดด.......โครมมมม............!!!
ผมหักพวงมาลัยรถยนต์ในทันที...และนั่น...ส่งผลให้รถยนต์ที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงท่ามกลางพายุฝนเสียหลักในทันทีเช่นกัน
รถพลิกคว่ำหลายตลบตกลงไปในท้องทุ่งข้างทาง...สติผมเลื่อนลอย...
หญิงสาวตรงเข้ามาหาผม...เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะเรียกได้ว่าชิดกับใบหน้าของผม
...กลิ่นดิบชื้นรุนแรงปะทะกับประสาทดมกลิ่นของผมอย่างจัง...กลิ่นที่ผมเกลียด...
...เธอ...แสยะยิ้ม...
...และ...
ไหล่ถนน...เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสิ่งที่ยังมีไออุ่นและลมหายใจ...กับสิ่งที่ไม่มี...
บัดนี้...ผม...ยืนอยู่ในท้องทุ่งที่มืดมิด...เงียบเหงา...และ...หนาวเหน็บ
คอยจ้องมองรถยนต์ที่นานๆ จะแล่นผ่านมาสักคันหนึ่ง
...เพื่อเฝ้ารอ...คนต่อไป...ที่จะมาพาผมออกไปจากที่แห่งนี้...
ที่ทางสายเปลี่ยวแห่งใดแห่งหนึ่ง...หากคุณเดินทางผ่านไปและมีความรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง...
ความรู้สึกที่เหมือนถูกจ้องมองจากใครบางคน...ความเย็นเยือกและดิบชื้นที่คุณไม่เคยรู้สึก
นั่นล่ะ...ผมเอง...ผมกำลังเฝ้ามองคุณอยู่...
ทางสายเปลี่ยว (Original 17-10-2007)
คุณเคยรู้สึกอย่างนี้บ้างไหม...
ค่ำคืนอันมืดมิดบนทางสายเปลี่ยว...ในขณะที่คุณนั่งอยู่คนเดียวหลังพวงมาลัยรถยนต์ส่วนบุคคล
แสงสว่างที่มีอยู่เพียงน้อยนิดจากไฟหน้ารถ...และ...รถยนต์คันอื่นที่นานๆ จะแล่นสวนมาสักคัน
และในความมืดมิดนี้...ที่ไหนสักแห่ง...
คุณรู้สึกได้ว่า...สายตาบางคู่...จับตามองคุณอยู่
สำหรับผม...ผมเคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
มันเป็นความรู้สึกแบบไหนน่ะเหรอ...มาสิ...ตามผมมา...ผมจะเล่าให้ฟัง
ผม...เป็นคนหนึ่งในอีกหลายๆ คน ที่มีชีวิตผูกพันอยู่กับเครื่องจักรที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้เราเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้นบนท้องถนน...หรือ...ที่เรียกกันว่ารถยนต์นั่นละครับ
เนื่องด้วยอาชีพของผมที่ต้องขายสินค้าและบริการลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดตามหน้าที่ที่เจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งยอมจ่ายค่าจ้างให้ผมทำหน้าที่นี้แทนพวกเขา
ดังนั้น...ในแต่ละวันของผม...ชีวิตส่วนใหญ่จะหมดไปบนรถยนต์คู่ชีพและการจราจรอันคับคั่งบนท้องถนนใจกลางเมืองหลวงที่แสนจะวุ่นวายและชวนประสาทเสียเอาง่ายๆ
ผมจะมีความสุขมาก...หากวันไหนผมได้ขับรถไปเยี่ยมลูกค้าที่ต่างจังหวัด
ความจริงแล้วผมไม่ได้รังเกียจหรือเบื่อหน่ายที่จะขับรถยนต์ตะลอนๆ ไปไหนต่อไหนตลอดวัน
...ผมบอกคุณแล้วไง...ว่าชีวิตผม...ผูกพัน...กับรถยนต์...
ผมกลับชอบเสียอีกที่จะได้ขับรถไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน...ถ้า...ไม่ติดแหงกเหมือนในเมืองหลวงนะ
...และวันหนึ่งในฤดูหนาว...
วันที่ผมต้องไปเยี่ยมลูกค้าที่ต่างจังหวัด...จะว่าไป...มันก็ไม่ไกลหรอก...เลยปริมณฑลไปหน่อยเดียวเท่านั้นเองครับ
ผมออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อที่จะขับรถกินลมเล่นและหาของกินตามรายทางไปเรื่อยๆ กะว่าให้ถึงบริษัทของลูกค้าก่อนบ่ายโมงนิดหน่อย หลังจากนั้นก็คุยงานและไต่ถามสารทุกข์สุขดิบสักหนึ่งถึงสองชั่วโมงก่อนจะเดินทางกลับ
...กำลังดี...ถึงบ้านตอนหัวค่ำ...
...ถึงผมจะชอบขับรถ...แต่ผมไม่ชอบบรรยากาศของท้องถนนตอนกลางคืนเลยแม้แต่น้อย...
เมื่อรถยนต์เริ่มเคลื่อนที่ห่างออกจากความวุ่นวายในตัวเมือง สองข้างทางเริ่มปรากฏความร่มรื่นอันเนื่องจากความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้าที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะห่างที่มากขึ้น
ผมปิดเครื่องปรับอากาศในรถยนต์และเปิดกระจกหน้าต่างเพื่อรับลมเย็นจากภายนอก
...ผมชอบกลิ่นหอมจางๆ จากไออุ่นของดินและต้นหญ้าในท้องทุ่ง...และยิ่งในเวลาเช้าด้วยแล้ว...แสงจากท้องฟ้าที่สาดส่องลงมาอาบต้นข้าวและต้นไม้ใบหญ้าจนเป็นสีทองทั่วทั้งบริเวณ...ลมเอื่อยพัดยอดไม้ยอดหญ้าให้ปลิวไสวไปตามกันดุจต้นไม้ใบหญ้าเหล่านั้นกำลังล้อเล่นอยู่กับสายลม...ช่างเป็นภาพที่งดงามหาที่เปรียบมิได้จริงๆ...
ผมถึงบริษัทของลูกค้าเมื่อเกือบบ่ายโมง หลังจากรออยู่ครู่หนึ่งเพื่อให้ถึงเวลาเข้างานช่วงบ่ายผมก็เดินเข้าไปในบริษัทและแจ้งความจำนงแก่พนักงานต้อนรับ...อืมม...เป็นไปตามหมายกำหนดการที่ตั้งไว้ในใจพอดิบพอดี...คุณอาจจะยังไม่รู้...ผมเป็นนักจัดตารางเวลามือฉมังคนหนึ่งเชียวล่ะ...
แต่แล้ว...สิ่งที่ทำให้ตารางเวลาของผมผิดเพี้ยนไปก็บังเกิดขึ้นจนได้...ลูกค้าคนนี้ของผมช่างเป็นคนที่คุยเก่งเสียนี่กระไร...แถมยังชวนผมอยู่ทานข้าวเย็นอีก...จะปฏิเสธก็คงไม่ได้...ก็ลูกค้ารายใหญ่ของผมนี่ครับ
ผมร้อนใจไม่น้อยทีเดียว ที่อะไรๆ ผิดแผนไปหมด...แต่ที่สำคัญ...
...ที่นั่งหลังพวงมาลัยรถยนต์...ผมนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดมิดบนท้องถนน...
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด...ทัศนวิสัยในขณะนี้ดูจะแย่เอามากๆ...อยู่ดีๆ ฝนก็ตกลงมาในช่วงเย็นที่ผ่านมาและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้ผมไม่สามารถขับเคลื่อนรถยนต์คู่ชีพให้ทะยานไปด้วยความเร็วอย่างที่มันควรจะเป็นได้
...ตอนนี้อากาศภายนอกรถยนต์คงจะหนาวเอามากๆ...
เลยจากไหล่ทางไป...บนท้องทุ่งแห่งเดิมที่ผมเพิ่งขับผ่านมาเมื่อเช้า...ในช่วงเวลาเช่นนี้มันกลับดูช่างแตกต่างจากยามเช้าราวสวรรค์กับนรกก็ไม่ปาน...
ท้องทุ่งอันมืดมิดที่ทุกอณูของดินและต้นไม้ใบหญ้าโอบอุ้มความชื้นแฉะของฝนและไอน้ำในอากาศไว้จนเต็มปริ่ม...ส่งกลิ่นดิบชื้นชวนอึดอัดออกมาปกคลุมรอบบริเวณ
หากผมต้องไปยืนอยู่ที่กลางทุ่งตรงนั้นในเวลาค่ำคืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บที่ฝนกำลังเทกระหน่ำเช่นนี้แต่เพียงผู้เดียว...
...ความหนาว...ความเหงา...ความว้าเหว่...คงเกาะกินหัวใจจนด้านชา...
...วันแล้ววันเล่าที่ต้องทนเฝ้ามองรถยนต์ที่นานๆ จะผ่านมาสักคัน...และ...หวังว่าเขาผู้นั้นจะให้อาศัยรถไปด้วย...ไปสู่ที่ๆ ความหนาว...ความเหงา...และความว้าเหว่...ไม่สามารถเกาะกินหัวใจเราได้...
โอ...ไม่...ไม่ๆๆๆ...อย่าไปคิดเรื่องนั้น...ผมเคยบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าผมไม่ชอบบรรยากาศของท้องถนนในเวลาค่ำคืน...และโดยเฉพาะวันที่ฝนตกแบบนี้ด้วย...มันทำให้จินตนาการของผมตะลึงพรึงเพริด
เปรี้ยงงงง.......ครืนนนน.......!!
.....!!....
ด้านขวาของผม...ตอนฟ้าแลบเมื่อสักครู่...หางตาผมรู้สึกเหมือนเห็นใครบางคนยืนอยู่...
บนไหล่ถนนที่เปรียบเสมือนเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสิ่งที่ยังมีไออุ่นและลมหายใจ
...กับ...สิ่งที่ไม่มี...
...จมูกผมได้กลิ่นดิบชื้น...ที่ผมเกลียด
มันเข้ามาได้ยังไง...กลิ่นพวกนี้...
สายตาจับจ้องกระจกทีละบานเพื่อตรวจสอบว่ามันอยู่ในสภาพที่ปิดสนิท
ตอนนี้...ผมรู้สึกว่าเหมือนมีใครจ้องมองผมอยู่ตลอดเวลา...จากที่ไหนสักแห่งในความมืดมิด...ไม่...ไม่...ผมทนไม่ไหวกับบรรยากาศแบบนี้
ในขณะนี้ดูเหมือนว่าเท้าขวาของผมจะเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นโดยที่ผมไม่รู้ตัว...ผมอยากออกไปจากบริเวณนี้โดยเร็ว...บริเวณที่ไร้ไออุ่นและหนาวเหน็บเช่นนี้...
ฉับพลันนั้นเอง...ลมเย็นพัดผ่านบริเวณท้ายทอยและส่งผลให้เส้นขนทั่วทั้งสรรพางค์กายตั้งชันขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
น้ำตาผมเริ่มไหล...มือที่จับพวงมาลัยเกร็งแน่นจนผมเองก็ยังรู้สึกเจ็บมือ...ผมเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นจนเรียกได้ว่าเกือบจะจมเท้า นำพาให้รถยนต์วิ่งฝ่าสายฝนด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง
เปรี้ยงงงง.....ครืนนนน.......!!!
ฟ้าแลบอีกครั้ง...แสงสีขาวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ผมมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดเจนขึ้น...และ...
กลางถนน...หญิงสาวแปลกหน้าที่ผมไม่รู้จัก...ยืนขวางเส้นทางรถของผมอยู่...
เอี๊ยดดดดดด.......โครมมมม............!!!
ผมหักพวงมาลัยรถยนต์ในทันที...และนั่น...ส่งผลให้รถยนต์ที่แล่นมาด้วยความเร็วสูงท่ามกลางพายุฝนเสียหลักในทันทีเช่นกัน
รถพลิกคว่ำหลายตลบตกลงไปในท้องทุ่งข้างทาง...สติผมเลื่อนลอย...
หญิงสาวตรงเข้ามาหาผม...เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนแทบจะเรียกได้ว่าชิดกับใบหน้าของผม
...กลิ่นดิบชื้นรุนแรงปะทะกับประสาทดมกลิ่นของผมอย่างจัง...กลิ่นที่ผมเกลียด...
...เธอ...แสยะยิ้ม...
...และ...
ไหล่ถนน...เส้นแบ่งเขตแดนระหว่างสิ่งที่ยังมีไออุ่นและลมหายใจ...กับสิ่งที่ไม่มี...
บัดนี้...ผม...ยืนอยู่ในท้องทุ่งที่มืดมิด...เงียบเหงา...และ...หนาวเหน็บ
คอยจ้องมองรถยนต์ที่นานๆ จะแล่นผ่านมาสักคันหนึ่ง
...เพื่อเฝ้ารอ...คนต่อไป...ที่จะมาพาผมออกไปจากที่แห่งนี้...
ที่ทางสายเปลี่ยวแห่งใดแห่งหนึ่ง...หากคุณเดินทางผ่านไปและมีความรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง...
ความรู้สึกที่เหมือนถูกจ้องมองจากใครบางคน...ความเย็นเยือกและดิบชื้นที่คุณไม่เคยรู้สึก
นั่นล่ะ...ผมเอง...ผมกำลังเฝ้ามองคุณอยู่...