สวัสดีค่ะ เรามาเรียนที่อเมริกาได้ 2-3 ปีแล้วค่ะ เรากำลังเรียนอยู่ปี 2 คราวนี้ได้มีโอกาสเจอรุ่นพี่คนหนึ่งที่เรียนสาขาเดียวกัน อยู่ปี4
เขาเป็นคนที่มีความมั่นใจมากค่ะ เขามักจะชอบแชร์ความรู้ความคิดของเขากับกลุ่มเพื่อนเสมอๆ เราได้ทำงานเป็นติวเตอร์ด้วยกัน
ซึ่งบางครั้งเราชอบแอบดูตอนเวลาเขาสอนหรืออธิบายให้เพื่อนฟัง การอธิบายของเขานั้นมันเป็นอะไรที่ประทับใจเรามากเลยค่ะ เขามักจะพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจเต็มเปี่ยมไปด้วย passion บางครั้งเราแอบดูไปเราก็ยิ้มไป แต่ยิ้มมากไม่ได้เดี๋ยวคนอื่นจะเห็น บางครั้งต้องแอบหันหลังเข้าหากำแพงเลยทีเดียว
มีอยู่ครั้งนึงที่เราแกะกินขนมอยู่ แล้วเขาหันมามองเราแล้วเราก็หันไปสบตาเขาพอดีเลยค่ะ แทบไม่กล้ากินต่อเลยค่ะ เขินมากมาย
จากนั้นเราก็เจอกันบ่อยพอสมควรค่ะ แต่เราแทบไม่ได้คุยกันเลย คือเขาเป็นคนที่พูดเร็วและพูดเยอะ ยอมรับว่าฟังไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ เวลาเขาพูดกับเพื่อนเราก็จะแอบฟังนะคะ แบบอยากฟังให้ชินเผื่อจะได้มีโอกาสพูดกับเขาให้เยอะขึ้น แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทันแล้วหล่ะค่ะ เหลือเวลาอีกแค่ 4 เดือนเขาก็จะจบป.ตรีและไปเรียนต่อป.โทที่รัฐอื่นค่ะ ซึ่งไกลมากๆ
คือเอาจริงๆเรื่องนี้มันก็เป็นไปได้ยากสำหรับเราอ่ะนะคะเพราะเราเป็นนักเรียนทุน ซักวันนึงเราก็ต้องกลับมาทำงานใช้ทุนที่ไทย เราก็จะนึกถึงเรื่องนี้ไว้เตือนใจตัวเอง และด้วย culture differences ที่เราโดยพื้นฐานเป็นคนค่อนข้างยึดขนบธรรมเนียมไทยด้วยแล้วยิ่งทำให้ยากเข้าไปใหญ่เลยค่ะ แต่เราก็ของเลือกเก็บความทรงจำนี้เป็นกำลังใจที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองค่ะ passsionของเขาในวันนั้นมันเหมือนถูกส่งต่อมาให้เราแล้ว จากเป็นคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรกับชีวิตอยู่ เราเหมือนมีแรงบันดาลใจที่จะทำให้สิ่งที่เราทำอยู่ดีขึ้นไปอีก ไม่อยากที่จะหยุดแค่ในสิ่งที่เราเป็น แต่อยากเป็นคนที่ดีขึ้น สำหรับเราแค่นี้ก็มากเกินพอแล้วค่ะ
แอบชอบรุ่นพี่ชาวอเมริกัน
เขาเป็นคนที่มีความมั่นใจมากค่ะ เขามักจะชอบแชร์ความรู้ความคิดของเขากับกลุ่มเพื่อนเสมอๆ เราได้ทำงานเป็นติวเตอร์ด้วยกัน
ซึ่งบางครั้งเราชอบแอบดูตอนเวลาเขาสอนหรืออธิบายให้เพื่อนฟัง การอธิบายของเขานั้นมันเป็นอะไรที่ประทับใจเรามากเลยค่ะ เขามักจะพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจเต็มเปี่ยมไปด้วย passion บางครั้งเราแอบดูไปเราก็ยิ้มไป แต่ยิ้มมากไม่ได้เดี๋ยวคนอื่นจะเห็น บางครั้งต้องแอบหันหลังเข้าหากำแพงเลยทีเดียว
มีอยู่ครั้งนึงที่เราแกะกินขนมอยู่ แล้วเขาหันมามองเราแล้วเราก็หันไปสบตาเขาพอดีเลยค่ะ แทบไม่กล้ากินต่อเลยค่ะ เขินมากมาย
จากนั้นเราก็เจอกันบ่อยพอสมควรค่ะ แต่เราแทบไม่ได้คุยกันเลย คือเขาเป็นคนที่พูดเร็วและพูดเยอะ ยอมรับว่าฟังไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ เวลาเขาพูดกับเพื่อนเราก็จะแอบฟังนะคะ แบบอยากฟังให้ชินเผื่อจะได้มีโอกาสพูดกับเขาให้เยอะขึ้น แต่ดูเหมือนมันจะไม่ทันแล้วหล่ะค่ะ เหลือเวลาอีกแค่ 4 เดือนเขาก็จะจบป.ตรีและไปเรียนต่อป.โทที่รัฐอื่นค่ะ ซึ่งไกลมากๆ
คือเอาจริงๆเรื่องนี้มันก็เป็นไปได้ยากสำหรับเราอ่ะนะคะเพราะเราเป็นนักเรียนทุน ซักวันนึงเราก็ต้องกลับมาทำงานใช้ทุนที่ไทย เราก็จะนึกถึงเรื่องนี้ไว้เตือนใจตัวเอง และด้วย culture differences ที่เราโดยพื้นฐานเป็นคนค่อนข้างยึดขนบธรรมเนียมไทยด้วยแล้วยิ่งทำให้ยากเข้าไปใหญ่เลยค่ะ แต่เราก็ของเลือกเก็บความทรงจำนี้เป็นกำลังใจที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเองค่ะ passsionของเขาในวันนั้นมันเหมือนถูกส่งต่อมาให้เราแล้ว จากเป็นคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรกับชีวิตอยู่ เราเหมือนมีแรงบันดาลใจที่จะทำให้สิ่งที่เราทำอยู่ดีขึ้นไปอีก ไม่อยากที่จะหยุดแค่ในสิ่งที่เราเป็น แต่อยากเป็นคนที่ดีขึ้น สำหรับเราแค่นี้ก็มากเกินพอแล้วค่ะ