ทนไม่ไหว

กระทู้สนทนา
ปี ค.ศ.20XX


             สุวิน เหลือบมองดูนาฬิกาข้อมือ บอกเวลา 21.45 น. ยังไม่ถึงกำหนดเส้นตาย

             แสงไฟจากเสาไฟฟ้าหน้าบ้านส่องสว่างมองเห็นประตูรั้วบานใหญ่ชัดเจน  ถัดเข้าไปเป็นสนามหญ้าซึ่งเวลานี้ดูกว้างใหญ่ผิดปกติ ไม่ง่ายเลยในการจะบุกตะลุยเข้าไป

             บ้านหลังใหญ่สามชั้นยังคงมีแสงไฟสว่างจากหน้าต่าง ทุกอย่างสงบนิ่ง แต่ชายหนุ่มรู้ว่า กรกานท์ ภรรยาสาวจะต้องแอบซุ่มดูจากมุมใดมุมหนึ่งของตัวบ้าน เหมือนแมวจ้องโอกาสตะครุบหนู เธอไม่ต้องกังวลใจเรื่องของเวลา เพราะผลของเส้นตายตกหนักอยู่กับผู้เป็นสามีมากกว่า

             ฃายหนุ่มจอดรถไฟฟ้าประจำตัวไว้ริมถนน ห่างจากบ้านไม่ถึงร้อยเมตร เดินมาหลบดูสถานการณ์ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขม้นมองสังเกตในเขตบ้าน พยายามหาทางเข้าไปในบ้านให้ได้

             ขณะกำลังหมอบบนพื้นสังเกตการณ์ ฉับพลันเปลือกไม้เศษไม้เหนือศีรษะขึ้นไปไม่ถึงหนึ่งเมตรก็แตกระเบิดกระจายปลิวว่อนด้วยแรงเจาะของกระสุน ได้ยินเสียงปืนดังติดตามมาในเวลากระชั้นชิด ทำเอาสะดุ้งใจหายวาบ ใครบางคนกำลังซุ่มยิงมาจากในบ้าน กรกานต์ใจเย็นและเลือดเย็นพอที่จะเลือกใช้ปืนไม่ติดกระบอกเก็บเสียง นัยว่าเป็นการข่มขวัญไปในตัว

             บ้าชะมัด...สุวินคำรามในใจ ไม่สงสัยเลยว่าตัวเองถูกตรวจจับตำแหน่งได้อย่างไร ไบโอนาโนชิพ ที่อยู่ในร่างกายต้องรายงานข้อมูลไปยังนาโนคอมพิวเตอร์ของภรรยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สถานการณ์เริ่มไม่ดี พลันได้ยินเสียงประกาศจากตู้ลำโพงล่องหนดังออกมาฟังชัดเจนด้วยเสียงสดใสของศรีภรรยา

             “ระวังตัวหน่อยนะคะ  วิน นัดเมื่อครู่ถึงไม่แม่นเท่าไร แต่ของขวัญต่อไปคือจรวดขนาดเล็ก เตรียมตัวรับนะคะที่รัก”

             ขาดคำสายตามองเห็นแสงสว่างวูบจากหน้าต่างบานหนึ่ง ไม่ต้องเสียเวลาคิด ชายหนุ่มกระโจนพรวดสุดตัวออกจากตำแหน่งเดิม กลิ้งตัวไปตามพื้นดินริมถนนอย่างไม่กลัวเสื้อผ้าราคาแพงจะเลอะเทอะ ประกายไฟสว่างวาบเสียงระเบิดสะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ด้านหลัง พลังงานความร้อนแรงดันของอากาศทำเอาแก้วหูแทบแตก ร่างแทบปลิดปลิว เศษไม้เศษหินกระเด็นเซ็นซ่าน

             สุวินอาศัยจังหวะนี้เอง พอพ้นจากแรงระเบิดลุกขึ้นวิ่งสุดกำลังเข้าหาประตูรั้ว จุดนั้นมีเสารั้วโลหะรูปทรงสี่เหลี่ยมเป็นที่กำบังอย่างดี  ขณะกำลังวิ่งได้ยินเสียงปืนดังสนั่นขึ้นหลายนัดแบบหูดับตับไหม้  กระสุนเฉี่ยวเฉียดร่างกายอย่างน่าหวาดเสียว แต่ไม่มีนัดไหนโดนเป้าหมาย  นั่นอาจเป็นเพราะว่าแรงระเบิดเมื่อครู่ไปรบกวนการเล็งปืนก็เป็นได้

             จะเล่นกันให้ตายจริงๆ เหรอที่รัก... ชายหนุ่มผวาเข้าหลบเสารั้วประตูบ้านได้อย่างหวุดหวิดพลางหายใจหอบหนักอย่างระทึก กระสุนชุดต่อไปกระหน่ำตามมาอีก แต่เป็นการยิงข่มขู่มากกว่าเพราะความหนาของเสาโลหะบังร่างกายของเขาจนมิด เพียงแต่เสียงกระสุนกระทบผิวโลหะเปรี้ยงปร้างทำให้เสียวรากฟันพิลึก

             ประตูรั้วจะเปิดได้ด้วยลูกกุญแจในกระเป๋าเท่านั้น  ตามกฏและกติกาห้ามใช้วิธีการเปิดรูปแบบอื่น

             เวลาเส้นตายใกล้เข้ามาทุกขณะ จะต้องรีบทำอะไรสักอย่าง

             หลังจากคิดได้ ชายหนุ่มจัดการถอดรองเท้าข้างซ้าย ถอดเสื้อสูทตัวเก่ง  เอารองเท้าซุกม้วนไว้ในเสื้อ ก่อนลุกขึ้นเหวี่ยงเสื้อห่อรองเท้าออกไปด้านข้างให้ลอยห่างออกไปจากประตูแบบสุดแรง

             พอเสื้อหุ้มรองเท้าเท้าลอยไปเพียงไม่ถึงครึ่งวินาที เสียงปืนก็ระเบิดถี่ยิบ ห่ากระสุนพุ่งไปทางวัตถุล่อเป้า ยิงถูกบ้างไม่ถูกบ้างเพราะระยะยิงจากตัวบ้านมาถึงประตูรั้วก็ห่างไกลกันพอสมควร เขานึกภาพกรกานท์คงนั่งอยู่หลังปืนกลเบาด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มกับการยิงป้องกันการบุกรุกของสามี หล่อนคงหันไปสนใจเป้าหลอกสักระยะ

             จังหวะนั้นสุวินดึงลูกกุญแจออกมากระโดดตัวลอยไปทางประตูทางเข้า ด้วยการซุ่มฝึกทักษะการกระโจนลอยตัวเปิดกุญแจบ้านมานาน ทำให้ลูกกุญแสสอดควับเข้ากับแผงควบคุมซึ่งอยู่หน้าประตูอย่างแม่นยำมืออาชีพ

             ประตูเลื่อนออกอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มไม่รอช้า ลุกขึ้นได้ก็วิ่งปราดไปยังชุดโต๊ะโลหะข้างสนามหญ้าทันที นั่นคือเป้าหมายแห่งที่สองแห่งการหลบภัย แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับการกระโจนเข้ากำบัง แนวกระสุนปืนกลก็เปลี่ยนทิศทางกระหน่ำเข้ามากะทันหัน กระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้าต้นแขนซ้ายของเขาอย่างจังจนร่างหมุนคว้าง ความรุนแรงของกระสุนแทบทำให้แขนข้างนั้นแทบขาดออกจากตัว กระดูกภายในแตกละเอียด ขาดการบังคับควบคุมทันทีมือห้อยร่องแร่ง เลือดไหลทะลักออกมาสีแดงฉาน แต่เขาก็ฝีนใจลากสังขารตะกายไปถึงชุดโต๊ะโลหะจนได้

             ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้แทบหน้ามืด  แต่ยังมีสติรีบใช้มือขวาหยิบยาเม็ดสีขาวจากกระเป๋ากางเกงส่งเข้าปากทันที นั่นเป็นยาบรรเทาความเจ็บปวดที่เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เสี่ยงภัย เสื้อที่เหลืออยู่กับตัวเป็นเสื้อกล้าม พยายามจะถอดออกมาพันแผลแต่แขนที่ใช้งานได้เพียงข้างดียวก็ทำให้ลำบากเหลือแสน จึงได้แต่พยายามใช้มือขวาบีบกดบาดแผลเอาไว้ กัดฟันกรอดข่มความเจ็บปวดอย่างสุดชีวิต

             ทำกันลงคอนะยาหยี...

             ชายหนุ่มนั่งหลังพิงโต๊ะโลหะอันเย็นเฉียบ หลับตานึกหาทางมุ่งหน้าต่อไป แต่สภาพร่างกายไม่พร้อมเสียแล้ว  เส้นตายยังคงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้เริ่มหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต เริ่มนึกถึงความเป็นมาของเรื่อง

             ทำไมต้องแต่งงานกับกรกานท์ด้วย

             แต่งงานกับผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความหึงหวง พ่อตาเป็นประธานบริษัทอุตสาหกรรมไบโอนาโนเทคโนโลยีผู้มีชื่อเสียงในวงการ แม่ยายเป็นรองประธานบริษัท ชายหนุ่มหลายคนฝันใฝ่ในความฝันอันเหลือเชื่อ อยากเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล มีฝันเป็นจริงเพียงสุวินคนเดียว

             การแต่งงานไม่ได้มีค่าเรือนแต่งสินสอดทองหยอดของหมั้นแต่ประการใด มีเพียงข้อตกลงระหว่างสามีภรรยาเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายสากล  สุวินต้องยอมฝังไบโอนาโนในร่างกายหลายตำแหน่ง หนึ่งในอุปกรณ์เหล่านี้มีตัวคอยตรวจจับว่าจะมีผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้ชายหนุ่มในระยะสิบเซนติเมตรไม่ได้เป็นอันขาด  ถ้ามีการละเมิดสัญญาข้อตกลง จะมีการส่งสัญญาณไปเข้านาโนคอมพิวเตอร์ของกรกานต์ทันที และจะมีบทลงโทษแล้วแต่ความหนักเบา ตั้งแต่การให้อุปกรณ์ไบโอนาโนส่งกระแสไฟฟ้าเข้าระบบประสาท ทำให้เกิดความเจ็บปวดทั่วร่างกาย ไปจนถึงทำให้บาดเจ็บหนักสาหัสหมดสติหรือตายไปเลย มีกล้องนาโนคอยติดตามทุกการเคลื่อนไหวแม้กระทั่งเข้าห้องน้ำ

             “พวกผู้ชายไว้ใจไม่ได้...นั่นคือเหตผลของศรีภรรยา

             สิบเซนติเมตรจึงเป็นระยะทางแห่งความเจ็บปวดมรณะสำหรับสุวิน

             นอกจากนี้ ยังมีไบโอนาโนตรวจจับอารมณ์เคลิบเคลิ้มอีกชุดหนึ่ง สุวินไม่สามารถมองหญิงอื่นแล้วเกิดอาการเคลิ้มฝันหลงใหลรักใครได้เลย ถ้าอารมณ์ดังกล่าวกล่าวเกิดขึ้น กระแสไฟฟ้านรกแตกก็จะทำงานทันทีเช่นกัน ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่กล้าดูภาพผู้หญิงสวยๆงามๆ หรือคิดเกินเลยกับสาวคนไหน เรียกว่าถ้าเห็นผู้หญิงหน้าตาดีเซ็กซี่เดินตรงเข้ามา จะต้องตะลีตาเหลือกตะกายหนีสุดชีวิต

             ส่วนอิสระของชายหนุ่มที่ได้มาคือ เขามีสิทธิ์จะไปไหนมาไหนก็ได้ เที่ยวเตร่อย่างไรก็ได้ ทำอย่างไรก็ได้  ถ้าไม่ขัดกับสิบเซนติเมตรมรณะ กรกานท์ไม่มีสิทธิ์ห้ามปรามยุ่งเกี่ยว เพียงมีสิทธิ์ติดตามดูพฤติกรรมอย่างเดียวเท่านั้น  แต่จะต้องกลับบ้านก่อนเวลา 22.00   น. เสมอ ทันทีเมื่อเข้าในเขตตัวบ้าน ไบโอนาโนในร่างกายจะหยุดทำงาน ทำให้เขาเป็นอิสระจากการตรวจจับควบคุมระยะหนึ่ง

             ถ้าเข้ากลับเข้าตัวบ้านไม่ได้ ไบโอนาโนจะระเบิดทำลายร่างกายของเขาให้แหลกเป็นชิ้น ๆ

             ไม่มีคำว่าปรานี สำหรับปี ค.ศ.20xx

             โดนจัดหนักขนาดนี้ทำไมเขาถึงยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้?

             จะว่าเรื่องเงินทองก็ไม่ใช่ ฐานะทางบ้านของสุวินก็ดีเหมือนกัน ครอบครัวมีบริษัทส่งสินค้ารายใหญ่ จำพวกอิเล็กทรอนิกส์ออกนอกประเทศมีเงินทุนหมุนเวียนมหาศาล

             “เป็นยังไงคะวิน”  เสียงของภรรยาดังผ่านลำโพงล่องหนด้วยความห่วงใย หลังจาเสียงปืนสร่างซาลง

             “คุณยิงผมแขนซ้ายเกือบขาด”   เขากัดฟันตะโกนตอบ รู้ว่าหล่อนได้ยิน

             “น่าสงสารจัง  แต่คุณต้องเข้าใจนะคะที่รัก กานท์เองก็ต้องทำตามกฏ  ไม่ให้คุณบุกเข้ามาได้  หลังจากสามทุ่มเป็นต้นไป กานท์มีสิทธิ์ใช้อาวุธทุกชนิดในการป้องกันยับยั้ง ไม่งั้นจะกลายเป็นว่ากานท์ผิดสัญญาไปเสียเอง”

             ป้องกันสามีจะเข้าบ้านนี่น่ะนะ ยัยบ้อง...สุวินขบกรามกรอด ทำไมไม่เอานิวเคลียร์ถล่มเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

             “วางใจเถอะค่ะ”  เสียงของเธอแว่วมาอีกเจือกระแสแห่งความเห็นใจ  “กานท์สัญญาว่าจะไม่ใช่อาวุธอย่างอื่นอีก นอกจากปืนกลกระบอกนี้ พร้อมกระสุนที่เหลืออีกสองแสนนัด พยายามเข้านะคะที่รัก กานท์รักคุณค่ะ เอาใจช่วยเต็มที่ สู้ๆนะะที่รัก”

             สู่กับผีนะสิ...ภรรยาบ้าอะไรคอยต้อนรับสามีด้วยกระสุนปืนกลสองแสนนัด ในขณะที่เขาไม่ได้มีอาวุธจะใช้ต่อกรเลย ถึงแม้ว่ากฏและข้อตกลงสากลจะเปิดทางให้ ว่าให้เขาสามารถให้หนังสะติ๊ก พร้อมกระสุนทำจากดินเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมในการบุกจู่โจมได้ แต่ใครล่ะจะกล้าเอาหนังสะติ๊กออกไปดวลกับปืนกล มิหนำซ้ำยังเหลือแขนใช้งานได้เพียงข้างเดียว จะทำอะไรได้

             “เฮ้...กานท์ คุณอยากยิงผมจริง ๆ เหรอ” เขาตัดสินใจพยายามต่อรอง  “กานท์ไม่รักผมแล้วหรือครับ”

             “รักสิคะ รักมากจนอยากจะยิงให้ตายคามือทีเดียวเชียวละค่ะ”

             “ผมว่าคุณไม่กล้ายิงผมหรอก”

             แทนคำตอบ กระสุนปืนกลชุดหนึ่งดังสนั่นถี่ยิบ ถึงแม้ว่ากระสุนปืนจะทำอะไรไม่ได้ แต่เสียงหัวกระสุนกระทบโต๊ะโลหะดังกราวใหญ่ทำให้ประสาทเสีย  เลือดจากบาดแผลก็ยังยังไหลไม่หยุด ความรู้สึกเริ่มเลือนรางขึ้นทุกที ยาแก้เจ็บปวดก็ช่วยได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น  ถ้ารักษาไม่ทันคงเลือดคงไหลหมดตัว

             เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาที

             วัดใจ...งานนี้ต้องวัดใจ  เคยเห็นฉากวัดใจระหว่างหนุ่มสาวในหนังสมัยเก่าคลาสสิก มากมายหลายเรื่อง ต้องนำมาประยุกต์ใช้

             “ฟังนะที่รัก”  สุวินรวบรวมพลังที่เหลือร้องเสียงดัง  “ ผมจะโยนอาวุธของผมออกไป ผมไม่มีอาวุธในมือ มีแต่หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยควมรักที่มีต่อคุณ  คุณจะยิงคนไม่มีอาวุธไม่มีทางสู้ก็ให้รู้ไป คุณไม่ทำแบบนั้นแน่นอนที่รัก”

             ว่าพลางกัดฟันโยนหนังสะติ๊กออกไปก่อน และค่อยๆ ฝืนใจยืนขึ้นเต็มความสูงอย่างช้า ๆ ชูมือขวาในท่าทางยอมจำนน  กลั้นลมหายใจว่าจะมีเสียงปืนกระหน่ำหรือไม่

             “เห็นไหมที่รัก ผมไม่มีอาวุธ ทำร้ายคุณไม่ได้ ผมว่าเราคุยกันได้นะ  เราตกลงกันได้ ใจเย็นๆนะที่รัก ผมจะเข้าไปหาคุณเดี๋ยวนี้ เข้าไปพร้อมกับพลังแห่งความรักอันยิ่งใหญ่เทียบเท่าเขาพระสุเมรุ เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีให้แก่นางอันเป็นที่รักได้ สุดสวาทขาดหัวใจของไอ้วิน  หัวใจไอ้วินหนุ่มบ้านแห่งทุ่ง ไม่มีใครอีกแล้วในโลกที่จะรักกานท์เท่าวินคนนี้  แม่เรียมของไอ้วิน แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยเพียงไรในดวงฤดีแด หัวใจของวินยังคงกระซิบกระแซะพร่ำเพรียกเรียกหากานท์ ทุกเวลาทุกนาที ทุกวินาที...”

             แทบไม่จบประโยค เสียงปืนกลระเบิดถี่ยิบ ลูกกระสุนหลายสิบนัดพุ่งเข้าเจาะหน้าอกและลำตัวจนพรุนไปทั้งร่าง สุวินหงายหลังล้มฟาดลงไปตามแรงกระสุนไม่มีโอกาสสั่งเสียแม้แต่คำเดียว


             “เจ้าวินแฟนลูกเป็นยังไงบ้าง” ใบหน้าของผู้เป็นบิดาปรากฏในจอมอมิเตอร์ขนาดใหญ่ข้างผนัง กรกานท์ในชุดลำลองสบายอยู่กับบ้าน หันไปยิ้มเนือยๆ ให้กับผู้เป็นพ่อ วางมือจากสำรวจติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันบ้านบริเวณขอบหน้าต่าง



.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่