India12วัน4เมือง...อินเดียนี่มัน...อินเดียจริงๆนะ(>o<)

เอาวะ..ไปฝึกจิต!!
ความคิดปลุกจิตให้ฮึกเหิมของเราในขณะที่นิ้ววางบนเม้าส์ แล้วเคอเซอร์ชี้ตรงปุ่ม “ยืนยันการจอง” บนหน้าจอ
หลายคนกลัวอินเดีย จากสื่อ สารคดี คำบอกเล่า...เราก็เป็นหนึ่งในนั้น  เป็นหนักกว่านั้นด้วย คือเป็นมนุษย์ไฮยีนมากกกก
ตอนไปเที่ยวจีน ก็ช็อกกับห้องน้ำจีนไปแล้วรอบนึง มาคราวนี้ อินเดียเชียวนะ

เปิดกระทู้ด้วยถนนแขก ดูหน้าผช.ที่มองน้องดิ โอ้ยยย กลัวล้าววว

ทริปนี้แบกเป้เที่ยว ผู้หญิงสองคน 4 เมือง Jaipur>>Jaisalmer>>Udaipur>>Agra รวม 12 วัน
นอนดีกินดี เดินทางAC1/AC2/AC Sleeper BUS คือระดับดีถึงดีสุดของเค้าแระ ตอนกลับจาก
Agra วันสุดท้าย เพื่อไปต่อเครื่องที่Jaipurกลับกรุงเทพ ก็เหมาแท็กซี่ (6 ชม. 4600รูปี)
รร.ก็จองที่มีRoof top หรือใกล้ๆที่เที่ยวแบบเดินห้านาทีถึง รวมๆคือใช้เงินแก้ปัญหา ซื้อความสบาย
ก็ยังหมดไปแค่คนละ 25,000บาทเลยนะคู้นนน(รวมทุกสิ่งอย่างแม้กระทั่งค่าทิชชู่นะคะ)

จะว่าประเทศนี้รวมความแปลก ก็ไม่ได้...เพราะคุณพาตัวเองเข้าไปในที่ของเค้า
เค้าอยู่กันปกติแบบนั้น คุณต่างหากที่แปลก! ต้องใช้คำว่า ความแขก...คือลักษณะพิเศษที่ไม่เป็นสากล

ความเข้าใจอะไรยากของเค้า มีเอกลักษณ์มาก แนะนำให้ซื้อตั๋วรถไฟ/บัส ก็เอเจนไทยไปเลยค่ะ
แพงกว่า แต่สบายใจแน่นอน มีคนแนะนำทุกอย่าง แต่ถ้าอยากสัมผัสประสบการณ์คุยกับแขกให้มีภูมิก่อน
เชิญที่นี่ค่ะ จองรถเช่าเหมา ตั๋วรถไฟ บัส   http://www.autotravelsagra.com/
ชื่อคุณมานิช ถูกและเก่าด้วยค่ะ5555 อย่าไปคิดมาก อะไรที่นี่ก็ดูเก่าและเลอะเทอะเกินอายุจริงทั้งนั้น

เข้าใจยากจนมีระบบภาษากายฝังลงไปในเงินด้วย เออ User friendly สุดๆ ดีๆๆๆ

อิเด็กไทย นินทาประเทศช้าานหรอ เด๋วอินี่จับขังรวมกะไก่ซะเลย555


ขับรถไม่ต้องมีกฏ แค่มีsenseพอ
ถ้ารถคันไหนยังไม่มีรอยข่วน บุบ แตก แสดงว่า เพิ่งออกจากโชว์รูมไม่เกินสองวัน

ถ้ายางแบนกับแตรไม่ดัง คนที่นี่จะไปซ่อมแตรก่อน

ถนนไม่ใช่ของทุกคน...แต่ทุกตัวด้วย ช้าง/ม้า/หมู/แพะ/อูฐ/ลิง/หมาวัว เราสามารถพบได้ทั่วในเมือง

ไม่เอาจิ ไม่กินขยะ เราเป็นพระโคศักสิทธิ์ Keep look นิดนุงงงง

นกเยอะมากกก มีทุกที่ ทุกเมือง ใน 12 วัน เพื่อนเราโดนขี้นกไปสองรอบ

มีระบบระบายน้ำและจัดการขยะที่...โนคอมเม้น อยากให้ไปดูเอง

คน..มีความอิสระ มั่นใจสูงปรี๊ด พูดเยอะ ฟังน้อย
อยากพูดอะไรก็ได้ ที่ตัวเองต้องการพอ

สำเนียงอังกฤษแบบแขก อยากเชิญชวนไปฟังกันจริงๆค่ะ
แล้วพอเราเหมือนฟังเค้าไม่ออก มีถามซ้ำๆ นางจะเริ่มหงุดหงิดอีก เพลีย

คน..ร้านของโรงแรมเชียวนะ แค่ถามราคาอาหาร ไม่ได้สั่ง
สุดท้ายเอามาเสิร์ฟ พอเราบอกไม่ได้สั่ง ทำหน้าไม่พอใจ!! เราก็ต้องรับไว้

คน..ที่นี่จะชอบถาม You have change? คือเค้าหมายถึง Do you have small bank note? มีแบงค์ย่อยมั้ย
ไม่เว้นแม้แต่ตู้ซื้อตั๋วรัฐนะคะ ถ้าเราไม่มีคือทำหน้าไม่พอใจ ให้เราไปหามา อันนี้เกิดกับฝรั่งที่ต่อคิวซื้อตั๋วหน้าเรานะคะ
คือ..ไม่รู้หน้าที่ ไม่เป็นมืออาชีพ อยู่กันแบบนี้จริงๆนะ 555

เตรียมแบงค์ย่อยไว้เยอะๆ ไว้เผื่อโดนไถทิป กับโดนไม่ทอน เตือนแระน้า


คน..ขับรถไม่รู้ทาง พาหลง ยืมมือถือเราไปเปิด map แต่ก็ดูไม่ค่อยจะเป็น สุดท้ายต้องจอดใกล้ๆแล้วเดินหา
แต่....ก็กล้าขอทิป แบบระบุจำนวนด้วยน้า ให้ 100รูไม่เอา จะเอา 300..น่าเตะมาก
คือเจอความโกงกระจุกระจิก ความไถทิป ความมึนของแขก จนหวาดระแวง พอมาเจอคนดีๆก็พลอยระแวงเค้า
ต้องคอยรู้สึกผิดทีหลังไปอีก555

โดยรวมนะคะ
คนที่ JAIPUR/AGRA ไม่น่ารักเท่าไหร่ มั่นใจ วุ่นวาย น่ารำคาญ
คนที่ JAISALMER จะซื่อๆ ไม่เซ้าซี้ ดูชนบทนิดๆค่ะ
คนที่ UDIAPUR มีความเป็นสากลที่สุด555 อยู่สบาย อยู่อย่างชิลอ่ะ

ถ้าทนเรื่องจุกจิกน่ารำคาญได้ คุณจะเห็นความฮาและน่ารักของแขกหลายๆคนได้ไม่ยากค่ะ
อยู่ที่เรียนรู้...อยู่ที่ยอมรับมันนนน เปิดใจจ้า

ป่ะ!! ออกเดินทาง
เราบิน Airasia สามทุ่มครึ่ง ถึงจัยปูร์ เกือบตีหนึ่ง ทันทีที่เท้าแตะพื้นสนามบินจัยปูร์ ความหนาวเย็นแผ่ซ่านปะทะร่าง
จากไทย 32เซลเซียส ข้ามมาสี่ชม.กว่า กลายเป็น 7เซลเซียส การเดินทางช่วงหน้าหนาวมาที่รัฐราชสถานก็จะประมาณนี้  
เรามาปลายมกรา  ซึ่งเป็น High season แต่นักท่องเที่ยวกลับไม่พลุกพล่าน ที่รร.บอกว่ามันต่อจากปีใหม่ จะเริ่มเยอะอีก
กลางกุมภา เราเลือกมาช่วงนี้ เพราะหวังว่าความหนาวจะช่วยเราในเรื่องเหงื่อ กลิ่น ความสะดวก ในการใช้ชีวิตที่นี่สิบวัน
แม้ตั๋วจะแพงกว่าหน้าร้อน เรายอมจ่ายอมยิ้ม11

ชั่วโมงแรกก็โดนรับน้องแล้ววว....
จากสนามบินจัยปูร์ไปโรงแรมคืนแรกของเรา Hotel Khandaka Mahal มีระยะทาง 13 กม. ที่สนามบินจะมีจุดขึ้นแท็กซี่
ซึ่งเป็นของรัฐ (Pre Paid Taxi)คือเราจะจ่ายเงินกับตู้เลย ตู้จะให้ใบเสร็จเรามา เมื่อถึงที่หมายแล้ว ยื่นใบนี้ให้คนขับ
ไปเบิกเงินกับตู้ ฟังดูดีมะ มีคนกลาง ไม่ต้องวุ่นวายต่อราคา มีคนคุยอังกฤษให้ ของเรา500รูปี แพงรึป่าวไม่รู้...แต่จบ
จบ...
จบมั้ย...

ไม่จ้า นังแขกแท็กซี่ ขับนานมาก วนไปวนมา จนแล้วจนเล่า นางเริ่มจอดถามทาง เอิ่ม ตอนตีสองกว่า นึงสภาพเมืองร้าง
มืด สกปรก ไร้ผู้คน แต่ยังมีขยะและขี้วัว


นี่คือ จริงๆแล้วแกรมิรู้ทางหรอเนี่ย ถนนที่นี่ก็เหมือนรังมด Google map จึงเป็นอะไรที่ดูคร่าวๆพอ ไม่ต้องคาดหวัง
ขับไปได้ซักแปบ จุดมันเริ่มห่างจากโรงแรมเราไปเรื่อยๆ จนเราต้องถามแระ

สรุปคือ นางกะลังจะขับไปอีกโรงแรมที่ชื่อคล้าย โอ้ยยย ความมืออาชีพของแท็กซี่แขก ขอให้ศูนย์คะแนนนะ
สุดท้ายต้องมาใช้มือถือเรา เปิด map ดู ไปให้ใกล้เคียง แล้วเดินหาต่อ สภาพ....มืด หนาว สกปรก แบกสัมภาระ
เดินกลางเมืองแขกตอนตีสามหาโรงแรม พอถึงโรงแรม นางไม่ปล่อยให้เดินต่อ แต่เดินตามมาจนถึงประตู พร้อม
เปล่งเสียงที่ไม่เกินความคาดหมาย TIP””TIP(ส่ายหัวๆ) คือทำงานไม่ได้เรื่องยังหน้าด้านมาขอ คืนแรกไง..เหนื่อย
ตัดรำคาญควักมา 100 รูปี
ยื่นให้.....
นังแขกโบกไม้โบกมือใหญ่ No No Far Far ทำมือแบบ วนไปวนมา
เดี๋ยวนะ!!! ที่มันไกลเพราะแกไม่รู้ทางไง ความผิดตรูหรอ คนที่นี่ไม่รู้หน้าที่ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ นี่วันแรก
เราช้อคอยู่ แต่จากนั้นจะค่อยๆเรียนรู้ ว่า อ่อ เป็นธรรมชาติของที่นี่  

สรุปอิแขกแท็กซี่ จะเอาทิป 300รู!! เราไม่ไหวกะความ หน้าด้านของนาง แต่ก็อยากตัดรำคาญ เลยควักไปเลย....
100รูปี! 5555ใครจะไปให้ฟร้า เราเสียงดังใส่เลย No! You’re lost! นางก็เห็นว่าไม่ได้แน่ เลยยอมหยิบแบงค์ร้อย
เดินจากไป คืนแรกก็เพลียแระ 555 เตรียมตัวสำหรับ การเดินเที่ยวใกล้ๆโรงแรมเป็นการวอร์มอัพพรุ่งนี้กันค่ะ


DAY2: JAIPUR
แผนเปลี่ยน เพราะแขกร้านกาแฟ..ไม่หน้าหม้อใช่มั้ย ชั้นไม่ไว้ใจแกร555

วันนี้เราวางแผนไว้หลวมๆ ว่าจะเดินเที่ยวรอบในตัวเมืองเอง คือเราพักใกล้ Hawa mahal  จึงเริ่มจากที่นี่
แล้วไปที่ City Palace แล้วย้อนกลับมาทานกาแฟที่ หน้าHawa mahal

เราไม่เน้นรูปวัง City Palace นะคะ มีคนลงไว้เยอะแล้ว สวยๆทั้งนั้น แล้วเราก็ไม่ได้ซื้อตั๋วแบบแพงด้วย555

ทางเดินจากรร.ไปสู่วังค่ะ

หน้าประตูวังจะมีคนขายอาหารนก คนที่นี่ชอบมาให้อาหารนกกันค่ะ

มีสามล้อถีบ ซึ่งนักท่องเที่ยวไม่นิยม เพราะมี Auto Rickshaw หรือตุ๊กตุ๊กมาแทน สงสารลุง

City Palace ของ Jaipur เป็นที่อยู่จริงๆของราชวงศ์จนถึงปัจจุบันนะคะ ที่คนชอบไปถ่ายประตูนกยูงกัน

ห้องท้องพระโรง ราชาไว้ออกพบสื่อ555

หลังจากเที่ยววังเสร็จ เราเดินกลับมาทานกาแฟที่หน้า Hawa mahal
และแผนทั้งหมดก็ถูกเปลี่ยน เมื่อเรามาเจอผช.แขกท่านนี้ ขอเรียกฮีว่ามาเฮลละกันนะคะ เราไม่ได้ถามชื่อฮีเลย
แต่ฮีบอกว่าเป็นเจ้าของร้าน Wind view café ที่อยู่หน้า Hawa mahal เลยค่ะ เราก็สั่งอาหาร เดินขึ้นดาดฟ้า
เพราะชั้นสองเต็ม ฮีก็เดินขึ้นมาลากเก้าอีกให้จัดแจงนู่นนี่...และ ไม่กลับลงไปอีกเลย555 โอ้ย ความเป็นส่วนตัวของช้าน

โฉมหน้าของผช.ที่เราตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ Mr.มาเฮล (ไม่รู้ฮีจะขำอะไรนักหนา เราไม่รู้ชื่อฮี ก็เรียก มิสเตอร์ๆตลอด)
คุณลุงใส่แว่นคือญาติมาเฮล เป็นคนขายจิวลี่ ส่าหรี แลกเงิน ขายภาพเขียน อืมมม ขายอะไรอีกดีล่ะ


แล้วคุยเยอะมาก แต่เรายอมคุยด้วยเพราะเค้าบอกว่ามีเมียเป็นคนไทย อยู่ภูเก็ตนะ มีลูกชายด้วย เปิดรูปให้เราดู
แต่หน้าตาไม่มีเชื้อพ่อเลย มีสองอย่างคือ เมียฮีหลอกฮี  กับ ฮีหลอกเรา555 ชีวิตสองวันในเมืองนี้ เราต้องเกี่ยวข้อง
กับนางทุกวัน  เป็นทั้งร้านกาแฟ ขายภาพเขียน ส่าหรี จิวลี่ ที่แลกเงิน หาแท็กซี่ให้....เอิ่มมม ถ้าอยู่นานกว่านี้
อาจจะพบว่าฮีเป็นผู้ว่าเมืองนี้ ก็เป็นได้

วิวจากร้านมาเฮลค่ะ จัดแจงทุกอย่าง นี่ไม่ได้ขอให้ถ่ายให้นะคะ5555
ฮีบอก เนี่ยรู้จักเบลล่ามั้ย ชั้นชอบมาก ดูออเจ้าจนจบ โอ้ยยย ดีนะไม่ไปตัดผมทรงพี่หมื่นด้วย

แพลนเราโดนเปลี่ยนเพราะมาเฮลจัดRouteให้ใหม่ แต่สุดท้ายก็เฟลนะคะ
เพราะไปได้ที่แรก คือ Nahargarh Fort ฝนก็ตก เราจึงต้องยกเลิกแล้วกลับ รร.เลย เรื่องที่จะเล่า เลยเป็นของวันรุ่งขึ้นค่ะ

**ว่างแล้วจะมาต่อนะคะ ลางานไปนาน ไปใช้กรรมก่อน555

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่