ฮัลโหลลลล !! สวัสดีค่าา
เราจะมารีวิวทริป Jaipur, India ให้ทุกคนได้อ่านกันนะ
ระยะเวลาทริปเรา 3 วัน 3 คืน
จะบอกว่า ทริปนี้ สวยจริง ร้อนจริง แล้วก็ไหม้จริง!!!
เพราะฉะนั้น กันแดดต้องพร้อมนะคะ
เริ่มกันด้วย
ตาราการเที่ยวของเราคร่าวๆนะคะ
วันที่1 Hawa Mahal, Jantar Mantar, City Palace, Albert Hall
วันที่2 Amber Palace, Jaigaarh Fort, Pannaa Meena, Jal Mahal, Nahargarh Fort
วันที่3 เดินเล่นตลาดซื้อของฝาก, Hanuman Temple
จริงๆพลาดไปหลายที่เลย แต่วันสุดท้ายเราอยากนั่งชิลๆ เลยหาร้านคาเฟ่นั่งกินบรรยากาศ รอขึ้นเครื่องค่ะ
วีซ่า - เราขอออนไลน์ ประมาณ 1,700 บาท ใช้เวลาประมาน 3 วันทำการ
งบ - ของเราไม่เกิน 16,000 รวมตั๋วและค่าที่พักแล้ว
วิธีคิดเรท - คือเราหารครึ่งเลย เช่น 1000 รูปี จะประมาณ 500บาท
ตั๋วเครื่องบิน - ขาไปเราไปสีแดง ขากลับสีส้ม รวมกันราคา6000 นิดๆ
ที่พัก - แล้วแต่คนนะ คือมันมีตั้งแต่ถูกมากๆคืนละ500จนถึงแพงๆเลย
เราเลือก Ibis โดยการจองผ่าน booking.com ราคากลางๆ สะอาด อาหารพอกินได้
ส่วนตัวคือเราค่อนข้างกินยาก เลือกไอบิสเพราะคิดว่าน่าจะมีอาหารเช้าพวก ABF
แต่ปรากฎว่า ไม่มีจ้าาา 555 แต่ก็มีพวกขนมปัง ออมเล็ตนะ
การเดินทางในเมือง - ส่วนใหญ่เราเรียก Uber อย่างเดียวเลย เพราะเราขี้เกียจต่อราคา
ไม่โดนโกงชัวร์ๆ ราคาไม่แพง แล้วก็แน่นอนด้วย มีเรียกตุ๊กบ้าง
ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ - เราซื้อ Ticket แบบเหมา ราคา 1000รูป คือมันค่อนข้างจะครอบคลุมสถานที่ๆเราจะไป
เราไม่แน่ใจว่าถ้าซื้อแยกแต่ละที่จะถูกกว่ามั้ย เผื่อบางคนเที่ยวไม่ครบ แต่เราว่ามันสะดวก ไม่ต้องต่อแถวซื้อตั๋วแต่ละที่ใหม่
จะมีบางที่ๆต้องซื้อแยกเช่น City Palace
อาหาร - อาหารเค้าเน้นเครื่องเทศซะเยอะเลย ใครกินยากๆนี่เอาพวกอาหารแห้งเตรียมไปได้เลยนะ เราเอาพวกมาม่า อาหารซอง ผัดกระเพราซองเราก็เอาไป 555 แต่ถ้าคนกินง่ายก็ไม่น่ามีปัญหา เพื่อนเรานางชอบอาหารที่นี่ไปเลย แล้วก็ที่สำคัญ ส่วนใหญ่อาหารเค้าจะเป็นมังสวิรัตซะเยอะ คนอินเดียเค้าไม่ค่อยกินเนื้อกัน ร้านอาหารที่มีขายเนื้อสัตว์ด้วยก็จะแอบหายากนิดนึง เรื่องราคาอาหารแล้วแต่เราเลือกเลยจริงๆ มีตั้งแต่ถูกๆจานละหลักสิบไปยังหลักร้อย
เรื่องโดนโก่งราคา - เราว่าต้องทำใจ 5555 เค้าเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวก็ขอโก่งราคาสักหน่อย
แต่ถ้าให้ชัวร์แนะนำให้เข้าร้านอาหารที่มีราคาแน่นอนจะดีกว่า
เรามีโอกาสได้ทานอาหารไทยร้านนึง สั่งต้มยำกุ้ง แต่ได้อะไรไม่รู้ รสชาติแปลกดี คือเค้าใส่บล้อคโคลี่มาด้วย 55555
สั่ง Thai Noodles ได้เส้นผัดกับถั่วลิสง คาดว่าเค้าน่าจะหมายถึงผัดไทนะ 555
เรื่องคนที่นี่ - เราว่าส่วนใหญ่ใจดีนะ เฟรนลี่ ชอบขอถ่ายรูป คือจะบอกว่า สาวไทยป้อบมากเว่อนะจ๊ะที่นี่ เดินตามขอถ่ายรูปกันเลยทีเดียว เค้าชอบเซลฟี่ค่ะคนที่นี่
เรื่องขอทาน - เยอะมั้ย เราว่าไม่เยอะขนาดที่เราคิดนะ เค้าก็ตามขอนั่นแหร่ะ เราก็ตีมึนใส่ ทำเป็นไม่ได้ยินบ้าง มองนกมองไม้ไปบ้าง แนะนำว่าอย่าให้เด็ดขาด ไม่งั้นกรูกันเข้ามาแน่ๆ 5555
ประสบการณ์โดนโกง - ก็ไม่เชิงโดนโกงนะ คือมีที่นึงที่ๆเราไป ขาไปเรียก Uber จากในเมืองไป 130 รูปี แต่เหมือนมันออกไปไกลเมือง ละอยู่ในหุบเขา สัญญาณมือถือก็ไม่มี เรียก Uber ก็ไม่ได้ เลยต้องตัดใจ เหมารถตุ๊กๆกลับมาในราคา 500 รูปี
นี่ละมั้ง ที่โดนโก่งราคา ที่เรารู้ว่าโดนโก่งราคาคือ พอออกมาช่วงที่มีสัญญาณมือถือ เราก็ลองเสิร์ชราคาดูใน Uber แค่80 รูปีเอง โดนกันไปจ้าาา 555
เรื่องการใช้อินเตอร์เน็ต - เราใช้ซิม AIS 2fly ราคา399฿ ใช้ได้4gb ถ้าหมดก็ซื้อเพิ่มได้เรื่อยๆเลยนะ สัญญาณในตัวเมืองโอเค แต่ออกไปนอกเมืองไกลหน่อยละหายเลยอ่ะ เกือบซวยแล้ว แต่ก็ดีกว่าไม่มีใช้ 555
เรื่องระยะเวลาในการเที่ยว - เราว่าสำหรับเมือง Jaipur เที่ยวสัก2วันก็โอเคนะ แต่ตารางอาจจะแน่นๆหน่อย
ถ้า3วันก็จะชิวๆ มีเวลาเดินดูเมือง ดูตลาด ดูวิถีชีวิตของเค้า ต่างกับบ้านเราจริงๆนะ อยากให้ทุกคนหาเวลาเดินเล่นดู
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ถามเรามาได้เลยนะคะทุกคน ยินดีมากๆที่จะตอบจ้าาา
อยากบอกว่า ก่อนหน้านี้เราโพสลงเฟชบุ๊คตัวเอง แล้วเพื่อนๆหลายคนชอบ เราเลยเอามาโพสต่อในพันทิป 5555
เราดีใจที่หลายๆรูปของเราทำให้หลายๆคนอยากไปอินเดีย อยากให้ทุกคนลองเปิดใจ ไปเที่ยวอินเดียดูสักครั้ง แล้วคุณจะรักอินเดีย ในแบบที่อินเดียเป็น ไม่ได้อวย แต่ไปดูให้เห็นกับตา คอนเซปในการเที่ยวของเรา ‘ไปให้รู้สึกว่าเสียดายที่ไป ดีกว่าค้างคาใจ เพราะเสียดายที่ไม่ได้ไป’ งงมั้ย 5555
ปล.รูปเยอะมาก เราจะคัดเฉพาะมุมสวยๆ ที่เราไปถ่ายมามานะ อาจจะมีรูปเราแทรกๆเข้าไปหน่อย ไม่ว่ากันเน้ออ
กล้องที่ใช้ ; Fuji xt10 แต่งรูปปรับแสงนิดหน่อยใน vsco นะคะ
ไปกันค่ะ
วันที่1 Hawa Mahal, Jantar Mantar, City Palace, Albert Hall
เราจะค่อยอธิบายนะคะว่าเราไปที่ไหนกันมาบ้าง
ที่แรกที่เราไปค่ะ Hawa Mahal ถ่ายบริเวณด้านหน้าก่อนทางเข้าค่ะ แชะๆไปสัก2-3รูปก่อนเข้า
ตอนนี้เรายังไม่ได้เช็คอินที่โรงแรมนะคะ ไปถึงที่ Hawa Mahal ประมาณ9โมงเช้าค่ะ
เมื่อคืนเรานอนที่โรมแรมใกล้ๆสนามบินก่อนคืนนึงค่ะ
รูปพวกนี้เป็นบริเวณด้านใน Hawa Mahal ค่ะ สวยงามเกือบทุกมุมจริงๆ ดูแปลกตาไปหมด 5555
หลังจากจบกันที่ Hawa Mahal แล้วเรามาต่อกันที่ Jantar Mantar ค่ะ เดินมานิดหน่อยก็ถงแล้วค่ะ
เสร็จแล้วเราก็ไปต่อกันที่ City Palace ค่ะ ที่นี่จะเสียค่าเข้าแยกนะคะ 500รูปีค่ะ หรือประมาณ 250 บาท
จะมีแบบพรีเมียมด้วยนะคะจ่ายแพงกว่า แต่ได้ไปห้องแบบ Private ด้วยค่ะ ส่วยเรา เลือกแบบธรรมดา ตอนนั้นเราไมาทราบว่าห้องที่เราอยากไปอยู่ Premium เสียดายเลยค่ะ
ประตูเค้าแต่ละบานคือสวยมากกกก แต่ละบานก็แทบจะไม่หมือนกันเลย
หลังจากเที่ยวชม City Palace จนจุใน เราก็ไปที่ร้านคาเฟ่ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้าม Hawa Mahal เพื่อไปเก็บรูปสวยๆกับ Hawa Mahal ค่ะ
คาเฟ่ชื่อว่า Wind Cafe ค่ะ ขายพวกเครื่งดื่ม เบอเกอร์ ผลไม้
แล้วเราก็เข้าเช็คอินที่โรงแรมที่เราจองไว้ค่ะ
พักแปปบึงเราก็ออกมาเที่ยวต่อที่ Albert Hall
ด้านในห้ามถ่ายรูปค่ะ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธ ในสมัยต่างๆของเค้าค่ะ
นกเยอะมากกกกก
จบจากที่นี่ก็เย็นพอดี เราเลยไปนั่งคาเฟที่ขายอาหารด้วยค่ะ
เชื่อว่าคนไทยไปกันเยอะ เราก็ไป 555
ร้านสวย อาหารกลางๆ ชื่อร้าน Palladio แต่เสียดาย เราหิวและเหนื่อยมาก ไม่ได้ถ่ายรูปบริเวณร้านมาเลย แง่ๆ
จบไปแล้วค่ะ สำหรับการเที่ยวแรกของเราที่ Jaipur รีบเข้านอนค่ะ วันรุ่งขึ้นต้องตื่นเต้าเช้า และผจญภัยทั้งวันเลย
วันที่2 ในคอมเม้นนะคะทุกคน
Jaipur, India สวยจริง ร้อนจริง ไหม้จริง!!
เราจะมารีวิวทริป Jaipur, India ให้ทุกคนได้อ่านกันนะ
ระยะเวลาทริปเรา 3 วัน 3 คืน
จะบอกว่า ทริปนี้ สวยจริง ร้อนจริง แล้วก็ไหม้จริง!!!
เพราะฉะนั้น กันแดดต้องพร้อมนะคะ
เริ่มกันด้วย
ตาราการเที่ยวของเราคร่าวๆนะคะ
วันที่1 Hawa Mahal, Jantar Mantar, City Palace, Albert Hall
วันที่2 Amber Palace, Jaigaarh Fort, Pannaa Meena, Jal Mahal, Nahargarh Fort
วันที่3 เดินเล่นตลาดซื้อของฝาก, Hanuman Temple
จริงๆพลาดไปหลายที่เลย แต่วันสุดท้ายเราอยากนั่งชิลๆ เลยหาร้านคาเฟ่นั่งกินบรรยากาศ รอขึ้นเครื่องค่ะ
วีซ่า - เราขอออนไลน์ ประมาณ 1,700 บาท ใช้เวลาประมาน 3 วันทำการ
งบ - ของเราไม่เกิน 16,000 รวมตั๋วและค่าที่พักแล้ว
วิธีคิดเรท - คือเราหารครึ่งเลย เช่น 1000 รูปี จะประมาณ 500บาท
ตั๋วเครื่องบิน - ขาไปเราไปสีแดง ขากลับสีส้ม รวมกันราคา6000 นิดๆ
ที่พัก - แล้วแต่คนนะ คือมันมีตั้งแต่ถูกมากๆคืนละ500จนถึงแพงๆเลย
เราเลือก Ibis โดยการจองผ่าน booking.com ราคากลางๆ สะอาด อาหารพอกินได้
ส่วนตัวคือเราค่อนข้างกินยาก เลือกไอบิสเพราะคิดว่าน่าจะมีอาหารเช้าพวก ABF
แต่ปรากฎว่า ไม่มีจ้าาา 555 แต่ก็มีพวกขนมปัง ออมเล็ตนะ
การเดินทางในเมือง - ส่วนใหญ่เราเรียก Uber อย่างเดียวเลย เพราะเราขี้เกียจต่อราคา
ไม่โดนโกงชัวร์ๆ ราคาไม่แพง แล้วก็แน่นอนด้วย มีเรียกตุ๊กบ้าง
ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ - เราซื้อ Ticket แบบเหมา ราคา 1000รูป คือมันค่อนข้างจะครอบคลุมสถานที่ๆเราจะไป
เราไม่แน่ใจว่าถ้าซื้อแยกแต่ละที่จะถูกกว่ามั้ย เผื่อบางคนเที่ยวไม่ครบ แต่เราว่ามันสะดวก ไม่ต้องต่อแถวซื้อตั๋วแต่ละที่ใหม่
จะมีบางที่ๆต้องซื้อแยกเช่น City Palace
อาหาร - อาหารเค้าเน้นเครื่องเทศซะเยอะเลย ใครกินยากๆนี่เอาพวกอาหารแห้งเตรียมไปได้เลยนะ เราเอาพวกมาม่า อาหารซอง ผัดกระเพราซองเราก็เอาไป 555 แต่ถ้าคนกินง่ายก็ไม่น่ามีปัญหา เพื่อนเรานางชอบอาหารที่นี่ไปเลย แล้วก็ที่สำคัญ ส่วนใหญ่อาหารเค้าจะเป็นมังสวิรัตซะเยอะ คนอินเดียเค้าไม่ค่อยกินเนื้อกัน ร้านอาหารที่มีขายเนื้อสัตว์ด้วยก็จะแอบหายากนิดนึง เรื่องราคาอาหารแล้วแต่เราเลือกเลยจริงๆ มีตั้งแต่ถูกๆจานละหลักสิบไปยังหลักร้อย
เรื่องโดนโก่งราคา - เราว่าต้องทำใจ 5555 เค้าเห็นเราเป็นนักท่องเที่ยวก็ขอโก่งราคาสักหน่อย
แต่ถ้าให้ชัวร์แนะนำให้เข้าร้านอาหารที่มีราคาแน่นอนจะดีกว่า
เรามีโอกาสได้ทานอาหารไทยร้านนึง สั่งต้มยำกุ้ง แต่ได้อะไรไม่รู้ รสชาติแปลกดี คือเค้าใส่บล้อคโคลี่มาด้วย 55555
สั่ง Thai Noodles ได้เส้นผัดกับถั่วลิสง คาดว่าเค้าน่าจะหมายถึงผัดไทนะ 555
เรื่องคนที่นี่ - เราว่าส่วนใหญ่ใจดีนะ เฟรนลี่ ชอบขอถ่ายรูป คือจะบอกว่า สาวไทยป้อบมากเว่อนะจ๊ะที่นี่ เดินตามขอถ่ายรูปกันเลยทีเดียว เค้าชอบเซลฟี่ค่ะคนที่นี่
เรื่องขอทาน - เยอะมั้ย เราว่าไม่เยอะขนาดที่เราคิดนะ เค้าก็ตามขอนั่นแหร่ะ เราก็ตีมึนใส่ ทำเป็นไม่ได้ยินบ้าง มองนกมองไม้ไปบ้าง แนะนำว่าอย่าให้เด็ดขาด ไม่งั้นกรูกันเข้ามาแน่ๆ 5555
ประสบการณ์โดนโกง - ก็ไม่เชิงโดนโกงนะ คือมีที่นึงที่ๆเราไป ขาไปเรียก Uber จากในเมืองไป 130 รูปี แต่เหมือนมันออกไปไกลเมือง ละอยู่ในหุบเขา สัญญาณมือถือก็ไม่มี เรียก Uber ก็ไม่ได้ เลยต้องตัดใจ เหมารถตุ๊กๆกลับมาในราคา 500 รูปี
นี่ละมั้ง ที่โดนโก่งราคา ที่เรารู้ว่าโดนโก่งราคาคือ พอออกมาช่วงที่มีสัญญาณมือถือ เราก็ลองเสิร์ชราคาดูใน Uber แค่80 รูปีเอง โดนกันไปจ้าาา 555
เรื่องการใช้อินเตอร์เน็ต - เราใช้ซิม AIS 2fly ราคา399฿ ใช้ได้4gb ถ้าหมดก็ซื้อเพิ่มได้เรื่อยๆเลยนะ สัญญาณในตัวเมืองโอเค แต่ออกไปนอกเมืองไกลหน่อยละหายเลยอ่ะ เกือบซวยแล้ว แต่ก็ดีกว่าไม่มีใช้ 555
เรื่องระยะเวลาในการเที่ยว - เราว่าสำหรับเมือง Jaipur เที่ยวสัก2วันก็โอเคนะ แต่ตารางอาจจะแน่นๆหน่อย
ถ้า3วันก็จะชิวๆ มีเวลาเดินดูเมือง ดูตลาด ดูวิถีชีวิตของเค้า ต่างกับบ้านเราจริงๆนะ อยากให้ทุกคนหาเวลาเดินเล่นดู
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ถามเรามาได้เลยนะคะทุกคน ยินดีมากๆที่จะตอบจ้าาา
อยากบอกว่า ก่อนหน้านี้เราโพสลงเฟชบุ๊คตัวเอง แล้วเพื่อนๆหลายคนชอบ เราเลยเอามาโพสต่อในพันทิป 5555
เราดีใจที่หลายๆรูปของเราทำให้หลายๆคนอยากไปอินเดีย อยากให้ทุกคนลองเปิดใจ ไปเที่ยวอินเดียดูสักครั้ง แล้วคุณจะรักอินเดีย ในแบบที่อินเดียเป็น ไม่ได้อวย แต่ไปดูให้เห็นกับตา คอนเซปในการเที่ยวของเรา ‘ไปให้รู้สึกว่าเสียดายที่ไป ดีกว่าค้างคาใจ เพราะเสียดายที่ไม่ได้ไป’ งงมั้ย 5555
ปล.รูปเยอะมาก เราจะคัดเฉพาะมุมสวยๆ ที่เราไปถ่ายมามานะ อาจจะมีรูปเราแทรกๆเข้าไปหน่อย ไม่ว่ากันเน้ออ
กล้องที่ใช้ ; Fuji xt10 แต่งรูปปรับแสงนิดหน่อยใน vsco นะคะ
ไปกันค่ะ
วันที่1 Hawa Mahal, Jantar Mantar, City Palace, Albert Hall
เราจะค่อยอธิบายนะคะว่าเราไปที่ไหนกันมาบ้าง
ที่แรกที่เราไปค่ะ Hawa Mahal ถ่ายบริเวณด้านหน้าก่อนทางเข้าค่ะ แชะๆไปสัก2-3รูปก่อนเข้า
ตอนนี้เรายังไม่ได้เช็คอินที่โรงแรมนะคะ ไปถึงที่ Hawa Mahal ประมาณ9โมงเช้าค่ะ
เมื่อคืนเรานอนที่โรมแรมใกล้ๆสนามบินก่อนคืนนึงค่ะ
รูปพวกนี้เป็นบริเวณด้านใน Hawa Mahal ค่ะ สวยงามเกือบทุกมุมจริงๆ ดูแปลกตาไปหมด 5555
หลังจากจบกันที่ Hawa Mahal แล้วเรามาต่อกันที่ Jantar Mantar ค่ะ เดินมานิดหน่อยก็ถงแล้วค่ะ
เสร็จแล้วเราก็ไปต่อกันที่ City Palace ค่ะ ที่นี่จะเสียค่าเข้าแยกนะคะ 500รูปีค่ะ หรือประมาณ 250 บาท
จะมีแบบพรีเมียมด้วยนะคะจ่ายแพงกว่า แต่ได้ไปห้องแบบ Private ด้วยค่ะ ส่วยเรา เลือกแบบธรรมดา ตอนนั้นเราไมาทราบว่าห้องที่เราอยากไปอยู่ Premium เสียดายเลยค่ะ
ประตูเค้าแต่ละบานคือสวยมากกกก แต่ละบานก็แทบจะไม่หมือนกันเลย
หลังจากเที่ยวชม City Palace จนจุใน เราก็ไปที่ร้านคาเฟ่ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้าม Hawa Mahal เพื่อไปเก็บรูปสวยๆกับ Hawa Mahal ค่ะ
คาเฟ่ชื่อว่า Wind Cafe ค่ะ ขายพวกเครื่งดื่ม เบอเกอร์ ผลไม้
แล้วเราก็เข้าเช็คอินที่โรงแรมที่เราจองไว้ค่ะ
พักแปปบึงเราก็ออกมาเที่ยวต่อที่ Albert Hall
ด้านในห้ามถ่ายรูปค่ะ ส่วนใหญ่เป็นอาวุธ ในสมัยต่างๆของเค้าค่ะ
นกเยอะมากกกกก
จบจากที่นี่ก็เย็นพอดี เราเลยไปนั่งคาเฟที่ขายอาหารด้วยค่ะ
เชื่อว่าคนไทยไปกันเยอะ เราก็ไป 555
ร้านสวย อาหารกลางๆ ชื่อร้าน Palladio แต่เสียดาย เราหิวและเหนื่อยมาก ไม่ได้ถ่ายรูปบริเวณร้านมาเลย แง่ๆ
จบไปแล้วค่ะ สำหรับการเที่ยวแรกของเราที่ Jaipur รีบเข้านอนค่ะ วันรุ่งขึ้นต้องตื่นเต้าเช้า และผจญภัยทั้งวันเลย
วันที่2 ในคอมเม้นนะคะทุกคน