น้ำคำ...ปชป...น้ำครำการเมืองไทย cnck

การเมืองไทยเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเต็มตัวแล้ว

แต่ละพรรคก็เริ่มหาเสียงเพื่อหวังได้ ส.ส มากที่สุดเพื่อเป็นฐานในการแย่งชิงอำนาจรัฐ


วันก่อนนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ เรื่องจะลาออกหรือไม่ลาออกจากตำแหน่ง

มีจังหวะหนึ่งได้กล่าวพาดพิงไปถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์

ที่พ่ายแพ้ คุณยิ่งลักษณ์ ในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม พ.ศ 2554

ทันทีที่ได้ยิน คุณอภิสิทธิ์ สวนกลับทันทีตามแบบฉบับ และตอนท้ายยังแขวะกลับว่า

ตอนเป็นรัฐบาลช่วงก่อนการเลือกตั้งก็ไม่เคยเอาเปรียบใคร




วาทกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะคุณอภิสิทธิ์ขึ้นชื่อลือชาในเรื่อง เอาดีใส่ตัว

พฤติกรรมและคำพูดของพรรคอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยขนาดไหน พรรคนี้จำได้หมด

จำแม่นแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ทีบางเรื่องที่ฝั่งตัวเองประพฤติไม่ดีหรือพูดบิดเบือนไม่เคยจำได้สักที


เรื่องความเอาเปรียบของรัฐบาลก่อนการเลือกตั้ง อันที่จริงมันก็เป็นทุกรัฐบาล

เพียงแต่อย่าให้มันมากเกินไปจนน่าเกลียด และถ้าจะนับความฉาวโฉ่ อัปยศของรัฐบาล

ก่อนการเลือกตั้งแล้ว คนส่วนใหญ่ยังไม่ลืมพฤติกรรมสยองขวัญของรัฐบาลอภิสิทธิ์

เมื่อคราวประชุม ค.ร.ม นัดสุดท้ายในวันที่ 3 พฤษภาคม 2554

ก่อนจะมี พ.ร.ฎ ยุบสภา 9 พฤษภาคม 2554 เพียง 6 วัน


พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ ๒๕๕๔


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


ในการประชุม ค.ร.ม ในวันนั้น รัฐบาลอภิสิทธิ์ ใช้เวลาประชุม 15 ชั่วโมง

อนุมัติ สองร้อยกว่าเรื่อง เป็นเงินหลายแสนล้านบาท เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร  เช่น

การอนุมัติโครงการจัดหาเครื่องบินปี 2554-2565 จำนวน 75 ลำ มูลค่า 457,000 ล้านบาท


           มันด่วนตรงไหนครับ ?


แต่เพียงเพื่อเอาใจพรรคร่วมรัฐบาลที่จะเป็นพันธมิตรในการเลือกตั้งครั้งนั้นอย่าง พรรคภูมิใจไทย

ค.ร.ม อภิสิทธิ์ ก็กุลีกุจออนุมัติโครงการผูกพันธ์แบบนี้อย่างไร้มารยาท ไร้ยางอาย

ความไม่ชอบมาพากลในการประชุม ค.ร.ม ในครั้งนั้น แม้แต่

“นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์” อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณยังรับไม่ได้ถึงกับบอกว่า


รู้สึกตกใจที่ ครม.อนุมัติงบประมาณแสนล้านในเวลา 15 ชั่วโมง

เพราะตั้งแต่ทำงานสำนักงบประมาณมา ก็ไม่เคยเจอแบบนี้ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์

การยัดวาระเข้ามาทีเดียวนับร้อยเรื่องแล้วพิจารณากันแบบเร่งด่วนทั้งวันทั้งคืน

สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีแผนการใช้งบประมาณที่ดีพอ





ถามคุณอภิสิทธิ์ว่า การอนุมัติงบประมาณแบบนี้ ถือว่าเป็นการเอาเปรียบไหมครับ ?


หมาหอนนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พรรคประชาธิปัตย์ เอาเปรียบคู่แข่งจนถึงนาทีสุดท้าย พ่นน้ำหมาก


ย้อนกลับไปเมื่อสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย ในปี พ.ศ 2543


ซึ่งขณะนั้น ปชป ได้เป็นรัฐบาลแทนที่รัฐบาล พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่ลาออก

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


บริหารประเทศจนเหลืออีกประมาณ 6 เดือนก็จะหมดสมัยสภาชุดนั้น


พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ฝ่ายค้านในสมัยนั้น

ประกาศพร้อมลูกพรรคฝ่ายค้านร้อยกว่าคน  ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส

เพื่อกดดันรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ให้ยุบสภา




เมื่อฝ่ายค้านลาออกไปถึงร้อยกว่าคน ทำให้สภาชุดนั้นเหลือ ส.ส เพียง สองร้อยกว่าคน

ซึ่งก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้รัฐบาลยุบสภา แต่รัฐบาลชวน "ไม่"

ทำหน้ามึนบริหารประเทศไปต่ออีก 5 เดือน โดยแทบไม่มีฝ่ายค้าน

จนมายุบสภาในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2543


เหตุผลที่ด้านๆอยู่ต่อ เพราะในขณะนั้นมีพรรคการเมืองใหม่ตั้งขึ้นมา

และทำท่าว่าจะเป็นพรรคใหญ่อนาคตไกลนั่นคือ พรรคไทยรักไทย

ซึ่งตอนนั้นมี ส.ส ทั้งเก่าและใหม่ มาเข้าร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก




เบอร์ใหญ่ๆในพรรค ปชป ในขณะนั้นมีความคิดว่า ดึงเวลายุบสภาไปให้ไกลอีกหน่อย

เพื่อให้คุณทักษิณต้องใช้เงินดูแล ส.ส ที่เข้ามาสังกัดให้มากขึ้น นานขึ้น

พูดง่ายๆคือว่า "ให้คุณทักษิณจ่ายจนกว่าจะถอดใจเลิกไปเอง"


แต่สุดท้ายก็ประเมินผิด เพราะเงินคุณทักษิณมันมีมากเกินกว่าที่ ปชป คิด เพี้ยนขำหนักมาก

การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 ปชป จึงแพ้อย่างยับเยิน




ถามคุณอภิสิทธิ์ว่า การที่รัฐบาลชวน ทู่ซี้ลากยาวไปเรื่อยๆ แทนที่จะคืนอำนาจให้ประชาชน

อย่างนี้ถือเป็นการเอาเปรียบไหมครับ ?



มาถึงเรื่องการผิดคำพูด ผิดสัญญาประชาคมในการเลือกตั้ง exclaim


ในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ 2529 รัฐบาลพลเอกเปรมได้ขัดแย้งกับสภาในเรื่อง

การตราพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พุทธศักราช 2522

ทำให้พลเอกเปรม ตัดสินใจยุบสภา


ตอนนั้นกระแสเอานายกรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส เริ่มมีมากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์

ซึ่งขณะนั้นมีคุณพิชัย รัตตกุล เป็นหัวหน้าพรรค รีบชิงกระแสประกาศ


"ถ้าเลือก ปชป จนได้ที่ 1 นายพิชัยจะเป็นนายกรัฐมนตรีเอง แต่ถ้าไม่ได้เป็น

ก็จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จะไม่ยอมร่วมรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นคนนอกอีกต่อไป"





ด้วยวาทกรรมแบบนี้ ทำให้ ปชป ชนะการเลือกตั้งครั้งนั้น โดยเป็นที่ 1 ได้ ส.ส ถึง 99 คน

ป.ช.ป เตรียมจะจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคที่ได้ที่ 2 คือพรรคชาติไทย และที่ 3 คือ พรรคกิจสังคม

เดินเกมส์บีบประชาธิปัตย์ทันที โดยสองพรรคประกาศจับมือกันจะให้ ฯพณฯ พลเอกเปรม เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ


เท่านั้นเอง ประชาธิปัตย์ แสดงธาตุแท้ทางการเมือง กลัวตกรถไฟ รีบเข้าร่วมทันที ฮ่าฮ่าฮ่า


เพียงเพื่อจะเป็นรัฐบาล ปชป ลืมสิ้นคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง หมาหอน


นี่เป็นแค่ส่วนเสี้ยวเล็กๆของ วาทกรรมทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ที่พูดออกมาทีไร

กลิ่นบางอย่างก็จะโชยออกมาพร้อมกันทันที


และนี่ก็คือ น้ำเน่าการเมืองไทย ที่จะไม่มีวันได้บำบัด ตราบใดที่การเมืองไทย

ยังมีพรรคการเมืองที่เล่นการเมืองแบบไม่รับผิดชอบคำสัญญาที่มีต่อประชาชน

อย่างพรรคการเมืองหลายๆพรรคในขณะนี้



ป.ล เห็นการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากจะไม่มีพัฒนาการแล้ว ยังจะถอยหลังเข้าคลองอีก

แต่ไม่เป็นไร จะขอใช้สิทธิของพลเมืองไทย ตำหนิทุกพรรคไม่เว้นแม้แต่พรรคที่ชอบ

ป.ล 2 ในเม้นท์ย่อยจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันที่หลายท่านให้ข้อมูลผิด

ป.ล 3 การเลือกตั้งครั้งนี้ ดูเหมือนว่า

จะไม่ได้ให้ประชาชนเลือกคนดี แต่ ให้ประชาชนเลือกคนเลวน้อยกว่า


เห็นด้วยไหมครับ ฯ


ป.ล 4 มีประกาศ ครม เมื่อ 12 เมษายน 2548 ให้หนังสือราชการยกเลิกคำว่า ฯพณฯ

แต่ จขกท เขียนกระทู้ไม่ใช่หนังสือราชการ จึงใช้ ฯพณฯ กับบุคคลที่คิดว่าเหมาะสมแก่ความเคารพ


พบกันใหม่ เร็วๆนี้ครับ

cnck
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่