เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อปีที่แล้ว เราชอบ(เพื่อน)ห้องข้าง ๆ ที่โรงเรียน ตอนแรกไม่ได้อะไรหรอก คือแบบนางสูงอะ มันสะดุดตามาก เราก็จำนางได้คือวันแรกที่เปิดภาคเรียนตอนเรียนเกรด 7 เราเจอนางครั้งแรก ก็แบบคุยกับเพื่อนว่าเนี่ย คนนั้นที่ผมยาว ๆ อะ น่ารักเนอะ จากนั้นก็เรื่อย ๆ จนผ่านมา 2 ปี ระหว่าง 2 ปีนี้เราก็เจอกับนางเรื่อย ๆ นะ ตามทางเดิน ล็อกเกอร์ อะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้อะไร (ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีตัวตน55555) จนมาตอนเริ่มเรียนเกรด 9 อาทิตย์แรกของการเปิดเทอม วันนั้นนางใส่เสื้อสีชมพูมาโรงเรียนค่ะ ตัดผมมาใหม่ด้วย เราเลยเรียกเขาว่า Pinky guy เวลาคุยกับเพื่อน นางจะได้ไม่รู้ว่าเราหมายถึงใคร 55555555555 ตอนแรกนางผมยาวค่ะ ไปตัดผมมา มันมีครั้งนึงตอนเกรด 8 เราจำได้ มันฮามาก ด้วยความที่ตอนนั้นมีเรียน แต่เราติดรายการทีวีร้องเพลง (รายการของหน้ากากทุเรียน!) แล้วคือตอนนั้นมันมีคาบเรียน คนอื่นเขาก็นั่งทำงาน บางคนเขาก็แบบออกมาจากห้องแล้วหายไปเลย เราก็อยากทำนะ แบบเดินออกไปแล้วหายไปเลย แต่ภาพลักษณ์เด็กดีที่สร้างไว้จะหายหมด5555 เราเลยบอกครูว่าขอไปนั่งทำงานในห้องอีกห้องได้ไหม ในนี้เสียงดังมากเลย ทำงานไม่ได้ ครูก็แบบ โอเค ๆ แล้วพาเรามาอีกห้องนึง ครูเปิดประตูเข้าไปแล้วเจอคนนั่งอยู่ ครูเลยหันมาบอกเราว่า ตรงนี้มีคนนั่งทำข้อสอบอยู่นะ เธออยู่ได้ไหม เราก็บอกว่า ได้ ๆ ไม่มีปัญหา ครูเลยหลีกทางให้ ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปเห็นผมยาวยุ่ง ๆ สีทอง นั่งเกาหัวแกรก ๆ อยู่ในห้องจ้า (สงสัยมาตามทำข้อสอบเพราะวันสอบไม่ได้มา) เราก็แบบ อ้าว นี่มันนายผมยาวนี่นา ในห้องที่เราอยู่มันเป็นห้องเล็ก ๆ มีโต๊ะกลมอยู่ 2 โต๊ะกับเก้าอี้ นางนั่งอยู่ในสุด ส่วนเรานั่งอีกอันที่ว่างอยู่ซึ่งมันอยู่ใกล้ประตู นางก็มองมาแปปนึงแล้วก็ทำข้อสอบต่อ เราก็ไม่ได้สนใจ เสียบหูฟังเปิดยูทูปไปเร้ยยย! ประมาณ 10 นาทีต่อมา เสียงทุบประตูดังมาจากข้างนอก “ปั้ง ปั้ง ปั้ง” เราก็หันไปมองประตู แต่ไม่ได้เปิด เราหันไปมองนาง นางไม่ได้สนใจ เราก็ เออ ไม่สนใจเหมือนก็ได้ ทิ้งระยะไปสัก 10 วินาที “ปั้ง ปั้ง ปั้ง” เสียงทุบประตูดังอีกรอบ นางเลยถอนหน้าขึ้นมาจากข้อสอบแล้วมองไปที่ประตู เราก็มองไปที่ประตู อีกแปปก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก นางจ้องมาที่เราแล้วเลิกคิ้ว เราไม่ตอบสนองอะไรทั้งสิ้นแล้วมองหน้านาง แต่เรารู้ว่านางจะบอกเป็นนัย ๆ ว่าลุกขึ้นไปเปิดประตูสิโว้ย! แต่เราไม่ขยับ นางเลยกลับไปทำข้อสอบต่อ อีกแปปเสียงทุบประตูรัว ๆ “ปั้ง ปั้ง ปั้ง ปั้ง! นางเลยเงยหน้ามาอีกรอบ คราวนี้ยักคิ้วพร้อมกับสะบัดหัวไปที่ประตูประมาณว่า เปิดประตูสิ เปิดประตู!!!!! แต่เรายังนิ่ง พร้อมกับยักไหล่ นางเลยยักไหล่พร้อมกับกรอกตา เดินจากอีกด้านมาเปิดประตู สรุปคือคนที่มาคืดเพื่อนเราเองจ้า 55555555 นางไม่เห็นอยู่ในห้องเรียนเลยตามมาหา (ตอนนี้รู้สึกหน้าแตกเล็ก ๆ แล้วคือเพื่อนเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนอยู่ในห้อง นึกว่ามีแค่เรา เพื่อนเพิ่งมารู้ตอนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง อย่างฮา) หลังจากนั้นก็เรื่อย ๆ ตามเดิมจนวันเปิดเทอมเกรด 9
มันมีเหตุการหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นละมันทำให้เราชอบมโน เพื่อนก็ชอบแซวละมโนกรอกหูว่าเขาชอบเธอแน่ ๆ (เราก็มโน 55555555) ตอนแรกเรายังไม่ได้ชอบเขา(มาก)เท่าไร แบบว่าก็คิดว่า เนี่ย ทำไมคนอะไรโคตรสูง น่ารักมากเวอร์ (ลูกครึ่ง สวีเดน-อิตาลี สูง 193 ค่ะ งานดีมากเวอร์) วันที่ทำให้เราชอบเขามากกกกก คือช่วงธันวาคม 2017 เราเลิกเรียก็มารอรถเมล์กลับตามปกติ วันนั้นมีหิมะตกด้วยค่ะ อากาศหนาว ๆ ฟินมากเวอร์ ตอนนั้นเรายังไม่ได้ชอบเขาเท่าไร (หรอ) พอรถเมล์เรามาเราก็ขึ้นรถเมล์ แต่วันนั้นรถเมล์ที่มาเป็นรถเมล์คันเล็กค่ะ ที่นั่งไม่ค่อยจะมี แต่มันก็ยังมีว่างอยู่นะ พอเรานั่งเสร็จ เราก็เล่นโทรศัพท์ พออีกสักแปป มีคนเดินขึ้นมาบนรถค่ะ (เราสายตาสั้น ตอนนั้นยังไส่แว่นอยู่ แว่นก็ไม่ค่อยดี มองไม่เห็น55555) อีกแปปหลังจากนั้นเลยจ้าาาาา มีเสียงพูดขึ้นมาว่า ถ้านั่งตรงนี้จะโอเคไหม เรายังไม่รู้นะว่าเสียงใคร แต่ตอนแรกคิดว่าไม่ได้พูดกับเราไง เราก็เลยเล่นโทรศัพท์ต่อ แต่อีกแปปคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า หืม? เราเลยเงยหน้าจากโทรศัพท์มองไปเจอกางเกงยีนส์สีฟ้าที่นางใส่ประจำยืนอยู่ตรงเบาะข้าง ๆ (เราวางกระเป๋าไว้ตรงที่นั่ง) เรานี่แบบใจหล่นวูบกันไปเลยจ้า เรายังไม่ได้ทันจะอ้าปากตอบเลย เขาก็ยกกระเป๋าเราขึ้นละยื่นให้เรา พร้อมกับนั่งลงเลย เราก็ลนลานไปเลยจ้า ประเด็นคือ 2-3 วันก่อนหน้านั้น เราเจอนางบ่อย ๆ เลยถ่ายรูปส่งไปให้เพื่อนเก่าที่ไทยดูว่า เนี่ย น่ารักปะ สูง น่ารัก มากเวอร์ เราก็ลนต่อ พอนางนั่งเสร็จ เราเลยรีบส่งข้อความไปหาเพื่อนที่ส่งรูปไปให้ดูว่า เนี่ย จำคนที่เพิ่งส่งรูปไปให้ดู 2-3 วันก่อนได้ไหม เนี่ย! นางนั่งอยู่ข้าง ๆ กรูแล้วตอนนี้ พร้อมกับส่งความเขินผ่านโทรศัพท์ไปให้เพื่อนรัว ๆ แต่เพื่อนไม่ตอบจ้า ไม่อ่าน ไม่ออน ไม่อะไรทั้งนั้น เราก็นั่งตัวแข็งอยู่บนรถจ้า จนถึงป้ายที่นางจะลง นางกดปุ่มจอด แต่รถเมล์ไม่จอดจ้า!! นางก็แบบ บ่นงึมงำ ๆ อ่าว ไม่จอดหรอ? จนเลยมา 2 ป้าย นางกดปุ่มจอด แต่รถไม่ยอมจอด เรานี้นั่งขำแล้วคิดประมาณว่า โถ่ น่าสงสารจริง จนนางหมดความอดทน พูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า “โอเค โอเค เธอจะจอดให้ฉันลงตรงไหนฉันก็จะลงตรงนั้นแหละ ยังไงก็ได้” เราก็สงสารเนอะ สุดสายนี่มันไกลมากเลยนะ ประมาณ 15 กิโลเมตรได้ เราเลยสูดหายใจลึก ๆ พร้อมกับหันหน้าไปหานางแล้วโน้มหัวไปใกล้ ๆ (อันนี้ไม่ได้ตั้งใจ มันเผลอ เพิ่งมานึกได้ทีหลัง แทบเอาหัวมุดดิน55555) แล้วพูดกับนางด้วยภาษาพร้อมกับแกรมม่าป่วย ๆ แถมไปด้วย “ถ้ารถเมล์มันไม่หยุด เธอก็บอกให้คนขับรถเมล์หยุดให้สิ” หลังจากเราบอกนางก็แบบ เออ ใช่ ทำไมคิดไม่ได้ นางเลยลุกขึ้น แล้วเดินไปหาคนขับรถเมล์ละบอกให้หยุดรถให้หน่อย พร้อมกับบอกขอบคุณคนขับรถเมล์ พอบอกเสร็จ นางก็เดินมาที่ประตู พอรถใกล้จะจอด นางก็มองมาที่เราละยิ้มพร้อมกับบอกว่า ขอบคุณมาก แล้วเจอกัน! เรานี่แบบกรี๊ดดดดดดดดด ยิ้มน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขนาดแว่นเรามองไม่ค่อยจะชัด แต่คือออร่าของรอยยิ้มมันทะลุแว่นมาก เปล่งประกายมาก หลงเลยจ้า หลงมาก!
(เดี๋ยวมาต่อนะคะ)
ประสบการ์ณแอบชอบ(เพื่อน)ฝรั่งกับความซวยและนกที่ไม่มีสิ้นสุด!
มันมีเหตุการหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นละมันทำให้เราชอบมโน เพื่อนก็ชอบแซวละมโนกรอกหูว่าเขาชอบเธอแน่ ๆ (เราก็มโน 55555555) ตอนแรกเรายังไม่ได้ชอบเขา(มาก)เท่าไร แบบว่าก็คิดว่า เนี่ย ทำไมคนอะไรโคตรสูง น่ารักมากเวอร์ (ลูกครึ่ง สวีเดน-อิตาลี สูง 193 ค่ะ งานดีมากเวอร์) วันที่ทำให้เราชอบเขามากกกกก คือช่วงธันวาคม 2017 เราเลิกเรียก็มารอรถเมล์กลับตามปกติ วันนั้นมีหิมะตกด้วยค่ะ อากาศหนาว ๆ ฟินมากเวอร์ ตอนนั้นเรายังไม่ได้ชอบเขาเท่าไร (หรอ) พอรถเมล์เรามาเราก็ขึ้นรถเมล์ แต่วันนั้นรถเมล์ที่มาเป็นรถเมล์คันเล็กค่ะ ที่นั่งไม่ค่อยจะมี แต่มันก็ยังมีว่างอยู่นะ พอเรานั่งเสร็จ เราก็เล่นโทรศัพท์ พออีกสักแปป มีคนเดินขึ้นมาบนรถค่ะ (เราสายตาสั้น ตอนนั้นยังไส่แว่นอยู่ แว่นก็ไม่ค่อยดี มองไม่เห็น55555) อีกแปปหลังจากนั้นเลยจ้าาาาา มีเสียงพูดขึ้นมาว่า ถ้านั่งตรงนี้จะโอเคไหม เรายังไม่รู้นะว่าเสียงใคร แต่ตอนแรกคิดว่าไม่ได้พูดกับเราไง เราก็เลยเล่นโทรศัพท์ต่อ แต่อีกแปปคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า หืม? เราเลยเงยหน้าจากโทรศัพท์มองไปเจอกางเกงยีนส์สีฟ้าที่นางใส่ประจำยืนอยู่ตรงเบาะข้าง ๆ (เราวางกระเป๋าไว้ตรงที่นั่ง) เรานี่แบบใจหล่นวูบกันไปเลยจ้า เรายังไม่ได้ทันจะอ้าปากตอบเลย เขาก็ยกกระเป๋าเราขึ้นละยื่นให้เรา พร้อมกับนั่งลงเลย เราก็ลนลานไปเลยจ้า ประเด็นคือ 2-3 วันก่อนหน้านั้น เราเจอนางบ่อย ๆ เลยถ่ายรูปส่งไปให้เพื่อนเก่าที่ไทยดูว่า เนี่ย น่ารักปะ สูง น่ารัก มากเวอร์ เราก็ลนต่อ พอนางนั่งเสร็จ เราเลยรีบส่งข้อความไปหาเพื่อนที่ส่งรูปไปให้ดูว่า เนี่ย จำคนที่เพิ่งส่งรูปไปให้ดู 2-3 วันก่อนได้ไหม เนี่ย! นางนั่งอยู่ข้าง ๆ กรูแล้วตอนนี้ พร้อมกับส่งความเขินผ่านโทรศัพท์ไปให้เพื่อนรัว ๆ แต่เพื่อนไม่ตอบจ้า ไม่อ่าน ไม่ออน ไม่อะไรทั้งนั้น เราก็นั่งตัวแข็งอยู่บนรถจ้า จนถึงป้ายที่นางจะลง นางกดปุ่มจอด แต่รถเมล์ไม่จอดจ้า!! นางก็แบบ บ่นงึมงำ ๆ อ่าว ไม่จอดหรอ? จนเลยมา 2 ป้าย นางกดปุ่มจอด แต่รถไม่ยอมจอด เรานี้นั่งขำแล้วคิดประมาณว่า โถ่ น่าสงสารจริง จนนางหมดความอดทน พูดขึ้นมาลอย ๆ ว่า “โอเค โอเค เธอจะจอดให้ฉันลงตรงไหนฉันก็จะลงตรงนั้นแหละ ยังไงก็ได้” เราก็สงสารเนอะ สุดสายนี่มันไกลมากเลยนะ ประมาณ 15 กิโลเมตรได้ เราเลยสูดหายใจลึก ๆ พร้อมกับหันหน้าไปหานางแล้วโน้มหัวไปใกล้ ๆ (อันนี้ไม่ได้ตั้งใจ มันเผลอ เพิ่งมานึกได้ทีหลัง แทบเอาหัวมุดดิน55555) แล้วพูดกับนางด้วยภาษาพร้อมกับแกรมม่าป่วย ๆ แถมไปด้วย “ถ้ารถเมล์มันไม่หยุด เธอก็บอกให้คนขับรถเมล์หยุดให้สิ” หลังจากเราบอกนางก็แบบ เออ ใช่ ทำไมคิดไม่ได้ นางเลยลุกขึ้น แล้วเดินไปหาคนขับรถเมล์ละบอกให้หยุดรถให้หน่อย พร้อมกับบอกขอบคุณคนขับรถเมล์ พอบอกเสร็จ นางก็เดินมาที่ประตู พอรถใกล้จะจอด นางก็มองมาที่เราละยิ้มพร้อมกับบอกว่า ขอบคุณมาก แล้วเจอกัน! เรานี่แบบกรี๊ดดดดดดดดด ยิ้มน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ขนาดแว่นเรามองไม่ค่อยจะชัด แต่คือออร่าของรอยยิ้มมันทะลุแว่นมาก เปล่งประกายมาก หลงเลยจ้า หลงมาก!
(เดี๋ยวมาต่อนะคะ)