คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ทั้งสองประเทศปกครองด้วยกฎหมายศาสนาอิสลาม แม้ว่าบาห์เรนจะหย่อนกว่า ส่วนซาอุนี่เคร่งที่สุดในโลก
รัฐธรรมนูญของประเทศเหล่านี้คือ คัมภีร์อัลกรุอ่านของศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาที่เกิดเมื่อ 1,400 ปีที่แล้ว ตอนนั้นโลกยังอยู่ในยุคมืดอยู่เลย สิทธิและหน้าที่ของคนในประเทศพวกนี้ได้ถูกกำหนดไว้ในคัมภีร์ศาสนาซึ่งเป็นโองการของพระเจ้าแล้ว คนธรรมดา ๆ ไม่มีสิทธิไปแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่เหมือนเมืองไทยที่รัฐธรรมนูญถูกคนฉีกแล้วแก้มาแล้วไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย ก็ยังหาที่ดีที่สุดไม่เจอ ส่วนอิสลามเขาเจอสิ่งที่ดีที่สุดแล้วตั้งแต่เมื่อ 1,400 ก่อน
อย่าเอาสิทธิและหน้าที่ของคนยุคสมัยปัจจุบัน ตามประเทศตะวันตก หรือสหประชาชาติ ออกมา ว่ามันคือ กติกาสากล เหมือนที่พวกสิทธิมนุษยชนชอบอ้างว่าไทยต้องทำตามกติกาสากลของสหประชาชาติ ทั้ง ๆ ที่กติกาของสหประชาชาติจำนวนมากไทยก็ไม่ได้ยอมรับเข้ามาเป็นกฎหมายของไทย
ส่วนประเทศ รัฐอิสลามแบบ บาห์เรนและซาอุ นี่ ....... อัลกรุอ่าน ดีที่สุดทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไปจนวันสิ้นโลกโน่น เขาไม่สนใจกติกา สากลอะไรของใครละครับ เขาสามารถจ่ายเงินแล้วส่งคนของเขาเข้าไปคุมองค์กรสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้สบาย ๆ และทำมานานแล้วด้วย.
กรณีสาวซาอุ นั้นเธอเป็นผู้หญิงอยู่ในซาอุ ซึ่งตามกฎหมายศาสนาของเขานั้น ต้องมี ผู้พิทักษ์ที่เป็นผู้ชายอาจจะเป็น พ่อ สามี น้องชาย ลุง หรือกระทั่ง ลูกชาย อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นผู้ชาย คอยปกป้องคุ้มครอง ผู้หญิงแทบจะไม่มีสิทธิทำอะไรเลย ถ้าผุ้พิทักษ์ที่เป็นผู้ชายไม่อนุญาติ
สิ่งที่สาวซาอุต่อต้านคือ ระบบนี้ เพราะเธอถูกทั้ง พ่อ และ พี่ชาย เธอทำร้ายร่างกาย รวมทั้งบังคับให้แต่งงานด้วย เธอจึงหนีออกประเทศเพื่อแสวงหาเสรีภาพที่จะทำตามใจที่ตัวปราถนา ส่วนเรื่องจะถูกฆ่าหรือไม่นั้นก็เป็นไปได้สำหรับครอบครัวนี้ เพราะเธอถูกผู้ชายทำร้ายร่างกายเป็นประจำอยู่แล้ว
ส่วนมากผู้หญิงซาอุจะไม่กล้าร้องเรียนเรื่องถูกทำร้ายต่อหน่วยงานของรัฐ เพราะรัฐไม่ช่วยอะไรเลย เอาไปขังไว้แถมลงโทษอีกซักพัก กลับมาบ้านเจอทำร้ายร่างกายหนักกว่าเดิมอีก
แล้วเรื่องฆ่าคนตายในกฎหมายอิสลามของซาอุนั้น สามารถชดใช้ด้วยเงินแทนได้ ที่เรียกว่า blood money ถ้า พ่อ หรือ พี่ชาย จะฆ่าน้องตัวเอง ซึ่งเขาเป็น "ผู้พิทักษ์" อยู่ นั้น ใครจะมาเรียกร้องความเสียหายให้กับเธอ มันไม่เหมือนกฎหมายของชาวโลกประเทศอื่น ๆ มันเป็นกฎชองชนเผ่าทะเลทรายป่าเถือนเมื่อ 1,400 ปี ที่แล้ว
กรณีสาวซาอุ ทางรัฐบาลซาอุถือว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว สาวซาอุเธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผู้ปกครองประเทศ ทางการซาอุไม่ได้ต้องการให้ส่งเธอกลับ มีแต่พ่อ และพี่ชายของเธอที่บินมาตามและต้องการให้เธอกลับ
ส่วนกรณีของฮาคิม นั้น เกิดขึ้นในช่วงอาหรับสปริง ที่ชาวอาหรับลุกฮือ ขึ้นมาเพื่อล้มผู้นำระบอบการปกครองของนตนเอง โดยได้แรงบันดาลใจจากตูนิเซีย แต่ที่บาห์เรนไม่สำเร็จ เพราะซาอุส่งกองทัพไปช่วยปราบ สงครามในซีเรียปัจจุบันนี้ ก็มีจุดกำเหนิดมาจากอาหรับสปริงที่ฝ่ายต่อต้านต้องการโค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดี อัซซาด แล้วก็ทำสงครามมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนอัซซาด ก็ยังอยู่เพราะมีรัสเซียและอิหร่านหนุนหลัง
กรณีของฮาคิม นั้นร้ายแรงกว่า สาวซาอุ มาก ถ้าเขาผิดจริง เพราะฮาคิม นั้นต้องการล้มผู้นำของประเทศ ซึ่งปกครองแบบรัฐอิสลาม อำนาจทั้ง บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ถูกรวมอยู่ภายใต้ผู้ปกครองคนเดียว
รัฐธรรมนูญของประเทศเหล่านี้คือ คัมภีร์อัลกรุอ่านของศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาที่เกิดเมื่อ 1,400 ปีที่แล้ว ตอนนั้นโลกยังอยู่ในยุคมืดอยู่เลย สิทธิและหน้าที่ของคนในประเทศพวกนี้ได้ถูกกำหนดไว้ในคัมภีร์ศาสนาซึ่งเป็นโองการของพระเจ้าแล้ว คนธรรมดา ๆ ไม่มีสิทธิไปแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่เหมือนเมืองไทยที่รัฐธรรมนูญถูกคนฉีกแล้วแก้มาแล้วไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย ก็ยังหาที่ดีที่สุดไม่เจอ ส่วนอิสลามเขาเจอสิ่งที่ดีที่สุดแล้วตั้งแต่เมื่อ 1,400 ก่อน
อย่าเอาสิทธิและหน้าที่ของคนยุคสมัยปัจจุบัน ตามประเทศตะวันตก หรือสหประชาชาติ ออกมา ว่ามันคือ กติกาสากล เหมือนที่พวกสิทธิมนุษยชนชอบอ้างว่าไทยต้องทำตามกติกาสากลของสหประชาชาติ ทั้ง ๆ ที่กติกาของสหประชาชาติจำนวนมากไทยก็ไม่ได้ยอมรับเข้ามาเป็นกฎหมายของไทย
ส่วนประเทศ รัฐอิสลามแบบ บาห์เรนและซาอุ นี่ ....... อัลกรุอ่าน ดีที่สุดทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ไปจนวันสิ้นโลกโน่น เขาไม่สนใจกติกา สากลอะไรของใครละครับ เขาสามารถจ่ายเงินแล้วส่งคนของเขาเข้าไปคุมองค์กรสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้สบาย ๆ และทำมานานแล้วด้วย.
กรณีสาวซาอุ นั้นเธอเป็นผู้หญิงอยู่ในซาอุ ซึ่งตามกฎหมายศาสนาของเขานั้น ต้องมี ผู้พิทักษ์ที่เป็นผู้ชายอาจจะเป็น พ่อ สามี น้องชาย ลุง หรือกระทั่ง ลูกชาย อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นผู้ชาย คอยปกป้องคุ้มครอง ผู้หญิงแทบจะไม่มีสิทธิทำอะไรเลย ถ้าผุ้พิทักษ์ที่เป็นผู้ชายไม่อนุญาติ
สิ่งที่สาวซาอุต่อต้านคือ ระบบนี้ เพราะเธอถูกทั้ง พ่อ และ พี่ชาย เธอทำร้ายร่างกาย รวมทั้งบังคับให้แต่งงานด้วย เธอจึงหนีออกประเทศเพื่อแสวงหาเสรีภาพที่จะทำตามใจที่ตัวปราถนา ส่วนเรื่องจะถูกฆ่าหรือไม่นั้นก็เป็นไปได้สำหรับครอบครัวนี้ เพราะเธอถูกผู้ชายทำร้ายร่างกายเป็นประจำอยู่แล้ว
ส่วนมากผู้หญิงซาอุจะไม่กล้าร้องเรียนเรื่องถูกทำร้ายต่อหน่วยงานของรัฐ เพราะรัฐไม่ช่วยอะไรเลย เอาไปขังไว้แถมลงโทษอีกซักพัก กลับมาบ้านเจอทำร้ายร่างกายหนักกว่าเดิมอีก
แล้วเรื่องฆ่าคนตายในกฎหมายอิสลามของซาอุนั้น สามารถชดใช้ด้วยเงินแทนได้ ที่เรียกว่า blood money ถ้า พ่อ หรือ พี่ชาย จะฆ่าน้องตัวเอง ซึ่งเขาเป็น "ผู้พิทักษ์" อยู่ นั้น ใครจะมาเรียกร้องความเสียหายให้กับเธอ มันไม่เหมือนกฎหมายของชาวโลกประเทศอื่น ๆ มันเป็นกฎชองชนเผ่าทะเลทรายป่าเถือนเมื่อ 1,400 ปี ที่แล้ว
กรณีสาวซาอุ ทางรัฐบาลซาอุถือว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว สาวซาอุเธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับผู้ปกครองประเทศ ทางการซาอุไม่ได้ต้องการให้ส่งเธอกลับ มีแต่พ่อ และพี่ชายของเธอที่บินมาตามและต้องการให้เธอกลับ
ส่วนกรณีของฮาคิม นั้น เกิดขึ้นในช่วงอาหรับสปริง ที่ชาวอาหรับลุกฮือ ขึ้นมาเพื่อล้มผู้นำระบอบการปกครองของนตนเอง โดยได้แรงบันดาลใจจากตูนิเซีย แต่ที่บาห์เรนไม่สำเร็จ เพราะซาอุส่งกองทัพไปช่วยปราบ สงครามในซีเรียปัจจุบันนี้ ก็มีจุดกำเหนิดมาจากอาหรับสปริงที่ฝ่ายต่อต้านต้องการโค่นล้มรัฐบาลประธานาธิบดี อัซซาด แล้วก็ทำสงครามมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนอัซซาด ก็ยังอยู่เพราะมีรัสเซียและอิหร่านหนุนหลัง
กรณีของฮาคิม นั้นร้ายแรงกว่า สาวซาอุ มาก ถ้าเขาผิดจริง เพราะฮาคิม นั้นต้องการล้มผู้นำของประเทศ ซึ่งปกครองแบบรัฐอิสลาม อำนาจทั้ง บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ถูกรวมอยู่ภายใต้ผู้ปกครองคนเดียว
แสดงความคิดเห็น
บาเรน กับ ซาอุ นี่เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน หรือ ครับ
แต่สงสัยตรงที่ ทั้งกล่าวว่าถ้าถูกส่งกลับ อาจถูกฆ่าตายได้
สาวซาอุ เป็นเรื่องครอบครัวใครจะฆ่า พ่อหรือ ไม่ผิดกม.เหรอ
นักบอลใครฆ่าเหรอ รัฐบาลทำเองเหรอ ตามกม.เขาทำได้เหรอ ถูกศาลตัดสินจำคุก 10 ปีแล้วไม่ไช่หรือ