Blockchain คืออะไร
คือ ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเครือข่ายใยแมงมุมที่เก็บสถิติการทำธุรกรรมทางการเงิน และสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ อีกในอนาคต โดยไม่มีตัวกลางคือสถาบันการเงินหรือสำนักชำระบัญชี ระบบ Blockchain จะไม่มีตัวกลางอย่างที่เคยเป็นมา ยกตัวอย่างการทำธุรกรรมด้วย Bitcoin จะมีรหัส Token สร้างขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับ Blockchain และทำการตรวจสอบว่า Bitcoin นั้น ๆ มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ก่อนที่จะทำธุรกรรมให้สำเร็จต่อไป เท่ากับว่า Blockchain เป็นระบบโครงข่ายในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ซึ่งตัดตัวกลางอย่างสถาบันการเงินที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันออกไป ซึ่งทำให้ต้นทุนการทำธุรกรรมถูกลง และอาจจะส่งผลให้สถาบันการเงินที่เป็นตัวกลาง รวมไปถึงสำนักชำระบัญชีต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีอีกในอนาคตได้เลยหากเทคโนโลยีนี้เข้ามาแทนที่แทนที่ได้อย่างสมบูรณ์
การทำงานของ Blockchain ในการเลือกตั้ง
การเลือกตั้ง ในปัจจุบันการเลือกตั้งแบบเดิมที่ใช้อยู่นั้นมีการทุจริตและยังมีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก โดยการเลือกตั้งครั้งล่าสุดมีค่าใช้จ่ายประมาณเกือบ 3 พันล้านบาทและยังไม่มีหลักฐานประกันได้ว่าจะไม่มีการสวมสิทธิหรือทุจริตจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง
การเลือกตั้ง 4.0 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความโปร่งใสได้ คือระบบเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์ด้วย Blockchain บนฐานข้อมูลแบบกระจาย (Decentralized) ของ Blockchain จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากเข้ามาเก็บและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล โดยมีกลไกลการตรวจสอบเพื่อสร้างชุดข้อมูลใหม่ ทำให้เป็นไปได้ยากในการสร้างข้อมูลเท็จ
ระบบเลือกตั้งบน Blockchain
สามารถแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งแบบดั้งเดิมและระบบการเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์แบบรวมศูนย์ได้ดังนี้
1. ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยประเมินว่าค่าใช้จ่ายต่อหัวของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งอยู่ที่ 15 บาท
2. สะดวกและปลอดภัย โดยผู้เลือกตั้งสามารถใช้โทรศัพท์มือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตลงคะแนนได้
3. โปร่งใส โดยผู้เลือกตั้งสามารถตรวจสอบการใช้สิทธิของตนเองบนฐานข้อมูล Blockchain ได้ โดยยังคงความเป็นส่วนตัว เนื่องจากการระบุตัวตนจะผ่านหมายเลขของผู้เลือกตั้งซึ่งเป็นความลับ
4. ปลอดภัย ระบบฐานข้อมูลแบบ Blockchain สาธารณะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเกือบ 1 ล้านเครื่อง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะ Hack ระบบ หรือแม้แต่ “คน” ที่เป็นผู้ดูแลระบบก็ไม่สามารถทุจริตได้ เพราะสามารถตรวจสอบความถูกต้องของฐานข้อมูลและโปรแกรมการลงคะแนนที่เรียกว่า Smart Contract ซึ่งทั้งสองอย่างถูกเก็บอยู่บนฐานข้อมูล Blockchain ไม่ใช่เครื่องแม่ข่ายของหน่วยงานที่จัดการเลือกตั้งแต่อย่างใด
ปล. เข้ามาแชร์ความรู้กันได้นะคะ
การเลือกตั้งกับ Blockchain
คือ ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเครือข่ายใยแมงมุมที่เก็บสถิติการทำธุรกรรมทางการเงิน และสินทรัพย์ชนิดอื่น ๆ อีกในอนาคต โดยไม่มีตัวกลางคือสถาบันการเงินหรือสำนักชำระบัญชี ระบบ Blockchain จะไม่มีตัวกลางอย่างที่เคยเป็นมา ยกตัวอย่างการทำธุรกรรมด้วย Bitcoin จะมีรหัส Token สร้างขึ้นมาเพื่อสื่อสารกับ Blockchain และทำการตรวจสอบว่า Bitcoin นั้น ๆ มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ก่อนที่จะทำธุรกรรมให้สำเร็จต่อไป เท่ากับว่า Blockchain เป็นระบบโครงข่ายในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ซึ่งตัดตัวกลางอย่างสถาบันการเงินที่มีอยู่ในโลกปัจจุบันออกไป ซึ่งทำให้ต้นทุนการทำธุรกรรมถูกลง และอาจจะส่งผลให้สถาบันการเงินที่เป็นตัวกลาง รวมไปถึงสำนักชำระบัญชีต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีอีกในอนาคตได้เลยหากเทคโนโลยีนี้เข้ามาแทนที่แทนที่ได้อย่างสมบูรณ์
การทำงานของ Blockchain ในการเลือกตั้ง
การเลือกตั้ง ในปัจจุบันการเลือกตั้งแบบเดิมที่ใช้อยู่นั้นมีการทุจริตและยังมีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก โดยการเลือกตั้งครั้งล่าสุดมีค่าใช้จ่ายประมาณเกือบ 3 พันล้านบาทและยังไม่มีหลักฐานประกันได้ว่าจะไม่มีการสวมสิทธิหรือทุจริตจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง
การเลือกตั้ง 4.0 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความโปร่งใสได้ คือระบบเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์ด้วย Blockchain บนฐานข้อมูลแบบกระจาย (Decentralized) ของ Blockchain จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากเข้ามาเก็บและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล โดยมีกลไกลการตรวจสอบเพื่อสร้างชุดข้อมูลใหม่ ทำให้เป็นไปได้ยากในการสร้างข้อมูลเท็จ
ระบบเลือกตั้งบน Blockchain
สามารถแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งแบบดั้งเดิมและระบบการเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์แบบรวมศูนย์ได้ดังนี้
1. ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยประเมินว่าค่าใช้จ่ายต่อหัวของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งอยู่ที่ 15 บาท
2. สะดวกและปลอดภัย โดยผู้เลือกตั้งสามารถใช้โทรศัพท์มือถือหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตลงคะแนนได้
3. โปร่งใส โดยผู้เลือกตั้งสามารถตรวจสอบการใช้สิทธิของตนเองบนฐานข้อมูล Blockchain ได้ โดยยังคงความเป็นส่วนตัว เนื่องจากการระบุตัวตนจะผ่านหมายเลขของผู้เลือกตั้งซึ่งเป็นความลับ
4. ปลอดภัย ระบบฐานข้อมูลแบบ Blockchain สาธารณะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายเกือบ 1 ล้านเครื่อง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะ Hack ระบบ หรือแม้แต่ “คน” ที่เป็นผู้ดูแลระบบก็ไม่สามารถทุจริตได้ เพราะสามารถตรวจสอบความถูกต้องของฐานข้อมูลและโปรแกรมการลงคะแนนที่เรียกว่า Smart Contract ซึ่งทั้งสองอย่างถูกเก็บอยู่บนฐานข้อมูล Blockchain ไม่ใช่เครื่องแม่ข่ายของหน่วยงานที่จัดการเลือกตั้งแต่อย่างใด
ปล. เข้ามาแชร์ความรู้กันได้นะคะ