สวัสดีครับ ผมมีปัญหากับว่าที่ภริยา แต่ไม่รู้จะปรึกษาใคร และไม่ค่อยมีใครรอบตัวใส่ใจผมพอที่จะขอคำปรึกษา เลยขอปรึกษาในนี้หน่อย แม้จะเสี่ยงสูงว่าแฟนผมจะเห็นก็ตามเพราะเค้าชอบอ่านพันทิป
เริ่มเลยหละกันขอเล่ายาวหน่อยเพื่อให้เข้าใจบริบท
ผมกับว่าที่ภริยาคบหากันมา 5 ปี ประมาณปี 2013 โดยเรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ผมเรียนนิติศาสตร์ เธอเรียนบัญชี ตอนนี้เงินเดือนเธอเกือบ 80,000 บาท สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นดาวเด่นมีคนมากมายเข้ามาจีบเธอ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่หลงรักเธอมาก ๆ ประมาณ Love at first sight แต่ก็คงเดาไม่ยาก ผมแห้วรับประทาน เธอมีแฟนและเลิกก่อนที่จะกลับมาเจอผมอีกครั้งหนึง หลังจากที่จบการศึกษาซึ่งก็เกือบ 12 ปี
ผมมาเจอเธอครั้งที่ทำให้ได้คบกันในงานรับปริญญาโทของเพื่อนผมที่บังเอิญเป็นเพื่อนของเธอด้วย วันนั้นผมขับ BMW 520d F10 ของครอบครัว ขณะนั้นผมไม่ได้ทำงาน เพราะ เผิ่งโดนให้ออกจากงานเนื่องจากมีการควบรวมกิจการของสองลอว์เฟิร์ม
ประกอบกับปัญหาสุขภาพจากการทำงานหนักนอนน้อย เลยคิดจะหางานที่ชิวๆ มีเวลาว่างให้ตัวเองบ้าง เลยไปทำทนายความอยู่พักหนึง ช่วงระหว่างที่ทำทนาย ผมก็คุยกับเธอมาโดยตลอด เธอเข้าใจว่าผมมีธุรกิจใหญ่โต เพราะ สามารถพาเธอไปกินเที่ยวได้อย่างดี มีรถดีๆให้นั่ง ผมมี XV อีกคันแต่เวลาเอา XV ไปรับเธอจะไม่ค่อยสบอารมณ์นัก จนเป็นที่รับรู้โดยอัตโนมัติว่าผมต้องขับ BMW ไปรับเท่านั้น วันหนึงเธอเสียใจอะไรสักอย่างผมเห็นใน FB ของเธอ เลยรีบเดินทางไปบ้านเธอเพื่อไปเป็นที่ระบายให้เธอ เธอร้องไห้ระบายความอึดอัดและความเศร้าของเธอ หลังจากวันนั้นเราก็เริ่มคบกันจริงจัง
และเรื่องมันก็เกิดขึ้นเมื่อผมตัดสินใจสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งนิติกร หน่วยงานหนึงย่านสนามบินน้ำ เธอเริ่มไม่พอใจ เพราะ เงินเดือนน้อย (ปัจจุบัน เงินเดือนอย่างเดียวไม่รวม พ.ต.ก ได้ 19,600 บาท ปลอดหนี้สิน ทรัพย์สิน มีเงินสดฝากสหกรณ์ 1.5 แสนบาท กองทุน 3 แสนบาท รถมีชื่อเป็นเจ้าของ 1 คัน แต่จะพ่อแม่ซื้อให้) เธอเข้าใจมาตลอดว่าผมมีธุรกิจซึ่งตอนนั้นก็ทำบ้างกับเพื่อน ไม่ใช่จะมาเป็นข้าราชการจน ๆ (แต่บังเอิญพ่อแม่ผมพอมีบ้าง กินใช้ไม่ได้ลำบากอะไร อยากใช้อะไรก็ใช้ได้ ฐานะโดยรวมครอบครัวผมดีกว่าบ้านเธอพอสมควร) ตั้งแต่นั้นมาเธอว่ากดดันผมให้ทำธุรกิจ ต้องมีกิจการ กดดันอย่างต่อเนื่อง ทำร้ายจิตใจด้วคำพูดต่างๆ นานา ทั้งว่าผมว่าไม่มีอนาคต ไม่มีภาวะผู้นำ เปรียบเทียบแฟนเพื่อน และอื่นๆ แต่ที่ผมเบื่อมากคือ เธอชอบเอา ig พวกเมียไฮโซที่อวดรวยตามโซเซียล มาแปะในไลน์ผมเกือบทุกวัน ให้ดูว่าวันนี้ผู้หญิงเหล่านั้นทำอะไร เช่น ขับรถราคา 20 ล้านบางหละ ไปกินอาหารมื่อหละ 5,000 ล้างหละ พาลูกไฮโซไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ง่ายๆ คือ ชอบเอาภาพอวดรวยพวกนั้นมายัดเยียดเหมือนให้ผมต้องพยายามเป็นให้ได้แบบพวกนั้น
ปัจจุบันผมรู้สึกว่าตัวเองถูกครอบงำจากแฟนตัวเอง ผมเป็นพวกตามใจแฟน เออออไปทุกอย่าง แต่พอผมอยากจะสอบอัยการผู้พิพากษา (ผมมีเนฯ แล้ว เก็บอายุและคดีตั๋วทนายครบแล้ว) เธอก็ชอบมาว่าผมไม่มีปัญญาหรอก พอผมเริ่มเก็บตัวอ่านหนังสือจริงจังมาก ๆ เธอก็มาบอกว่าเธอไม่โอเคที่จะต้องตามผมไป ตจว. หากผมสอบติดอัยการหรือผู้พิพากษา เธอต้องการจะอยู่ กทม. พอมันสะสมมาก ๆ บางครั้งผมรู้ตัวว่าผมมีแฟนแต่ผม โ.ค.ต.ร รู้สึกโดดเดี่ยวเลย เวลาทะเลาะกันรู้สึกเหงากว่าตอนเป็นโสดซะอีก ผมรักแฟนผมคนนี้มาก ๆ ผมไม่อยากจะเลิกกับเธอ เคยคิดจะเลิกแต่ก็นั่งคิดว่า ตอนนี้เธออายุ 30 กว่าแล้วถ้าผมเลิกเธอไป ไม่รู้เธอจะเศร้าขนาดไหน เธอจะเหงาหรือเปล่า เธอจะหาแฟนที่รักเธอได้อีกไหม เธอยังสวยน่าจะมีผู้ชายหลายคนเข้ามาในวงโคจรของเธอ แต่จะมีคนจริงใจเข้ามาในชีวิตเธอไหม ผมก็คิดเยอะเป็นห่วงเธอ เวลาเจอหน้ากันแม้อยากเลิกก็บอกเลิกไม่ลงคุยกันสักพักก็หายหมดที่โกรธ เวลาได้กอดได้หอมความรู้สึกแบบอยากอยู่กับคนนี้ไปตลอดมันก็บดบังที่โกรธที่เคืองจนหมด แต่พอทะเลาะครั้งล่าสุดก็ลงเอย คือให้ผมทำธุรกิจ มีกิจการอีกเหมือนเคย บวกบอกว่าผมไม่เอาไหน ไม่มีภาวะผู้นำ พอได้ยินเท่านั้นหละในอกมันโหวง ๆ รู้สึกแปลก ๆ รู้สึกเศร้าลึกๆ ไม่ได้แบบจะร้องไห้
ผมสงสัยจริง ๆ ว่าผมมันไร้อนาคตขนาดนั้นเลยหรือ บางครั้งมันก็รู้สึกหมดกำลังใจนะ ทั้งที่จงรักภักดีทั้งมอบความรักกับเค้าคนเดียวแต่เหมือนว่ามันยังไม่เคยพอ
เมื่อถูกตราหน้าว่าผู้ชายไม่มีอนาคต
เริ่มเลยหละกันขอเล่ายาวหน่อยเพื่อให้เข้าใจบริบท
ผมกับว่าที่ภริยาคบหากันมา 5 ปี ประมาณปี 2013 โดยเรารู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ผมเรียนนิติศาสตร์ เธอเรียนบัญชี ตอนนี้เงินเดือนเธอเกือบ 80,000 บาท สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอเป็นดาวเด่นมีคนมากมายเข้ามาจีบเธอ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่หลงรักเธอมาก ๆ ประมาณ Love at first sight แต่ก็คงเดาไม่ยาก ผมแห้วรับประทาน เธอมีแฟนและเลิกก่อนที่จะกลับมาเจอผมอีกครั้งหนึง หลังจากที่จบการศึกษาซึ่งก็เกือบ 12 ปี
ผมมาเจอเธอครั้งที่ทำให้ได้คบกันในงานรับปริญญาโทของเพื่อนผมที่บังเอิญเป็นเพื่อนของเธอด้วย วันนั้นผมขับ BMW 520d F10 ของครอบครัว ขณะนั้นผมไม่ได้ทำงาน เพราะ เผิ่งโดนให้ออกจากงานเนื่องจากมีการควบรวมกิจการของสองลอว์เฟิร์ม ประกอบกับปัญหาสุขภาพจากการทำงานหนักนอนน้อย เลยคิดจะหางานที่ชิวๆ มีเวลาว่างให้ตัวเองบ้าง เลยไปทำทนายความอยู่พักหนึง ช่วงระหว่างที่ทำทนาย ผมก็คุยกับเธอมาโดยตลอด เธอเข้าใจว่าผมมีธุรกิจใหญ่โต เพราะ สามารถพาเธอไปกินเที่ยวได้อย่างดี มีรถดีๆให้นั่ง ผมมี XV อีกคันแต่เวลาเอา XV ไปรับเธอจะไม่ค่อยสบอารมณ์นัก จนเป็นที่รับรู้โดยอัตโนมัติว่าผมต้องขับ BMW ไปรับเท่านั้น วันหนึงเธอเสียใจอะไรสักอย่างผมเห็นใน FB ของเธอ เลยรีบเดินทางไปบ้านเธอเพื่อไปเป็นที่ระบายให้เธอ เธอร้องไห้ระบายความอึดอัดและความเศร้าของเธอ หลังจากวันนั้นเราก็เริ่มคบกันจริงจัง
และเรื่องมันก็เกิดขึ้นเมื่อผมตัดสินใจสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งนิติกร หน่วยงานหนึงย่านสนามบินน้ำ เธอเริ่มไม่พอใจ เพราะ เงินเดือนน้อย (ปัจจุบัน เงินเดือนอย่างเดียวไม่รวม พ.ต.ก ได้ 19,600 บาท ปลอดหนี้สิน ทรัพย์สิน มีเงินสดฝากสหกรณ์ 1.5 แสนบาท กองทุน 3 แสนบาท รถมีชื่อเป็นเจ้าของ 1 คัน แต่จะพ่อแม่ซื้อให้) เธอเข้าใจมาตลอดว่าผมมีธุรกิจซึ่งตอนนั้นก็ทำบ้างกับเพื่อน ไม่ใช่จะมาเป็นข้าราชการจน ๆ (แต่บังเอิญพ่อแม่ผมพอมีบ้าง กินใช้ไม่ได้ลำบากอะไร อยากใช้อะไรก็ใช้ได้ ฐานะโดยรวมครอบครัวผมดีกว่าบ้านเธอพอสมควร) ตั้งแต่นั้นมาเธอว่ากดดันผมให้ทำธุรกิจ ต้องมีกิจการ กดดันอย่างต่อเนื่อง ทำร้ายจิตใจด้วคำพูดต่างๆ นานา ทั้งว่าผมว่าไม่มีอนาคต ไม่มีภาวะผู้นำ เปรียบเทียบแฟนเพื่อน และอื่นๆ แต่ที่ผมเบื่อมากคือ เธอชอบเอา ig พวกเมียไฮโซที่อวดรวยตามโซเซียล มาแปะในไลน์ผมเกือบทุกวัน ให้ดูว่าวันนี้ผู้หญิงเหล่านั้นทำอะไร เช่น ขับรถราคา 20 ล้านบางหละ ไปกินอาหารมื่อหละ 5,000 ล้างหละ พาลูกไฮโซไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ง่ายๆ คือ ชอบเอาภาพอวดรวยพวกนั้นมายัดเยียดเหมือนให้ผมต้องพยายามเป็นให้ได้แบบพวกนั้น
ปัจจุบันผมรู้สึกว่าตัวเองถูกครอบงำจากแฟนตัวเอง ผมเป็นพวกตามใจแฟน เออออไปทุกอย่าง แต่พอผมอยากจะสอบอัยการผู้พิพากษา (ผมมีเนฯ แล้ว เก็บอายุและคดีตั๋วทนายครบแล้ว) เธอก็ชอบมาว่าผมไม่มีปัญญาหรอก พอผมเริ่มเก็บตัวอ่านหนังสือจริงจังมาก ๆ เธอก็มาบอกว่าเธอไม่โอเคที่จะต้องตามผมไป ตจว. หากผมสอบติดอัยการหรือผู้พิพากษา เธอต้องการจะอยู่ กทม. พอมันสะสมมาก ๆ บางครั้งผมรู้ตัวว่าผมมีแฟนแต่ผม โ.ค.ต.ร รู้สึกโดดเดี่ยวเลย เวลาทะเลาะกันรู้สึกเหงากว่าตอนเป็นโสดซะอีก ผมรักแฟนผมคนนี้มาก ๆ ผมไม่อยากจะเลิกกับเธอ เคยคิดจะเลิกแต่ก็นั่งคิดว่า ตอนนี้เธออายุ 30 กว่าแล้วถ้าผมเลิกเธอไป ไม่รู้เธอจะเศร้าขนาดไหน เธอจะเหงาหรือเปล่า เธอจะหาแฟนที่รักเธอได้อีกไหม เธอยังสวยน่าจะมีผู้ชายหลายคนเข้ามาในวงโคจรของเธอ แต่จะมีคนจริงใจเข้ามาในชีวิตเธอไหม ผมก็คิดเยอะเป็นห่วงเธอ เวลาเจอหน้ากันแม้อยากเลิกก็บอกเลิกไม่ลงคุยกันสักพักก็หายหมดที่โกรธ เวลาได้กอดได้หอมความรู้สึกแบบอยากอยู่กับคนนี้ไปตลอดมันก็บดบังที่โกรธที่เคืองจนหมด แต่พอทะเลาะครั้งล่าสุดก็ลงเอย คือให้ผมทำธุรกิจ มีกิจการอีกเหมือนเคย บวกบอกว่าผมไม่เอาไหน ไม่มีภาวะผู้นำ พอได้ยินเท่านั้นหละในอกมันโหวง ๆ รู้สึกแปลก ๆ รู้สึกเศร้าลึกๆ ไม่ได้แบบจะร้องไห้
ผมสงสัยจริง ๆ ว่าผมมันไร้อนาคตขนาดนั้นเลยหรือ บางครั้งมันก็รู้สึกหมดกำลังใจนะ ทั้งที่จงรักภักดีทั้งมอบความรักกับเค้าคนเดียวแต่เหมือนว่ามันยังไม่เคยพอ