Xiaomi เป็นแบรนด์ที่จัดว่าเปิดัวค่อนข้างหลากหลายรุ่น และ มีแบรนด์ย่อยต่างๆเยอะแยะมากมายไม่ว่าจะเป็นของมือถือหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆเรียกได้ว่าเยอะมากๆครับ และ อีก 1 แบรนด์ที่ได้แตกออกมานั้นก็คือ สมาร์ทโฟน สายเกม แบรนด์ Blackshark นั้นเองที่เรียกได้ว่าเจาะตลาดสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะทั้ง การออกแบบ อุปกรณ์เสริมและ ซอฟท์แวร์ที่แยกออกมาพิเศษที่หาไม่ได้ในแบรนด์หลักนั้นเองครับ ทาง Blackshark ได้ทำการเปิดตัวไปในรุ่นแรกชือว่า Blackshark และเราก็ได้ทำรีวิวกันไปแล้วไม่นานเลยแค่ในเดือนเมษาปี 2018 เองครับส่วนรุ่นที่ 2 ที่เรานำมารีวิววันนี้ก็ได้เปิดตวมาในช่วงท้ายปี 2018 เรียกได้ว่าอยู่ในปีเดียวกันกับรุ่น 1 เลยก็ว่าได้ครับและมันจะมีอะไรแตกต่างน่าสนใจยังไงบ้างในรุ่นนี้ไปดูรีวิวกันก่อนได้เลยครับ
สำหรับ Blackshark รุ่นที่ 2 นี้นั้นเรียกชื่อทางการกันว่า Blackshark Helo ครับผมเป็นรุ่นที่สายต่อรุ่นแรกโดยมีจุดเด่นต่างๆที่ปรับปรุงพัฒนามามากมายครับ เด่นสุดๆคงเป็นรุ่นแรกในสมาร์ทโฟนที่มาพร้อม RAM 10GB และมาพร้อมกับ ระบบ dual pipe liquid-cooling ระบายความร้อน และ หน้าจอ Amoled ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ยังมีไฟ LED ในส่วนโลโก้และขอบข้างเครื่องมาให้ด้วยจัดเต็มมากๆอีกทั้งยังมี การออกแบบฝาหลงแบบกระจกสวยงามกว่าเดิม รวมถึงออกแบบจอยควบคุมใหม่ และมีมาให้ 2 ข้างในรุ่น RAM 10GB จัดเต็มเลยแหละ
สำหรับราคาแน่นอนว่ารุ่นนี้ไม่เข้าไทยแบบทางการนะครับต้องหิ้วกันมาเอง ราคามี 3 รุ่นอยู่ที่ 128 GB RAM 6GB = 16,700 128GB RAM 8GB = 18,200 ส่วนตัวเทพ 256GB RAM 10GB ยังไม่เห็นราคานะครับว่าเท่าไรตัวนี้จะได้จอยควบคุม 2 ข้างเลย
UNBOX
สำหรับตัวกล่องนั้นในรุ่นนี้ยังคงมาพร้อมกับกล่องสีดำและโลโก้เขียวเช่นเดิมครับ เอาจริงๆนั้นตัวกล่องยังคงมาพร้อมกับการออกแบบดีไซน์ที่เป็นแบบเดิมเลยแหละแต่แค่มีการใส่อุปกรณ์อะไรมาในกล่องเรียบร้อยครับไม่ต้องมีกล่องแยก
- ตัวเครื่อง Blackshark
- จอยควบคุม ข้างซ้าย
- สายแปลง Type-C – 3.5
- สายชาร์จ Type-C
- Adaptor ชาร์จ QC 3.0
- สติกเกอร์ Blackshark
- ฟิลม์กระจก
- เคส Blackshark สีดำฝาหลังใส
หน้าตาตัวเคสและฟิลม์กระจกใครที่ซื้อรุ่นนี้นั้นเรียกได้ว่าครบเลยไม่ต้องไปหาของเสริม ทั้งฟิลม์กระจกที่ใช้งานได้เลยและตัวเคสที่ดูดีขึ้นมากปกป้องได้ดีและยังรองรับการใส่จอยควบคุมทั้ง 2 ข้างด้วยสำหรับตัวเคสที่ให้มาในกล่องครับ
ตัวเคสที่ให้มานั้นหน้าตางานออกแบบวัสดุดีกว่ารุ่นแรกแบบชัดเจนครับปกป้องได้ดีขึ้นสวยงามขึ้นและแข็งแรงกว่าเแบบเดิมมากๆตัวเก่าจะเป็นแค่กรอบบางๆครับแต่ในรุ่นนี้มีความหนา เว้นเว้าและทนต่อแรงกระแทกได้ดีรวมถึงด้านหลังยังเป็นพลาสติกใสทำให้มองเห็นฝาหลังกระจกและมีความสวยงามที่มากกว่าเดิมรวมถึงด้านหน้ามีชื่อแบรนด์อยู่ด้วยครับ ออกแบบมารองรับการใส่จอยได้อย่างดี แต่เสียดายแค่ด้านหน้าไม่ค่อยปกป้องตัวหน้าจอเท่าไรนักครับ
ตัวจอยควบคุมสามารถใส่ได้โดนการสไลด์เข้าไปได้เลยครับไม่ยุ่งยากและออกแบบมาดูดีกว่าของที่ให้มาในรุ่นแรกอย่างมากใช้งานได้ค่อนข้างดีครับส่วนรายละเอียดการใช้งานจะเป็นยังไงนั้นต้องรอติดตามกันส่วนอื่นๆต่อไปได้เลย
DESIGN
การออกแบบในรุ่นนี้ยังคงการออกแบบสไตล์ที่คล้ายๆกับรุ่นเดิมไว้มากพอสมควรครับโดยเฉพาะด้านหลังซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเป็นการออกแบบที่จะให้พวกอุปกรณ์เสริมใส่ด้วยกันได้ก็เป็นได้ครับส่วนในด้านหน้านั้นมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบพอสมควรทั้งการวางลำโพงแบบคู่หน้าการเล่นขอบสีเดียวต่างๆรวมถึงขอบจอที่บางขึ้นครับสแกนนิ้วไปอยู่ด้านหลังแทนแล้วงานประกอบน้ำหนักรวมๆทำได้ดีครับไม่หนักหรือเบาเกินไปตัวเครื่องดูสวยและเท่ไปในตัวใช้ได้เลย
ด้านหน้ามาพร้อมหน้าจอที่เต็มตามากขึ้นครับโดยเฉพาะในส่วนของขอบหน้าจอและการใส่ลำโพงคู่หน้ามาให้แล้ว หน้าจอตัวนี้มาพร้อมขนาด 6.01 นิ้วมากกว่าเดิมนิดนึงครับ 0.02 นิ้ว AMOLED FHD+ รองรับการแสดงผล HDR
ทางด้านขอบหน้าจอส่วนบนยังคงมีพื้นที่ให้วางมือนิดหน่อยครับเวลาเล่นเกมและยังมีไฟแจ้งเตือน ลำโพงคู่หน้า กล้องหน้า และ เซนเซอร์อะไรต่างๆมาให้ครบเช่นเดิม ลำโพงวางแนวยาวตามขอบด้านบนเป็นตระแกรงเนียนตาดีครับ
ส่วนทางด้านขอบล่างหน้าจอนั้นเป็นอีกจุดที่แตกต่างกับรุ่นแรก สแกนนิ้วย้ายไปด้านหลังแล้ว พื้นที่ลบน้อยลงในส่วนขอบแต่ก็พอดีกับขอบด้านบนทำได้สวยงามและไม่หนาเกินไปครับเป็นที่อยู่ของลำโพงเท่านั้นและปุ่มไปบนจอทั้งหมด
ขอบด้านบนของตัวเครื่องเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ครับเรียบๆไม่มีอะไรแต่ยังคงเป็นรูปทรงเดิมทั้งเหลี่ยมมุมต่างๆครับ และมีการเล่นสีเขียวรอบตัวเครื่องทำให้เวลาสะท้อนแสงจะค่อนข้างโดดเด่นขึ้นมาครับ
ด้านขวาของตัวเครื่องน่าจะเป็นจุดหลักๆที่แตกต่างกับรุ่นแรกเลยแหละ มีปุ่ม Power ลดเสียงอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ที่แปลกใหม่และเป็นรุ่นแรกๆที่ทำเลยก็คือการใส่ไฟตรงขอบเครื่องด้านข้างมาให้ด้วยเป็นไฟ RGB เนียนตาสวยงามครับ
และแน่นอนว่าตัวไฟมีมาให้ทั้ง 2 ข้าง บริเวณกลางเครื่องส่วนปุ่มต่างๆยังเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า และที่เห็นแถบสไลด์สีเขียวๆนั้นคือปุ่มสำหรับเข้าสู่ Sharkmode ครับเวลาจะเข้าเกมและเปิดโหมดช่วยเหลือต่างๆ และ ถาดซิม 2 ซิม ไม่รองรับการเพิ่ม Micro-SD นะครับ
ขอบด้านล่างเครื่องตัวนี้ รู 3.5 มม. หายไปแล้วตั้งแต่รุ่นแรกครับ เลยทำให้สายเกมนั้นอาจจะไม่ค่อยช่อบกันเท่าไร ส่วนช่องชาร์จ TYPE – C ตรงกลางครับ สีเขียวยันข้างในเลยทีเดียวเหมือนกับรุ่นแรกครับ
มาส่องกันที่ตัวขอบไฟกันอีกใกล่ๆไฟทำได้เนียนตาและสวยเลยแหละความสว่างใช้ได้ครับโดดเด่นสวยงามจริงๆ แต่มันจะติดแค่เป็นการแจ้งเตือน หรือจะตอนกดปุ่มเล่นเกม หรือ ตามจังหวะเพลงมากกว่าครับ ไม่สามารถเปิดเท่ๆตลอดเวลาได้ อันนี้น่าเสียดายน่าจะมีให้ตั้งเปิดตลอดเวลาน่าจะสวยงามเลยแหละแต่น่าจะสูบแบตเอาเรื่องถ้าแบบนั้น
ทางด้านหลังการออกแบบตอนเห็นภาพหลุดมันไม่สวยนะ แต่พอจริงๆมันดูดีกว่าที่คิดไว้มาก กระจกด้านหลังทำออกมาลงตัวสวยงามทั้งความเงาการเล่นลวดลายและการออกแบบ ตรงกลางเป็นโลโก้ ข้างบนเป็นกล้องคู่ พร้อมสแกนนิ่ว ส่วนโลโก้ชื่อนั้นอยู่ล่างสุดครับ ตัวขอบๆนั้นเป็นอลูมิเนียมเช่นเดิมเป็นเฟรมรอบกระจกดีไซน์ยังอิงรุ่นแรกแต่ดูดีขึ้นมาก
ตัวโลโก้ข้างหลังนั้นก็สามารถตั้งสีหรือให้มันเล่นไปหลายๆสีได้ครับ แต่ถ้าหน้าจอดับไฟก็จะดับไปด้วย ส่วนด้านข้างก็มีหลายหลอดและไฟเล่นเป็น Wave ได้สวยงามเลยแหละแต่เหมือนกันคือต้องใช้งานฟังก์ชั่นที่มันบอกไว้ถึงจะติด
มากันที่จอยควบคุมกันบ้างสำหรับรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบค่อนข้างเยอะและดูดีขึ้นมากครับ และจอยรุ่นนี้สามารถใช้กับรุ่นแรกได้ด้วยถือว่าเป็นการออกแบบที่ดีครับเคสก็สามารถใช้กับรุ่นเก่าได้ด้วย การใช้งานดีขึ้นมากครับปุ่มมาเยอะขึ้นและใช้งานได้ดีต่อการเล่นเกมอย่างมาก ปุ่มเพิ่ม 4 ปุ่มนำทางมาจากรุ่นเดิมและจับได้ดีขึ้นพอสมควร
สำหรับด้านล่างเป็นช่องชาร์จแบบ Type-C และ สวิทช์เปิด-ปิดครับ ส่วนด้านบนเป็นปุ่ม LB LT สำหรับเล่นเกม
ด้านสลักล็อคตัวนี้ทำได้ดีและใช้งานง่ายกว่าเดิมครับ เป็นแบบสไลด์ลงไปใช้งานถ้าหากนึกไม่ออกก็เสียบจอยคล้ายๆของทาง Nintendo Switch นั้นเองครับเสียบลงเข้า 2 ข้าง แต่อันนี้มีแค่ข้างเดียวครับผมล็อคค่อนข้างแน่นเอาเรื่อง
เมื่อรวมร่างก็จะได้ประมาณนี้ครับสำหรับตัวจอยควบคุมทางด้านซ้ายและตัวเครื่อง ซึ่งถ้ารุ่น RAM 10GB ก็จะเป็นจอยทั้ง 2 ข้างเลยนั้นเองครับรูปทรงอะไรเมื่อประกอบรวมร่างก็ถือว่าค่อนข้างสวยเลยแหละครับดูเท่กว่ารุ่นแรกเยอะ
ความหนาหรือการออกแบบเวลารวมร่างแล้วก็ใช้งานได้ค่อนข้างดีครับจับได้ถนัดกำลังดีและตำแหน่งใช้งานทำได้ดีเลยตอนแรกคิดว่าจะไม่ถนัดเพราะมันเล็กกว่ารุ่นแรกแต่พอใช้งานจริงๆก็ถือว่าดีกว่าเดิมและกระชับกว่าเดิมครับผม
SPEC
- หน้าจอขนาด 6.01-inch (2160 × 1080 pixels) Full HD+ OLED display, 18:9 aspect ratio, 430 nits brightness
- Qualcomm Snapdragon 845 64-bit 10nm Octa-Core Mobile Platform, Clocked at 2.8GHz, Adreno 630 GPU
- 6/8/10GB LPDDR4x RAM,
- 128/256GB (UFS 2.1) storage
- Android 8.0 (Oreo), Joy UI
- Dual SIM (nano + nano), 4G VoLTE, WiFi 802.11ac dual-band (2×2 MU-MIMO ), Bluetooth 5,
- USB Type-C
- กล้องหลัง : 12-megapixel IMX486 รูรับแสง f/1.75 1.25µm , dual-tone LED flash, กล้องตัวที่ 2 20-megapixel IMX376 1.0µm pixel size,รูรับแสง f/1.75
- กล้องหน้า : 20-megapixel, 1.0µm pixel size, รูรับแสง F2.2 IMX376
- สแกนนิ้วด้านหลัง / สแกนใบหน้า แบบ 2D
- Dual Smart PA, Hi-Fi Audio, ลำโพงคู่หน้า และ มีรู 3.5 มม.
- 4000mAh แบต , รองรับ Quick Charge 3.0
- แถบไฟด้านข้าง RGB 16.8 ล้านสี พร้อมโลโก้ตรงกลางปรับสีได้
PERFORMANCE
สำหรับการใช้งานประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้ยังคงใช้ Snapdragon 845 เหมือนรุ่นแรกนะครับคะแนนจึงไม่ได้หนีกันมากทำไปได้ 295173 สำหรับ Antutu และมากกว่ารุ่นแรกประมาณ 1 หมื่นนิดๆครับส่วนคะแนนในแอพอื่นๆก็ถือว่าเท่าๆเดิมไม่ได้ต่างครับเพราะ สเปคอะไรนั้นยังคงเหมือนเดิมเลยแหละหน่วยความจำใช้ UFS2.1 แรงๆเหมือนเดิมครับก็ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของ Gaming Smartphone ในยุคนี้ครับ
[CR] รีวิว Xiaomi Blackshark Helo สมาร์ทโฟนสายเกมตัวคุ้ม พร้อมไฟ RGB และ Controller !
Xiaomi เป็นแบรนด์ที่จัดว่าเปิดัวค่อนข้างหลากหลายรุ่น และ มีแบรนด์ย่อยต่างๆเยอะแยะมากมายไม่ว่าจะเป็นของมือถือหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆเรียกได้ว่าเยอะมากๆครับ และ อีก 1 แบรนด์ที่ได้แตกออกมานั้นก็คือ สมาร์ทโฟน สายเกม แบรนด์ Blackshark นั้นเองที่เรียกได้ว่าเจาะตลาดสำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะทั้ง การออกแบบ อุปกรณ์เสริมและ ซอฟท์แวร์ที่แยกออกมาพิเศษที่หาไม่ได้ในแบรนด์หลักนั้นเองครับ ทาง Blackshark ได้ทำการเปิดตัวไปในรุ่นแรกชือว่า Blackshark และเราก็ได้ทำรีวิวกันไปแล้วไม่นานเลยแค่ในเดือนเมษาปี 2018 เองครับส่วนรุ่นที่ 2 ที่เรานำมารีวิววันนี้ก็ได้เปิดตวมาในช่วงท้ายปี 2018 เรียกได้ว่าอยู่ในปีเดียวกันกับรุ่น 1 เลยก็ว่าได้ครับและมันจะมีอะไรแตกต่างน่าสนใจยังไงบ้างในรุ่นนี้ไปดูรีวิวกันก่อนได้เลยครับ
สำหรับ Blackshark รุ่นที่ 2 นี้นั้นเรียกชื่อทางการกันว่า Blackshark Helo ครับผมเป็นรุ่นที่สายต่อรุ่นแรกโดยมีจุดเด่นต่างๆที่ปรับปรุงพัฒนามามากมายครับ เด่นสุดๆคงเป็นรุ่นแรกในสมาร์ทโฟนที่มาพร้อม RAM 10GB และมาพร้อมกับ ระบบ dual pipe liquid-cooling ระบายความร้อน และ หน้าจอ Amoled ขนาด 6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ยังมีไฟ LED ในส่วนโลโก้และขอบข้างเครื่องมาให้ด้วยจัดเต็มมากๆอีกทั้งยังมี การออกแบบฝาหลงแบบกระจกสวยงามกว่าเดิม รวมถึงออกแบบจอยควบคุมใหม่ และมีมาให้ 2 ข้างในรุ่น RAM 10GB จัดเต็มเลยแหละ
สำหรับราคาแน่นอนว่ารุ่นนี้ไม่เข้าไทยแบบทางการนะครับต้องหิ้วกันมาเอง ราคามี 3 รุ่นอยู่ที่ 128 GB RAM 6GB = 16,700 128GB RAM 8GB = 18,200 ส่วนตัวเทพ 256GB RAM 10GB ยังไม่เห็นราคานะครับว่าเท่าไรตัวนี้จะได้จอยควบคุม 2 ข้างเลย
UNBOX
สำหรับตัวกล่องนั้นในรุ่นนี้ยังคงมาพร้อมกับกล่องสีดำและโลโก้เขียวเช่นเดิมครับ เอาจริงๆนั้นตัวกล่องยังคงมาพร้อมกับการออกแบบดีไซน์ที่เป็นแบบเดิมเลยแหละแต่แค่มีการใส่อุปกรณ์อะไรมาในกล่องเรียบร้อยครับไม่ต้องมีกล่องแยก
- ตัวเครื่อง Blackshark
- จอยควบคุม ข้างซ้าย
- สายแปลง Type-C – 3.5
- สายชาร์จ Type-C
- Adaptor ชาร์จ QC 3.0
- สติกเกอร์ Blackshark
- ฟิลม์กระจก
- เคส Blackshark สีดำฝาหลังใส
หน้าตาตัวเคสและฟิลม์กระจกใครที่ซื้อรุ่นนี้นั้นเรียกได้ว่าครบเลยไม่ต้องไปหาของเสริม ทั้งฟิลม์กระจกที่ใช้งานได้เลยและตัวเคสที่ดูดีขึ้นมากปกป้องได้ดีและยังรองรับการใส่จอยควบคุมทั้ง 2 ข้างด้วยสำหรับตัวเคสที่ให้มาในกล่องครับ
ตัวเคสที่ให้มานั้นหน้าตางานออกแบบวัสดุดีกว่ารุ่นแรกแบบชัดเจนครับปกป้องได้ดีขึ้นสวยงามขึ้นและแข็งแรงกว่าเแบบเดิมมากๆตัวเก่าจะเป็นแค่กรอบบางๆครับแต่ในรุ่นนี้มีความหนา เว้นเว้าและทนต่อแรงกระแทกได้ดีรวมถึงด้านหลังยังเป็นพลาสติกใสทำให้มองเห็นฝาหลังกระจกและมีความสวยงามที่มากกว่าเดิมรวมถึงด้านหน้ามีชื่อแบรนด์อยู่ด้วยครับ ออกแบบมารองรับการใส่จอยได้อย่างดี แต่เสียดายแค่ด้านหน้าไม่ค่อยปกป้องตัวหน้าจอเท่าไรนักครับ
ตัวจอยควบคุมสามารถใส่ได้โดนการสไลด์เข้าไปได้เลยครับไม่ยุ่งยากและออกแบบมาดูดีกว่าของที่ให้มาในรุ่นแรกอย่างมากใช้งานได้ค่อนข้างดีครับส่วนรายละเอียดการใช้งานจะเป็นยังไงนั้นต้องรอติดตามกันส่วนอื่นๆต่อไปได้เลย
DESIGN
การออกแบบในรุ่นนี้ยังคงการออกแบบสไตล์ที่คล้ายๆกับรุ่นเดิมไว้มากพอสมควรครับโดยเฉพาะด้านหลังซึ่งจริงๆแล้วอาจจะเป็นการออกแบบที่จะให้พวกอุปกรณ์เสริมใส่ด้วยกันได้ก็เป็นได้ครับส่วนในด้านหน้านั้นมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบพอสมควรทั้งการวางลำโพงแบบคู่หน้าการเล่นขอบสีเดียวต่างๆรวมถึงขอบจอที่บางขึ้นครับสแกนนิ้วไปอยู่ด้านหลังแทนแล้วงานประกอบน้ำหนักรวมๆทำได้ดีครับไม่หนักหรือเบาเกินไปตัวเครื่องดูสวยและเท่ไปในตัวใช้ได้เลย
ด้านหน้ามาพร้อมหน้าจอที่เต็มตามากขึ้นครับโดยเฉพาะในส่วนของขอบหน้าจอและการใส่ลำโพงคู่หน้ามาให้แล้ว หน้าจอตัวนี้มาพร้อมขนาด 6.01 นิ้วมากกว่าเดิมนิดนึงครับ 0.02 นิ้ว AMOLED FHD+ รองรับการแสดงผล HDR
ทางด้านขอบหน้าจอส่วนบนยังคงมีพื้นที่ให้วางมือนิดหน่อยครับเวลาเล่นเกมและยังมีไฟแจ้งเตือน ลำโพงคู่หน้า กล้องหน้า และ เซนเซอร์อะไรต่างๆมาให้ครบเช่นเดิม ลำโพงวางแนวยาวตามขอบด้านบนเป็นตระแกรงเนียนตาดีครับ
ส่วนทางด้านขอบล่างหน้าจอนั้นเป็นอีกจุดที่แตกต่างกับรุ่นแรก สแกนนิ้วย้ายไปด้านหลังแล้ว พื้นที่ลบน้อยลงในส่วนขอบแต่ก็พอดีกับขอบด้านบนทำได้สวยงามและไม่หนาเกินไปครับเป็นที่อยู่ของลำโพงเท่านั้นและปุ่มไปบนจอทั้งหมด
ขอบด้านบนของตัวเครื่องเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ครับเรียบๆไม่มีอะไรแต่ยังคงเป็นรูปทรงเดิมทั้งเหลี่ยมมุมต่างๆครับ และมีการเล่นสีเขียวรอบตัวเครื่องทำให้เวลาสะท้อนแสงจะค่อนข้างโดดเด่นขึ้นมาครับ
ด้านขวาของตัวเครื่องน่าจะเป็นจุดหลักๆที่แตกต่างกับรุ่นแรกเลยแหละ มีปุ่ม Power ลดเสียงอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ที่แปลกใหม่และเป็นรุ่นแรกๆที่ทำเลยก็คือการใส่ไฟตรงขอบเครื่องด้านข้างมาให้ด้วยเป็นไฟ RGB เนียนตาสวยงามครับ
และแน่นอนว่าตัวไฟมีมาให้ทั้ง 2 ข้าง บริเวณกลางเครื่องส่วนปุ่มต่างๆยังเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า และที่เห็นแถบสไลด์สีเขียวๆนั้นคือปุ่มสำหรับเข้าสู่ Sharkmode ครับเวลาจะเข้าเกมและเปิดโหมดช่วยเหลือต่างๆ และ ถาดซิม 2 ซิม ไม่รองรับการเพิ่ม Micro-SD นะครับ
ขอบด้านล่างเครื่องตัวนี้ รู 3.5 มม. หายไปแล้วตั้งแต่รุ่นแรกครับ เลยทำให้สายเกมนั้นอาจจะไม่ค่อยช่อบกันเท่าไร ส่วนช่องชาร์จ TYPE – C ตรงกลางครับ สีเขียวยันข้างในเลยทีเดียวเหมือนกับรุ่นแรกครับ
มาส่องกันที่ตัวขอบไฟกันอีกใกล่ๆไฟทำได้เนียนตาและสวยเลยแหละความสว่างใช้ได้ครับโดดเด่นสวยงามจริงๆ แต่มันจะติดแค่เป็นการแจ้งเตือน หรือจะตอนกดปุ่มเล่นเกม หรือ ตามจังหวะเพลงมากกว่าครับ ไม่สามารถเปิดเท่ๆตลอดเวลาได้ อันนี้น่าเสียดายน่าจะมีให้ตั้งเปิดตลอดเวลาน่าจะสวยงามเลยแหละแต่น่าจะสูบแบตเอาเรื่องถ้าแบบนั้น
ทางด้านหลังการออกแบบตอนเห็นภาพหลุดมันไม่สวยนะ แต่พอจริงๆมันดูดีกว่าที่คิดไว้มาก กระจกด้านหลังทำออกมาลงตัวสวยงามทั้งความเงาการเล่นลวดลายและการออกแบบ ตรงกลางเป็นโลโก้ ข้างบนเป็นกล้องคู่ พร้อมสแกนนิ่ว ส่วนโลโก้ชื่อนั้นอยู่ล่างสุดครับ ตัวขอบๆนั้นเป็นอลูมิเนียมเช่นเดิมเป็นเฟรมรอบกระจกดีไซน์ยังอิงรุ่นแรกแต่ดูดีขึ้นมาก
ตัวโลโก้ข้างหลังนั้นก็สามารถตั้งสีหรือให้มันเล่นไปหลายๆสีได้ครับ แต่ถ้าหน้าจอดับไฟก็จะดับไปด้วย ส่วนด้านข้างก็มีหลายหลอดและไฟเล่นเป็น Wave ได้สวยงามเลยแหละแต่เหมือนกันคือต้องใช้งานฟังก์ชั่นที่มันบอกไว้ถึงจะติด
มากันที่จอยควบคุมกันบ้างสำหรับรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบค่อนข้างเยอะและดูดีขึ้นมากครับ และจอยรุ่นนี้สามารถใช้กับรุ่นแรกได้ด้วยถือว่าเป็นการออกแบบที่ดีครับเคสก็สามารถใช้กับรุ่นเก่าได้ด้วย การใช้งานดีขึ้นมากครับปุ่มมาเยอะขึ้นและใช้งานได้ดีต่อการเล่นเกมอย่างมาก ปุ่มเพิ่ม 4 ปุ่มนำทางมาจากรุ่นเดิมและจับได้ดีขึ้นพอสมควร
สำหรับด้านล่างเป็นช่องชาร์จแบบ Type-C และ สวิทช์เปิด-ปิดครับ ส่วนด้านบนเป็นปุ่ม LB LT สำหรับเล่นเกม
ด้านสลักล็อคตัวนี้ทำได้ดีและใช้งานง่ายกว่าเดิมครับ เป็นแบบสไลด์ลงไปใช้งานถ้าหากนึกไม่ออกก็เสียบจอยคล้ายๆของทาง Nintendo Switch นั้นเองครับเสียบลงเข้า 2 ข้าง แต่อันนี้มีแค่ข้างเดียวครับผมล็อคค่อนข้างแน่นเอาเรื่อง
เมื่อรวมร่างก็จะได้ประมาณนี้ครับสำหรับตัวจอยควบคุมทางด้านซ้ายและตัวเครื่อง ซึ่งถ้ารุ่น RAM 10GB ก็จะเป็นจอยทั้ง 2 ข้างเลยนั้นเองครับรูปทรงอะไรเมื่อประกอบรวมร่างก็ถือว่าค่อนข้างสวยเลยแหละครับดูเท่กว่ารุ่นแรกเยอะ
ความหนาหรือการออกแบบเวลารวมร่างแล้วก็ใช้งานได้ค่อนข้างดีครับจับได้ถนัดกำลังดีและตำแหน่งใช้งานทำได้ดีเลยตอนแรกคิดว่าจะไม่ถนัดเพราะมันเล็กกว่ารุ่นแรกแต่พอใช้งานจริงๆก็ถือว่าดีกว่าเดิมและกระชับกว่าเดิมครับผม
SPEC
- หน้าจอขนาด 6.01-inch (2160 × 1080 pixels) Full HD+ OLED display, 18:9 aspect ratio, 430 nits brightness
- Qualcomm Snapdragon 845 64-bit 10nm Octa-Core Mobile Platform, Clocked at 2.8GHz, Adreno 630 GPU
- 6/8/10GB LPDDR4x RAM,
- 128/256GB (UFS 2.1) storage
- Android 8.0 (Oreo), Joy UI
- Dual SIM (nano + nano), 4G VoLTE, WiFi 802.11ac dual-band (2×2 MU-MIMO ), Bluetooth 5,
- USB Type-C
- กล้องหลัง : 12-megapixel IMX486 รูรับแสง f/1.75 1.25µm , dual-tone LED flash, กล้องตัวที่ 2 20-megapixel IMX376 1.0µm pixel size,รูรับแสง f/1.75
- กล้องหน้า : 20-megapixel, 1.0µm pixel size, รูรับแสง F2.2 IMX376
- สแกนนิ้วด้านหลัง / สแกนใบหน้า แบบ 2D
- Dual Smart PA, Hi-Fi Audio, ลำโพงคู่หน้า และ มีรู 3.5 มม.
- 4000mAh แบต , รองรับ Quick Charge 3.0
- แถบไฟด้านข้าง RGB 16.8 ล้านสี พร้อมโลโก้ตรงกลางปรับสีได้
PERFORMANCE
สำหรับการใช้งานประสิทธิภาพนั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้ยังคงใช้ Snapdragon 845 เหมือนรุ่นแรกนะครับคะแนนจึงไม่ได้หนีกันมากทำไปได้ 295173 สำหรับ Antutu และมากกว่ารุ่นแรกประมาณ 1 หมื่นนิดๆครับส่วนคะแนนในแอพอื่นๆก็ถือว่าเท่าๆเดิมไม่ได้ต่างครับเพราะ สเปคอะไรนั้นยังคงเหมือนเดิมเลยแหละหน่วยความจำใช้ UFS2.1 แรงๆเหมือนเดิมครับก็ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของ Gaming Smartphone ในยุคนี้ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้