ได้ดู The First Man ที่บ้าน เมื่อวานซืน
ถคึงแม้จะไม่คาดหวัง ว่าหนังจะชวนตื่นเต้นเหมือน Space Cowboy หรือ Apollo 13
เพราะอ่านข่าวคราวๆ คร่าวๆ ว่าหนังเน้นดราม่าเป็นหลัก
แต่...กว่า 2 ชั่วโมง ที่ดูด้วยความตั้งใจ ไม่มีวอกแวก
บอกตรงๆว่า ผู้กกำกับหนังเรื่องนี้ ล้มเหลว ไม่เป็นท่า
ตัวภาพยนตร์ มุ่งเน้นไปที่การแข่งขัน ด้านอวกาศ ระหว่าง รัสเซีย และ สหรัฐ เป็นแรงกดดัน
แต่หัวใจหลักคือ ความกดดันของ นีล อาร์มสตรอง กับภารกิจ ที่ตัวเองต้องทำ เสริมด้วยความเหินห่างกับคนในครอบครัว
ตลอดทั้งเรื่อง นำเสนอแต่ประเด็น ปัญหาจากการแข่งขัน ของ 2 มหาอำนาจ และจากตัวโครงการณ์เอง
ที่ยุคนั้น อะไรๆ ก็ดู ล้าสมัย ไร้อุปกร์ล้ำยุคที่จะช่วยให้ภารกิจ ดูน่าจะปลอดภัยและสำเร็จ
ฉากความล้มเหลว ของโครงการ อพอลโล 1 ที่พาให้เพื่อนสนิท ต้องกลายเป็นไก่ อบ ในห้องควบคุมยาน
ชวนให้หดหู่ และไร้หนทางเอาตัวรอด วึ่งหนังทำออกมาได้ดี ถึงแม้จะใช้วิธี สื่อแบบกึ่งโจ่งแจ้ง กึ่งให้คาดการเอาเอง
แต่...จากความล้มเหลว บาดเจ็บ ล้มตาย ทั้งมวล
หหนังกลับไม่ได้มาส่งเสริม สร้างความฮึกเหิม ความลิงโลด ความสำคัญ อันจะเป็นอมตะ ความภาคภูมิใจ
ให้กับใครเลยแม้ตแต่คนเดียว ในโครงการ อพอลโล 11 ที่เป็นหัวใจของเรื่อง
ผู้กำกับ ยังคงนำเสนอ แบบเนือยๆ เรื่อยๆ ไม่มีจุดพีค จุดที่ทำให้ผู่รู้สึก๔ูกดึงพุ่งพรวดขึ้นฟ้า
เหมือนจรวด แซทเทิร์น ที่พุ่งแหวกชั้นบรรยากาศโลก
การทำภารกิจ บนดวงจันทร์ ก้าวแรกของมนุษย์ชาติ ซึ่มีความสำคัญยิ่งยวด
ไม่ได่ถูกยกระดับ เติมความภาคภูมิ หยิ่งทรนง ในความสำเร็จของคนตัวเล็กๆ กับเครื่องไม้ เครื่องมือล้าหลัง ในยุคนั้น
ช่างให้ความรู้สึก ที่ต่างจากความตื่นเต้น ในชีวิตจริง ที่ผมลงไปนั่งดูก้าวแรกของมนุษย์ ที่เหยียบดวงจันทร์
ในโรงอาหาร ใต้อาคารเรียนสมัยเด็ก ที่เราตื่นเต้น ยินดี แปลกใหม่ไปกับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็น
ไม่มีการถ่ายทอดให้ดู ว่า เหล่า่นักบินอวกาศ ทำอะไรบนดวงจันทร์
ไม่การเอ่ยถึงอย่างเป็นจริง เป็นจัง กับ 2 นักบินเพื่อนร่วมทริป ที่เด่นดังไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะ บัช อัลดริน หรือ ไมเคิล คอลลิน
ไมีมีฉากที่ยานอีเกิ้ล ทะยานขึ้นจากพื้นดวงจันทร์ เข้าเชื่อมต่อ กับ ยานลูน่าโมดูล เพื่อกลับโลก
ฉากติดตาผู้คนทั้งโลก ที่ 3 นักบิน เข้าสู่บรรยากาศโลก ตกลงสู่ท้องมหาสมุทร ได้รับการช่วยเหลือ
ที่จะเรียกอะดรินาลีน หรือให้โอกาส ดนตรีในระดับ ออเคสตร้า ได้โชว์กระหึ่ม ไม่มีเลย
จนแม้แต่ฉากปิดท้าย ผู้กำกับ ก็ยังคงมึนนนน งงงง.. ระบาดมาสู่ผู้ชม
ด้วยการให้ นีล อาร์มสตรอง แค่ป้ายนิ้ว กับกระจกห้องกักโรค ให้ภรรยาดู......แค่นั้นจริงๆ
บอกตรงๆว่า พยายามดูจนจบ เพราะหวังจะเห็นฉากสำคัญที่ติดตาในวัยเด็ก และผิดหวัง
หนังเรื่องนี้ ขาดไร้ซึ่งความครบถ้วนของอารมณ์ ซึ่งโดยพล็อตเรื่อง น่าจะใส่มาได้เต็มจะนวน
หรือผม ตาไม่ถึง รสนิยม ไม่อยู่ในระดับ
The First Man หนังที่มีมิติเดียวจริงๆ
ถคึงแม้จะไม่คาดหวัง ว่าหนังจะชวนตื่นเต้นเหมือน Space Cowboy หรือ Apollo 13
เพราะอ่านข่าวคราวๆ คร่าวๆ ว่าหนังเน้นดราม่าเป็นหลัก
แต่...กว่า 2 ชั่วโมง ที่ดูด้วยความตั้งใจ ไม่มีวอกแวก
บอกตรงๆว่า ผู้กกำกับหนังเรื่องนี้ ล้มเหลว ไม่เป็นท่า
ตัวภาพยนตร์ มุ่งเน้นไปที่การแข่งขัน ด้านอวกาศ ระหว่าง รัสเซีย และ สหรัฐ เป็นแรงกดดัน
แต่หัวใจหลักคือ ความกดดันของ นีล อาร์มสตรอง กับภารกิจ ที่ตัวเองต้องทำ เสริมด้วยความเหินห่างกับคนในครอบครัว
ตลอดทั้งเรื่อง นำเสนอแต่ประเด็น ปัญหาจากการแข่งขัน ของ 2 มหาอำนาจ และจากตัวโครงการณ์เอง
ที่ยุคนั้น อะไรๆ ก็ดู ล้าสมัย ไร้อุปกร์ล้ำยุคที่จะช่วยให้ภารกิจ ดูน่าจะปลอดภัยและสำเร็จ
ฉากความล้มเหลว ของโครงการ อพอลโล 1 ที่พาให้เพื่อนสนิท ต้องกลายเป็นไก่ อบ ในห้องควบคุมยาน
ชวนให้หดหู่ และไร้หนทางเอาตัวรอด วึ่งหนังทำออกมาได้ดี ถึงแม้จะใช้วิธี สื่อแบบกึ่งโจ่งแจ้ง กึ่งให้คาดการเอาเอง
แต่...จากความล้มเหลว บาดเจ็บ ล้มตาย ทั้งมวล
หหนังกลับไม่ได้มาส่งเสริม สร้างความฮึกเหิม ความลิงโลด ความสำคัญ อันจะเป็นอมตะ ความภาคภูมิใจ
ให้กับใครเลยแม้ตแต่คนเดียว ในโครงการ อพอลโล 11 ที่เป็นหัวใจของเรื่อง
ผู้กำกับ ยังคงนำเสนอ แบบเนือยๆ เรื่อยๆ ไม่มีจุดพีค จุดที่ทำให้ผู่รู้สึก๔ูกดึงพุ่งพรวดขึ้นฟ้า
เหมือนจรวด แซทเทิร์น ที่พุ่งแหวกชั้นบรรยากาศโลก
การทำภารกิจ บนดวงจันทร์ ก้าวแรกของมนุษย์ชาติ ซึ่มีความสำคัญยิ่งยวด
ไม่ได่ถูกยกระดับ เติมความภาคภูมิ หยิ่งทรนง ในความสำเร็จของคนตัวเล็กๆ กับเครื่องไม้ เครื่องมือล้าหลัง ในยุคนั้น
ช่างให้ความรู้สึก ที่ต่างจากความตื่นเต้น ในชีวิตจริง ที่ผมลงไปนั่งดูก้าวแรกของมนุษย์ ที่เหยียบดวงจันทร์
ในโรงอาหาร ใต้อาคารเรียนสมัยเด็ก ที่เราตื่นเต้น ยินดี แปลกใหม่ไปกับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็น
ไม่มีการถ่ายทอดให้ดู ว่า เหล่า่นักบินอวกาศ ทำอะไรบนดวงจันทร์
ไม่การเอ่ยถึงอย่างเป็นจริง เป็นจัง กับ 2 นักบินเพื่อนร่วมทริป ที่เด่นดังไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะ บัช อัลดริน หรือ ไมเคิล คอลลิน
ไมีมีฉากที่ยานอีเกิ้ล ทะยานขึ้นจากพื้นดวงจันทร์ เข้าเชื่อมต่อ กับ ยานลูน่าโมดูล เพื่อกลับโลก
ฉากติดตาผู้คนทั้งโลก ที่ 3 นักบิน เข้าสู่บรรยากาศโลก ตกลงสู่ท้องมหาสมุทร ได้รับการช่วยเหลือ
ที่จะเรียกอะดรินาลีน หรือให้โอกาส ดนตรีในระดับ ออเคสตร้า ได้โชว์กระหึ่ม ไม่มีเลย
จนแม้แต่ฉากปิดท้าย ผู้กำกับ ก็ยังคงมึนนนน งงงง.. ระบาดมาสู่ผู้ชม
ด้วยการให้ นีล อาร์มสตรอง แค่ป้ายนิ้ว กับกระจกห้องกักโรค ให้ภรรยาดู......แค่นั้นจริงๆ
บอกตรงๆว่า พยายามดูจนจบ เพราะหวังจะเห็นฉากสำคัญที่ติดตาในวัยเด็ก และผิดหวัง
หนังเรื่องนี้ ขาดไร้ซึ่งความครบถ้วนของอารมณ์ ซึ่งโดยพล็อตเรื่อง น่าจะใส่มาได้เต็มจะนวน
หรือผม ตาไม่ถึง รสนิยม ไม่อยู่ในระดับ