เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมาเราพาแม่เราไปตรวจตาประจำปี ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งนึงในจังหวัดสงขลา เนื่องจากแม่เราเป็นโรคความดันและเบาหวานหมอเลยนัดตรวจตาทุกปี เรากับแม่ตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะเดินทางไปโรงพยาบาล ไปถึงโรงพยาบาลก็6โมงกว่าๆ ไปยืนรอคิวที่ห้องบัตรกว่าจะได้บัตรคิวนู้นนี่จนขึ้นไปบนตึกแผนกตา ก็ไปดำเนินการวัดความดันชั่งน้ำหนักอะไรเบื้องต้นจนเสร็จ รอจน8โมงนิดๆจนพยาบาลมาเรียกชื่อให้แม่เราไปตรงจค่าสายตาหน้าห้องหมอ แล้วไปรอเรียกคิวหยอดพวกยาขยายม่านตาแม่เราก็ทำตามขั้นตอนหมดทุกอย่าง จนมายื่นบัตรหน้าห้องตรวจรอเรียกชื่อที่หน้าห้องตรวจตอน 9โมงกว่าๆ ก็นั่งรอไปเรื่อยจนเวลาผ่านไปจนเกือบ 11โมง เราก็นั่งรอเป็นเพื่อนแม่ ก็เห็นนักศึกษาแพทย์คนนึงพาคุณพ่อมาหาหมอดูแลพ่อเขาดีมาก เรามองก็รู้สึกว่าเออดีเนอะ ลูกเรียนหมอจบมาก็คงได้ดูแลคนในครอบครัว เขาก็พาพ่อเขาไปทำนู้นนี่ตามขั้นตอน สักพักเห็นเขามายื่นบัตรหน้าห้องตรวจ เราก็เอ้ะทำไมไวจังหรือเขามาสายคนน้อยแล้วก็ไม่สนใจอะไรก็นั่งรอต่อไปจน 11โมงกว่าก็คุยกับแม่ว่าใกล้เที่ยงแล้วจะทันตรวจรอบเช้าไหมหรือจะติดไปรอบบ่าย สักแปบนึงก็เห็นนักศึกษาแพทย์คนนั้นเดินไปคุยกับพี่พยาบาลที่รอเรียกชื่อคนไข้เข้าห้องตรงจ คนไข้คนอื่นก็เริ่มคุยกันแล้วว่าอย่าบอกนะว่าจะโดนลัดคิวเรามารอหมอกันตั้งแต่เช้านะ สรุปจริงแบบที่คิด พอคนไข้ในห้องตรวจออกมาพ่อของนักศึกษาแพทย์คนนั้นก็ได้คิวเข้าห้องตรวจต่อเลยทั้งๆที่เขาเพิ่งมาอะ เราไม่เข้าใจมากว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ คนไข้คนอื่นๆก็ไม่เข้าใจเริ่มหันมาบ่นมาคุยกัน เราเลยอยากรู้ว่านักศึกษาแพทย์มีสิทธิ์พิเศษอะไรเกี่ยวกับการรักษาตรงนี้บ้าง การลัดคิวคนอื่นอยู่ในสิทธิ์การรักษาไหม เรานั่งรอตั้งแต่เช้าพยาบาลเรียกคนสูงอายุกับเด็กเล็กๆเข้าตรวจก่อนเราก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ ก็เข้าใจ แต่นี่พ่อของนักศึกษาแพทย์คนนั้นก็เป็นคนไข้ทั่วๆไปเลย แม่เราอายุ 60 กว่าแล้ว ต้องตื่นแต่เช้านั่งรอยันบ่าย กว่าจะเสร็จได้กลับบ้านเกือบ 4โมงเย็น กลับบ้านมาเท้าบวมเป้งเหมือนจะระเบิดเลยคือสงสารแม่มาก (คนเป็นเบาหวานความดันจะรู้ว่าเลือดมันจะลงไปเลี้ยงเท้าไปพอเท้าจะบวมมาก) แถมเป็นมาเป็นไข้ไปอีกสองวันด้วยซ้ำ เราคิดว่ามันควรพอได้แล้วไหมกับระบบการรักษาแบบนี้ เรารู้นะว่าเราไปรักษาโรงพยาบาลรัฐบางอย่างต้องก้มหน้ารับไป มีสิทธิ์ไรก็ใช้สิทธิ์กันไป แต่เราก็ทำตามขั้ยตอนทุกอย่างถูกต้อง มันสมควรไหมกับคนที่ก็ใช้สิทธิ์เหมือนๆเราแต่กับได้สิทธิ์ที่เหนือกว่าคนไข้รายอื่นแค่เพราะลูกเรียนหมอ