เราขอเกิ่นเลยนะคะ คือพ่อกับแม่เราเลิกกันแต่เด็กแล้วค่ะ ส่วนเราได้มาอยู่กับย่าแล้วก็ปู่เราค่ะ ซึ่งปู่เรารับราชการทหาร แต่ว่าเกษียรแล้วค่ะ ส่วนลูกของปู่ของย่าก็ทำงานราชการเกือบทุกคนค่ะ ยกเว้นพ่อหนูค่ะ พ่อหนูทำงานเอกชน ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อไม่เคยส่งตังให้เรียนเลยค่ะ มีแต่ย่ากับปู่ จนตอนนี้ปู่หนูเสียชีวิตไปแล้วค่ะ แต่ก็ยังมีย่าอยู่ค่ะ ตน ตอนนี้ หน่อย ร่ ปวช.3แล้วค่ะ อีก1เดือนเรียนจบแล้วค่ะ อ้อลืมบอกไปค่ะ ว่ามีป้าเราคนนึงก็เลี้ยงเราช่วยปู่กับย่าค่ะ ป้าเป็นพี่สาวของพ่อค่ะ รับราชการ ช่วงนี้พ่อจะส่งเงินมาช่วยบ้างค่ะ แล้วพอเราจะเรียนต่อปวส. ป้าบอกว่าจะส่งเรียน จะช่วยกันระหว่างพ่อกับป้าส่งเรียน แต่ต้องมีข้อแม้ ว่าต้องเป็นเด็กดี ตื่นเช้าทำงานบ้าน และจุดพีคอยู่ตรงนี้ค่ะ คือป้าบอกว่าห้ามมีแฟน ห้ามยุ่งกับผู้ชายห้ามโทรคุยกับผู้ชาย ซึ่งเรามีแฟนแล้วค่ะ แฟนเรียนทหารค่ะ เรียนจบพร้อมกันแต่เขาอายุมากกว่าหนู 1ปี อีก 1เดือนแฟนหนูจะเรียนจบและติดยศทำงานที่กองทัพไทยค่ะ ต่อนะค่ะ แล้วหนูบอกย่าไปแล้วค่ะ ว่ามีแฟนแฟนเรียนทหารคบกันมา จะ1ปีแล้ว ย่าก็ไม่ได้ว่าอะไรย่าก็สนับสนุนเพราะย่าอยากให้คบกับแฟนที่มีอนาคตค่ะ แต่พอเราบอกป้าป้าบอกว่าจะเรียนห้ามมีแฟนถ้ามีแฟนก็ไม่ต้องเรียน พูดอีกว่าถ้าทำแบบนี้จะไล่ออกจากบ้าน หนูก็เลยคุยกับแฟนว่า ถ้าเป็นยังงี้จะทำยังไงดี แฟนบอกว่าถ้ากลับลงไปเรียนแฟนบอกว่ารอได้เพื่ออนาคตของตัวเรา แต่ถ้าจะให้มาเลิกกันมันถูกหรอ หนูก็คิดว่าแฟนพูดถูกนะ เราอุตส่าบอกเขาไปแล้วว่ามีแฟนแล้ว จะได้อยู่ในสายตาเขาจะไม่ได้ไม่อึดอัด อ่อหนูลืมบอกไปว่าหนูเรียนที่ต่างจังหวัดนะค่ะ ส่วนแฟนอยู่ดอยเมืองค่ะ
หนูก็เลยคิดว่า ถ้าเราลงไปเรียนที่ต่างจังหวัดแต่ต้องเลิกกับแฟนและอยู่กฏของครอบครัวตลอด
กับ ไปเรียนแล้วก็ไปทำงานที่กรุงเทพอาจจะทำงานจันทร์-ศุกร์ วันเสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียน
แบบไหนจะโอเคกว่ากันค่ะ
ครอบครัวห้ามมีแฟน
หนูก็เลยคิดว่า ถ้าเราลงไปเรียนที่ต่างจังหวัดแต่ต้องเลิกกับแฟนและอยู่กฏของครอบครัวตลอด
กับ ไปเรียนแล้วก็ไปทำงานที่กรุงเทพอาจจะทำงานจันทร์-ศุกร์ วันเสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียน
แบบไหนจะโอเคกว่ากันค่ะ