เที่ยวนาโกย่า อินุยามะ กิฟุ ด้วยตัวเอง

กระทู้สนทนา
สวัสดีคะทริปนี้เป็นทริปเซอร์ไพรส์สามี  ถือเป็นของขวัญปีใหม่ และเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเราทั้งคู่
อีกตุผลหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเพราะแอร์เอเชีย เปิดไฟล์ทบินใหม่ เส้นทางใหม่ แถมปลายทางคือ “นาโกย่า” จึงไม่เป็นการยากอะไร ที่จะตัดสินใจเลือกผจญภัยที่นี่
ก่อนไป เราค้นหาข้อมูลของนาโกย่า หรือนาโงยะ โดยการซื้อหนังสือมาอ่าน
และดูตามเว็บไซด์ต่างๆ ทำให้รู้จักนาโกย่าพอสมควร ตรงนี่ขอขอบคุณเพื่อนนักเดินทางก่อนๆๆ ที่ได้รีวิวบอกเล่าการผจญภัยจ๊ะ  
นครนาโงยะ (ญี่ปุ่น: 名古屋市 นาโงยะชิ) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคชูบุ และใน 9 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัด กิฟุ · ชิซุโอะกะ · นะงะโนะ · นีงะตะ · โทะยะมะ · ฟุกุอิ · ยะมะนะชิ · อิชิกะวะ  นครนาโงยะ ประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกบนเกาะฮนชู เป็นเมืองเอกของจังหวัดไอจิและเป็นหนึ่งในเมืองท่าหลักของญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วย โตเกียว โอซากะ โคเบะ โยโกฮามะ ชิบะ และคิตะกีวชู นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของเขตมหานครที่ใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่นที่เรียกว่า แขวงมหานครชูเกียว ซึ่งมีประชากรกว่า 9.1 ล้านคน
นาโกย่า ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็งไป
โตเกียว ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที,
ไปเกียวโต ประมาณ 35 นาที
โอซาก้า ประมาณ 55 นาที
เดินทางไปยังทาคายาม่า-สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคชูบุ ด้วยรถไฟJR ใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที, เดินทางไปชิราคาวาโกะ-มรดกโลก ด้วยรถโดยสารด่วนพิเศษใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที
https://www.nagoya-info.jp/th/see/pickup
วันแรกของการเดินทาง  ขึ้นเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองเวลา 06.55 น.
ปลายทางคือสนามบิน Chu bu Centrair International Airport ประมาณ 14.20 น. ใช้เวลาเดินทางจริงประมาณ 5 ชั่วโมงหลังจากผ่านด่านศุลกากรแล้วเราก็จะไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าตัวเมืองนาโงยะกันเลยคะ เราสามารถซื้อตั๋วรถไฟของ Meitetsu ได้จากตู้อัตโนมัติหรือกับเจ้าหน้าที่
ตั๋วรถไฟ
ตั๋วรถไฟแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตั๋วที่ซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติจะเป็นตั๋วโดยสารแบบธรรมดา ค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับระยะทางที่ไปและค่าโดยสารของเด็ก (อายุ 6 – 12 ปี) จะเป็นครึ่งหนึ่งของค่าโดยสารของผู้ใหญ่ (ปัดขึ้นครั้งละ 10 เยน) ตั๋วหนึ่งใบจะใช้ได้กับผู้โดยสารหนึ่งคนเท่านั้น หากแวะลงที่สถานีอื่นตั๋วนั้นจะใช้ไม่ได้อีก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ประจําสถานี
ตั๋วโดยสารธรรมดา
1.ตั๋วเที่ยวเดียวมีอายุ 1 วันและตั๋วไปกลับมีอายุ 2 วันนับจากวันที่ซื้อตั๋ว
2.ตั๋วเที่ยวเดียวมีอายุ 1 วันและตั๋วไปกลับมีอายุ 2 วันนับจากวันที่ซื้อตั๋ว
ตั๋วรถไฟชั้นหนึ่ง (μTicket)  (μ= ตัวอักษรกรีกที่ออกเสียงว่า มิว)
รถไฟของ The μ-SKY Limited Express, Rapid Limited Express และ Limited Express มีตู้รถไฟชั้นหนึ่ง ซึ่งต้องใช้ตั๋วรถไฟและตั๋วรถไฟชั้นหนึ่งด้วย (ตั๋วนี้มีราคา 360 เยนและเรียกว่า “μTicket”)
ตั๋วจะเสียบไว้หลังเบาะเก้าอี้คนนั่งข้างหน้าเราแบบนี้คะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รถไฟมาตรวจใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงโรงแรมที่พักของเรา Daiwa Roynet Hotel Nagoya Ekimae
โรงแรมนี้อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามาก เดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงโรงแรมแล้วคะ
หลังจากพักเหนื่อยกันเรามาเริ่มผจญภัยในเมืองนาโงยะกันเลยคะ โดยเราเริ่มจากย่าน Sakae แลนด์มาร์คของนาโงยะ
การเดินทางไปย่าน Sakae เราจะไปโดยรถไฟใต้ดิน (Subway) Higashiyama Line ไปลงที่ Sakae Station ได้เลยคะ ต้องขอบอกก่อนนะคะ Subway ที่ไป ย่าน Sakae จะหมุนแบบ Clockwise ทวนเข็มนาฬิกา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว
ทางเดินจะเปลี่ยนสีได้
ขอลงรูปคู่หน่อยค่า
ก่อนเข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนก้อต้องมาทานอาหารค่ำกันก่อน ไม่ไปไหนไกลร้านอาหารญี่ปุ่นของที่พักนั่นแหละ อิ่ม อร่อยที่สุดดด
วันที่ 2 เราจะเดินทางไป Port of Nagoya Public Aquarium พิพิธภัณฑ์แอนตาร์กติก(Fuji Antarctic Museum) แต่ก่อนอื่นเราต้องเติมพลังด้วยอาหารเช้าของโรงแรมกันก่อน อาหารของโรงแรมจะแบ่งเป็น 2 คือแบบตะวันตก และแบบญี่ปุ่น
วันแรกเราเลือกอาหารญี่ปุ่น ขอบอกว่าอร่อยมากคะ (ไข่เป็ดเป็นไข่ดิบนะคะ ไม่รู้ทานกับอะไร เราเลยไม่ทาน555)
เมื่อเติมพลังกันแล้ว ได้เวลาเดินทางไปเที่ยว Port of Nagoya Public Aquarium กันแล้วคะ
การเดินทางไปที่นี่ ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ลงสถานี Sakae แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Meijo (ที่จะไป Nagoyako)
ลงสถานี Nagoyako Port) ใช้ทางออกที่ 3 คะ
บัตรค่าเข้าผู้ใหญ่ 2000 เยน
เด็กอายุ 4 ปี ขึ้นไป 500 เยน
ซึ่งเราจะซื้อตั๋วล่วงหน้าจาก Klook ราคาจะถูกกว่าซื้อที่ Aquarium  เกือบ 200 บาท เราสามารถไปรับบัตรได้ที่สนามบิน
นาโงยะขาเข้า  ออกจากด่านต.ม.ของญี่ปุ่นเดินออกมานิดนึงเราจะเห็น Counter ของ Klook เลยคะ
วันและเวลาทำการ    : 9.30-17.30 น. (ฤดูกาลปกติ), 9.30-17.00 น. (ฤดูหนาว), 9.30-20.00 น. (ช่วงโกลเด้นวีค (เทศกาลวันหยุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคมในญี่ปุ่น)
*เปิดให้เข้าจนถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลาปิด
วันหยุด    : ทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดจะหยุดวันถัดไป), ช่วงโกลเด้นวีค (เทศกาลวันหยุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคมในญี่ปุ่น), วันหยุดในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูหนาว *วันหยุดอาจมีการเปลี่ยนแปลง
น่ารักมาก
พิพิธภัณฑ์แอนตาร์กติก
จะมีการจำลองการใช้ชีวิตในเรือเหมือนของจริงมาก จนแอบกลัว5555
รูปปั้นของน้องหมาทาโร่และจิโร่ เป็นสุนัขลากเลื่อน  2 ใน  15 ตัวจากการสำรวจแอนตาร์กติกาครั้งแรกของญี่ปุ่น ดูประวัติเพิ่มของน้องหมาทั้งสอง dogs-in-history.blogspot.com/.../taro-and-jiro-antarcticas-survivors.html  ได้เลยคะ
หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองนาโกย่า การเดินทาง นั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ลงสถานี Fushimi ทางออก 5 แล้วเดินต่อไปอีกนิดนึงก็ถึงแล้วคะ
ผู้ใหญ่ ราคา 800 เยน (รวมค่าเข้าพื้นที่จัดแสดงและท้องฟ้าจำลอง) หรือ 400 เยน สำหรับเข้าชมส่วนจัดแสดง(อย่างเดียว) เด็กเข้าฟรีคะ
เปิดเวลา 9.30 น. ถึง 17.00 น. (ประตูทางเข้าปิดตอน 16.30 น.)
ปิดทุกวันจันทร์ (ถ้าวันจันทร์ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปลี่ยนเป็นวันอังคารแทน)
และทุกวันศุกร์ที่ 3 ของทุกเดือน (ถ้าวันศุกร์ที่ 3 ของเดือนนั้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปลี่ยนเป็นวันศุกร์ที่ 4 แทน)
เดินทางกลับที่พัก และหาอาหารเย็น เราไม่ไปไหนไกลเพราะร้านอาหารของที่เราพักอร่อยที่สุด
วันที่ 3 เราจะมาที่ ศาลเจ้า Atsuta และก่อนเดินทางเราต้องทานอาหารเช้าก่อน วันนี้เราเลือกแบบอาหารตะวันตก มีให้เลือกตามแบบนี้เลยคะ
หลังจากอิ่มแล้วเราจะเดินทางไปศาลเจ้าอัตสึตะจิงกู เป็นศาลเจ้าใหญ่รองจากศาลเจ้าอิเสะจิงกู สิ่งสักการะของศาลเจ้าแห่งนี้คือดาบคุซานางิ (Kusanagi-no-Tsurugi) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ประจำจักรพรรดิญี่ปุ่น และยังมีกำแพงที่โชกุนโอดะ โนบุนางะถวายให้ศาลเจ้าตามที่เคยได้อธิษฐานขอพรให้ได้รับชัยชนะในปีค.ศ 1560 ในพิพิธภัณฑ์วัดอัตสึตะ มีการจัดแสดงสิ่งของซึ่งมีประวัติความเป็นมาราว 6,000 ชิ้น การเดินทางไป นั่งรถไฟใต้ดินสาย Meijo ลงสถานี Jingu – Nishi ทางออก 2
ค่าเข้าชม อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 300เยน/ต่อคน (ผู้ใหญ่)
เวลาเปิด อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (ดาบคุซานางิ) เข้าชมได้ตั้งแต่ 9.00น.-16.30น. (ประตูปิด 16.10น.)
ส่วนศาลเจ้าเปิดให้เข้าสักการะได้ตลอด 24 ชม.
ศาลเจ้าเปิดให้เข้าสักการะได้ตลอดทั้งปี
อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ปิดให้เข้าชมในวันพุธสุดท้ายของเดือน
และปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 25-31 ธันวาคม
ไก่ในศาลเจ้า
ตอนบ่ายเราเดินทางไป Nabana no Sato ซึ่งการเดินทางไปง่ายมาก โดยขึ้นรถจาก Meitetsu Bus นั่งรถประมาณ 35 นาทีก็ไปถึงแล้ว ตั๋วรถบัสแบบไป-กลับจากนาโกย่า ราคา 1,780 เยน ตอนลงรถก็ให้ฉีกด้านขวามือใช้ก่อน ซึ่งเป็นตั๋วเส้นทาง Meitetsu Bus Center → Nabana no Sato อีกเสี้ยวก็เก็บไว้สำหรับขากลับ อย่าทำหายตอนที่ซื้อตั๋ว เจ้าหน้าที่ก็จะถามเราว่าเอาแบบเที่ยวเดียว หรือไปกลับด้วยเลย ส่วนค่าเข้าราคา 2300 เยน และจะคืนมาให้ 1000 เยน เพื่อซื้ออาหาร
เราไปถึงประมาณบ่าย 2 ก่อนจะดูไฟในตอนเย็นเราจะไปดูสวนดอกไม้สวยๆๆ กันก่อน ดอกไม้เค้าจะเปลี่ยนตามฤดูกาล
ส่วนกลางคืนก็จะเป็นมหัศจรรย์ดาวล้านดวงเลย
วันที่ 4 เราจะเดินทางไปยัง ปราสาทอินุยามะ (Inuyama)  
ปราสาทอินุยามะ (Inuyama)  ตั้งอยู่ด้านบนของเนินเขาเล็กๆที่ติดแม่น้ำคิโซ(Kiso River) ภายในเมืองอินุยามะ(Inuyama) จังหวัดไอจิ(Aichi) ปราสาทแห่งนี้นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งเมื่อมาเยือนเมืองอินุยามะแล้วไม่มาไม่ได้เลยนะคะ เพราะนับเป็น 1 ใน 12 อันดับของปราสาทดั้งเดิมในญี่ปุ่น ต่างจากที่อื่นๆที่กลายเป็นซากปรักหักพังเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและสงครามในปลายยุคศักดินาปี ค.ศ.1867 ยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ เนื่องจากนี่ที่นั้นยังติดอันดับ 1 ใน 4 ปราสาทที่กำหนดให้เป็นสมบัติของชาติ ร่วมกับอีก 3 แห่งคือ Himeji Castle, Matsumoto Castle และ Hikone Castle
ตัวปราสาทเองก็มีความเก่าแก่หลายร้อยปี โดยถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1537  ความที่ไม่ได้ถูกทำลายและยังคงมีการอนุรักษ์ดูแลอย่างดีทำให้เราจะสามารถเห็นได้ถึงสถาปัตยกรรมโบราณแท้ๆที่หาดูได้ยากมากๆในญี่ปุ่น โครงสร้างหลักทั้งหมดสร้างขึ้นด้วยไม้และก้อนหิน และตกแต่งภายในไว้อย่างสวยงาม แต่ปัจจุบันได้สร้างลิฟต์และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆเพิ่มเติม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่