สวัสดีคะทริปนี้เป็นทริปเซอร์ไพรส์สามี ถือเป็นของขวัญปีใหม่ และเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเราทั้งคู่
อีกตุผลหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเพราะแอร์เอเชีย เปิดไฟล์ทบินใหม่ เส้นทางใหม่ แถมปลายทางคือ “นาโกย่า” จึงไม่เป็นการยากอะไร ที่จะตัดสินใจเลือกผจญภัยที่นี่
ก่อนไป เราค้นหาข้อมูลของนาโกย่า หรือนาโงยะ โดยการซื้อหนังสือมาอ่าน

และดูตามเว็บไซด์ต่างๆ ทำให้รู้จักนาโกย่าพอสมควร ตรงนี่ขอขอบคุณเพื่อนนักเดินทางก่อนๆๆ ที่ได้รีวิวบอกเล่าการผจญภัยจ๊ะ
นครนาโงยะ (ญี่ปุ่น: 名古屋市 นาโงยะชิ) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคชูบุ และใน 9 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัด กิฟุ · ชิซุโอะกะ · นะงะโนะ · นีงะตะ · โทะยะมะ · ฟุกุอิ · ยะมะนะชิ · อิชิกะวะ นครนาโงยะ ประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกบนเกาะฮนชู เป็นเมืองเอกของจังหวัดไอจิและเป็นหนึ่งในเมืองท่าหลักของญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วย โตเกียว โอซากะ โคเบะ โยโกฮามะ ชิบะ และคิตะกีวชู นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของเขตมหานครที่ใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่นที่เรียกว่า แขวงมหานครชูเกียว ซึ่งมีประชากรกว่า 9.1 ล้านคน
นาโกย่า ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็งไป
โตเกียว ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที,
ไปเกียวโต ประมาณ 35 นาที
โอซาก้า ประมาณ 55 นาที
เดินทางไปยังทาคายาม่า-สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคชูบุ ด้วยรถไฟJR ใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที, เดินทางไปชิราคาวาโกะ-มรดกโลก ด้วยรถโดยสารด่วนพิเศษใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที
https://www.nagoya-info.jp/th/see/pickup
วันแรกของการเดินทาง ขึ้นเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองเวลา 06.55 น.
ปลายทางคือสนามบิน Chu bu Centrair International Airport ประมาณ 14.20 น. ใช้เวลาเดินทางจริงประมาณ 5 ชั่วโมงหลังจากผ่านด่านศุลกากรแล้วเราก็จะไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าตัวเมืองนาโงยะกันเลยคะ เราสามารถซื้อตั๋วรถไฟของ Meitetsu ได้จากตู้อัตโนมัติหรือกับเจ้าหน้าที่
ตั๋วรถไฟ
ตั๋วรถไฟแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตั๋วที่ซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติจะเป็นตั๋วโดยสารแบบธรรมดา ค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับระยะทางที่ไปและค่าโดยสารของเด็ก (อายุ 6 – 12 ปี) จะเป็นครึ่งหนึ่งของค่าโดยสารของผู้ใหญ่ (ปัดขึ้นครั้งละ 10 เยน) ตั๋วหนึ่งใบจะใช้ได้กับผู้โดยสารหนึ่งคนเท่านั้น หากแวะลงที่สถานีอื่นตั๋วนั้นจะใช้ไม่ได้อีก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ประจําสถานี
ตั๋วโดยสารธรรมดา
1.ตั๋วเที่ยวเดียวมีอายุ 1 วันและตั๋วไปกลับมีอายุ 2 วันนับจากวันที่ซื้อตั๋ว
2.ตั๋วเที่ยวเดียวมีอายุ 1 วันและตั๋วไปกลับมีอายุ 2 วันนับจากวันที่ซื้อตั๋ว
ตั๋วรถไฟชั้นหนึ่ง (μTicket) (μ= ตัวอักษรกรีกที่ออกเสียงว่า มิว)
รถไฟของ The μ-SKY Limited Express, Rapid Limited Express และ Limited Express มีตู้รถไฟชั้นหนึ่ง ซึ่งต้องใช้ตั๋วรถไฟและตั๋วรถไฟชั้นหนึ่งด้วย (ตั๋วนี้มีราคา 360 เยนและเรียกว่า “μTicket”)

ตั๋วจะเสียบไว้หลังเบาะเก้าอี้คนนั่งข้างหน้าเราแบบนี้คะ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รถไฟมาตรวจ

ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงโรงแรมที่พักของเรา Daiwa Roynet Hotel Nagoya Ekimae

โรงแรมนี้อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามาก เดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงโรงแรมแล้วคะ
หลังจากพักเหนื่อยกันเรามาเริ่มผจญภัยในเมืองนาโงยะกันเลยคะ โดยเราเริ่มจากย่าน Sakae แลนด์มาร์คของนาโงยะ
การเดินทางไปย่าน Sakae เราจะไปโดยรถไฟใต้ดิน (Subway) Higashiyama Line ไปลงที่ Sakae Station ได้เลยคะ ต้องขอบอกก่อนนะคะ Subway ที่ไป ย่าน Sakae จะหมุนแบบ Clockwise ทวนเข็มนาฬิกา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว

ทางเดินจะเปลี่ยนสีได้

ขอลงรูปคู่หน่อยค่า

ก่อนเข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนก้อต้องมาทานอาหารค่ำกันก่อน ไม่ไปไหนไกลร้านอาหารญี่ปุ่นของที่พักนั่นแหละ อิ่ม อร่อยที่สุดดด

วันที่ 2 เราจะเดินทางไป Port of Nagoya Public Aquarium พิพิธภัณฑ์แอนตาร์กติก(Fuji Antarctic Museum) แต่ก่อนอื่นเราต้องเติมพลังด้วยอาหารเช้าของโรงแรมกันก่อน อาหารของโรงแรมจะแบ่งเป็น 2 คือแบบตะวันตก และแบบญี่ปุ่น
วันแรกเราเลือกอาหารญี่ปุ่น ขอบอกว่าอร่อยมากคะ (ไข่เป็ดเป็นไข่ดิบนะคะ ไม่รู้ทานกับอะไร เราเลยไม่ทาน555)

เมื่อเติมพลังกันแล้ว ได้เวลาเดินทางไปเที่ยว Port of Nagoya Public Aquarium กันแล้วคะ
การเดินทางไปที่นี่ ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ลงสถานี Sakae แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Meijo (ที่จะไป Nagoyako)
ลงสถานี Nagoyako Port) ใช้ทางออกที่ 3 คะ
บัตรค่าเข้าผู้ใหญ่ 2000 เยน
เด็กอายุ 4 ปี ขึ้นไป 500 เยน
ซึ่งเราจะซื้อตั๋วล่วงหน้าจาก Klook ราคาจะถูกกว่าซื้อที่ Aquarium เกือบ 200 บาท เราสามารถไปรับบัตรได้ที่สนามบิน
นาโงยะขาเข้า ออกจากด่านต.ม.ของญี่ปุ่นเดินออกมานิดนึงเราจะเห็น Counter ของ Klook เลยคะ
วันและเวลาทำการ : 9.30-17.30 น. (ฤดูกาลปกติ), 9.30-17.00 น. (ฤดูหนาว), 9.30-20.00 น. (ช่วงโกลเด้นวีค (เทศกาลวันหยุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคมในญี่ปุ่น)
*เปิดให้เข้าจนถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลาปิด
วันหยุด : ทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดจะหยุดวันถัดไป), ช่วงโกลเด้นวีค (เทศกาลวันหยุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคมในญี่ปุ่น), วันหยุดในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูหนาว *วันหยุดอาจมีการเปลี่ยนแปลง

น่ารักมาก

พิพิธภัณฑ์แอนตาร์กติก

จะมีการจำลองการใช้ชีวิตในเรือเหมือนของจริงมาก จนแอบกลัว5555

รูปปั้นของน้องหมาทาโร่และจิโร่ เป็นสุนัขลากเลื่อน 2 ใน 15 ตัวจากการสำรวจแอนตาร์กติกาครั้งแรกของญี่ปุ่น ดูประวัติเพิ่มของน้องหมาทั้งสอง dogs-in-history.blogspot.com/.../taro-and-jiro-antarcticas-survivors.html ได้เลยคะ


หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองนาโกย่า การเดินทาง นั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ลงสถานี Fushimi ทางออก 5 แล้วเดินต่อไปอีกนิดนึงก็ถึงแล้วคะ
ผู้ใหญ่ ราคา 800 เยน (รวมค่าเข้าพื้นที่จัดแสดงและท้องฟ้าจำลอง) หรือ 400 เยน สำหรับเข้าชมส่วนจัดแสดง(อย่างเดียว) เด็กเข้าฟรีคะ
เปิดเวลา 9.30 น. ถึง 17.00 น. (ประตูทางเข้าปิดตอน 16.30 น.)
ปิดทุกวันจันทร์ (ถ้าวันจันทร์ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปลี่ยนเป็นวันอังคารแทน)
และทุกวันศุกร์ที่ 3 ของทุกเดือน (ถ้าวันศุกร์ที่ 3 ของเดือนนั้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปลี่ยนเป็นวันศุกร์ที่ 4 แทน)


เดินทางกลับที่พัก และหาอาหารเย็น เราไม่ไปไหนไกลเพราะร้านอาหารของที่เราพักอร่อยที่สุด

วันที่ 3 เราจะมาที่ ศาลเจ้า Atsuta และก่อนเดินทางเราต้องทานอาหารเช้าก่อน วันนี้เราเลือกแบบอาหารตะวันตก มีให้เลือกตามแบบนี้เลยคะ

หลังจากอิ่มแล้วเราจะเดินทางไปศาลเจ้าอัตสึตะจิงกู เป็นศาลเจ้าใหญ่รองจากศาลเจ้าอิเสะจิงกู สิ่งสักการะของศาลเจ้าแห่งนี้คือดาบคุซานางิ (Kusanagi-no-Tsurugi) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ประจำจักรพรรดิญี่ปุ่น และยังมีกำแพงที่โชกุนโอดะ โนบุนางะถวายให้ศาลเจ้าตามที่เคยได้อธิษฐานขอพรให้ได้รับชัยชนะในปีค.ศ 1560 ในพิพิธภัณฑ์วัดอัตสึตะ มีการจัดแสดงสิ่งของซึ่งมีประวัติความเป็นมาราว 6,000 ชิ้น การเดินทางไป นั่งรถไฟใต้ดินสาย Meijo ลงสถานี Jingu – Nishi ทางออก 2
ค่าเข้าชม อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 300เยน/ต่อคน (ผู้ใหญ่)
เวลาเปิด อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (ดาบคุซานางิ) เข้าชมได้ตั้งแต่ 9.00น.-16.30น. (ประตูปิด 16.10น.)
ส่วนศาลเจ้าเปิดให้เข้าสักการะได้ตลอด 24 ชม.
ศาลเจ้าเปิดให้เข้าสักการะได้ตลอดทั้งปี
อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ปิดให้เข้าชมในวันพุธสุดท้ายของเดือน
และปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 25-31 ธันวาคม



ไก่ในศาลเจ้า

ตอนบ่ายเราเดินทางไป Nabana no Sato ซึ่งการเดินทางไปง่ายมาก โดยขึ้นรถจาก Meitetsu Bus นั่งรถประมาณ 35 นาทีก็ไปถึงแล้ว ตั๋วรถบัสแบบไป-กลับจากนาโกย่า ราคา 1,780 เยน ตอนลงรถก็ให้ฉีกด้านขวามือใช้ก่อน ซึ่งเป็นตั๋วเส้นทาง Meitetsu Bus Center → Nabana no Sato อีกเสี้ยวก็เก็บไว้สำหรับขากลับ อย่าทำหายตอนที่ซื้อตั๋ว เจ้าหน้าที่ก็จะถามเราว่าเอาแบบเที่ยวเดียว หรือไปกลับด้วยเลย ส่วนค่าเข้าราคา 2300 เยน และจะคืนมาให้ 1000 เยน เพื่อซื้ออาหาร


เราไปถึงประมาณบ่าย 2 ก่อนจะดูไฟในตอนเย็นเราจะไปดูสวนดอกไม้สวยๆๆ กันก่อน ดอกไม้เค้าจะเปลี่ยนตามฤดูกาล


ส่วนกลางคืนก็จะเป็นมหัศจรรย์ดาวล้านดวงเลย



วันที่ 4 เราจะเดินทางไปยัง ปราสาทอินุยามะ (Inuyama)
ปราสาทอินุยามะ (Inuyama) ตั้งอยู่ด้านบนของเนินเขาเล็กๆที่ติดแม่น้ำคิโซ(Kiso River) ภายในเมืองอินุยามะ(Inuyama) จังหวัดไอจิ(Aichi) ปราสาทแห่งนี้นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งเมื่อมาเยือนเมืองอินุยามะแล้วไม่มาไม่ได้เลยนะคะ เพราะนับเป็น 1 ใน 12 อันดับของปราสาทดั้งเดิมในญี่ปุ่น ต่างจากที่อื่นๆที่กลายเป็นซากปรักหักพังเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและสงครามในปลายยุคศักดินาปี ค.ศ.1867 ยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ เนื่องจากนี่ที่นั้นยังติดอันดับ 1 ใน 4 ปราสาทที่กำหนดให้เป็นสมบัติของชาติ ร่วมกับอีก 3 แห่งคือ Himeji Castle, Matsumoto Castle และ Hikone Castle
ตัวปราสาทเองก็มีความเก่าแก่หลายร้อยปี โดยถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1537 ความที่ไม่ได้ถูกทำลายและยังคงมีการอนุรักษ์ดูแลอย่างดีทำให้เราจะสามารถเห็นได้ถึงสถาปัตยกรรมโบราณแท้ๆที่หาดูได้ยากมากๆในญี่ปุ่น โครงสร้างหลักทั้งหมดสร้างขึ้นด้วยไม้และก้อนหิน และตกแต่งภายในไว้อย่างสวยงาม แต่ปัจจุบันได้สร้างลิฟต์และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆเพิ่มเติม
เที่ยวนาโกย่า อินุยามะ กิฟุ ด้วยตัวเอง
อีกตุผลหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเพราะแอร์เอเชีย เปิดไฟล์ทบินใหม่ เส้นทางใหม่ แถมปลายทางคือ “นาโกย่า” จึงไม่เป็นการยากอะไร ที่จะตัดสินใจเลือกผจญภัยที่นี่
ก่อนไป เราค้นหาข้อมูลของนาโกย่า หรือนาโงยะ โดยการซื้อหนังสือมาอ่าน
นครนาโงยะ (ญี่ปุ่น: 名古屋市 นาโงยะชิ) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคชูบุ และใน 9 จังหวัด ประกอบด้วยจังหวัด กิฟุ · ชิซุโอะกะ · นะงะโนะ · นีงะตะ · โทะยะมะ · ฟุกุอิ · ยะมะนะชิ · อิชิกะวะ นครนาโงยะ ประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกบนเกาะฮนชู เป็นเมืองเอกของจังหวัดไอจิและเป็นหนึ่งในเมืองท่าหลักของญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วย โตเกียว โอซากะ โคเบะ โยโกฮามะ ชิบะ และคิตะกีวชู นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของเขตมหานครที่ใหญ่เป็นอันดับสามของญี่ปุ่นที่เรียกว่า แขวงมหานครชูเกียว ซึ่งมีประชากรกว่า 9.1 ล้านคน
นาโกย่า ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟชินคันเซ็งไป
โตเกียว ประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที,
ไปเกียวโต ประมาณ 35 นาที
โอซาก้า ประมาณ 55 นาที
เดินทางไปยังทาคายาม่า-สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของภูมิภาคชูบุ ด้วยรถไฟJR ใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง 20 นาที, เดินทางไปชิราคาวาโกะ-มรดกโลก ด้วยรถโดยสารด่วนพิเศษใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาที
วันแรกของการเดินทาง ขึ้นเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองเวลา 06.55 น.
ปลายทางคือสนามบิน Chu bu Centrair International Airport ประมาณ 14.20 น. ใช้เวลาเดินทางจริงประมาณ 5 ชั่วโมงหลังจากผ่านด่านศุลกากรแล้วเราก็จะไปซื้อตั๋วรถไฟเข้าตัวเมืองนาโงยะกันเลยคะ เราสามารถซื้อตั๋วรถไฟของ Meitetsu ได้จากตู้อัตโนมัติหรือกับเจ้าหน้าที่
ตั๋วรถไฟ
ตั๋วรถไฟแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตั๋วที่ซื้อจากเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติจะเป็นตั๋วโดยสารแบบธรรมดา ค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับระยะทางที่ไปและค่าโดยสารของเด็ก (อายุ 6 – 12 ปี) จะเป็นครึ่งหนึ่งของค่าโดยสารของผู้ใหญ่ (ปัดขึ้นครั้งละ 10 เยน) ตั๋วหนึ่งใบจะใช้ได้กับผู้โดยสารหนึ่งคนเท่านั้น หากแวะลงที่สถานีอื่นตั๋วนั้นจะใช้ไม่ได้อีก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่ประจําสถานี
ตั๋วโดยสารธรรมดา
1.ตั๋วเที่ยวเดียวมีอายุ 1 วันและตั๋วไปกลับมีอายุ 2 วันนับจากวันที่ซื้อตั๋ว
2.ตั๋วเที่ยวเดียวมีอายุ 1 วันและตั๋วไปกลับมีอายุ 2 วันนับจากวันที่ซื้อตั๋ว
ตั๋วรถไฟชั้นหนึ่ง (μTicket) (μ= ตัวอักษรกรีกที่ออกเสียงว่า มิว)
รถไฟของ The μ-SKY Limited Express, Rapid Limited Express และ Limited Express มีตู้รถไฟชั้นหนึ่ง ซึ่งต้องใช้ตั๋วรถไฟและตั๋วรถไฟชั้นหนึ่งด้วย (ตั๋วนี้มีราคา 360 เยนและเรียกว่า “μTicket”)
หลังจากพักเหนื่อยกันเรามาเริ่มผจญภัยในเมืองนาโงยะกันเลยคะ โดยเราเริ่มจากย่าน Sakae แลนด์มาร์คของนาโงยะ
การเดินทางไปย่าน Sakae เราจะไปโดยรถไฟใต้ดิน (Subway) Higashiyama Line ไปลงที่ Sakae Station ได้เลยคะ ต้องขอบอกก่อนนะคะ Subway ที่ไป ย่าน Sakae จะหมุนแบบ Clockwise ทวนเข็มนาฬิกา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว
วันแรกเราเลือกอาหารญี่ปุ่น ขอบอกว่าอร่อยมากคะ (ไข่เป็ดเป็นไข่ดิบนะคะ ไม่รู้ทานกับอะไร เราเลยไม่ทาน555)
การเดินทางไปที่นี่ ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ลงสถานี Sakae แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Meijo (ที่จะไป Nagoyako)
ลงสถานี Nagoyako Port) ใช้ทางออกที่ 3 คะ
บัตรค่าเข้าผู้ใหญ่ 2000 เยน
เด็กอายุ 4 ปี ขึ้นไป 500 เยน
ซึ่งเราจะซื้อตั๋วล่วงหน้าจาก Klook ราคาจะถูกกว่าซื้อที่ Aquarium เกือบ 200 บาท เราสามารถไปรับบัตรได้ที่สนามบิน
นาโงยะขาเข้า ออกจากด่านต.ม.ของญี่ปุ่นเดินออกมานิดนึงเราจะเห็น Counter ของ Klook เลยคะ
วันและเวลาทำการ : 9.30-17.30 น. (ฤดูกาลปกติ), 9.30-17.00 น. (ฤดูหนาว), 9.30-20.00 น. (ช่วงโกลเด้นวีค (เทศกาลวันหยุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคมในญี่ปุ่น)
*เปิดให้เข้าจนถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลาปิด
วันหยุด : ทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดจะหยุดวันถัดไป), ช่วงโกลเด้นวีค (เทศกาลวันหยุดช่วงต้นเดือนพฤษภาคมในญี่ปุ่น), วันหยุดในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูหนาว *วันหยุดอาจมีการเปลี่ยนแปลง
ผู้ใหญ่ ราคา 800 เยน (รวมค่าเข้าพื้นที่จัดแสดงและท้องฟ้าจำลอง) หรือ 400 เยน สำหรับเข้าชมส่วนจัดแสดง(อย่างเดียว) เด็กเข้าฟรีคะ
เปิดเวลา 9.30 น. ถึง 17.00 น. (ประตูทางเข้าปิดตอน 16.30 น.)
ปิดทุกวันจันทร์ (ถ้าวันจันทร์ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปลี่ยนเป็นวันอังคารแทน)
และทุกวันศุกร์ที่ 3 ของทุกเดือน (ถ้าวันศุกร์ที่ 3 ของเดือนนั้นตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปลี่ยนเป็นวันศุกร์ที่ 4 แทน)
ค่าเข้าชม อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 300เยน/ต่อคน (ผู้ใหญ่)
เวลาเปิด อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (ดาบคุซานางิ) เข้าชมได้ตั้งแต่ 9.00น.-16.30น. (ประตูปิด 16.10น.)
ส่วนศาลเจ้าเปิดให้เข้าสักการะได้ตลอด 24 ชม.
ศาลเจ้าเปิดให้เข้าสักการะได้ตลอดทั้งปี
อาคารเก็บรักษาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ปิดให้เข้าชมในวันพุธสุดท้ายของเดือน
และปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 25-31 ธันวาคม
ปราสาทอินุยามะ (Inuyama) ตั้งอยู่ด้านบนของเนินเขาเล็กๆที่ติดแม่น้ำคิโซ(Kiso River) ภายในเมืองอินุยามะ(Inuyama) จังหวัดไอจิ(Aichi) ปราสาทแห่งนี้นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแห่งเมื่อมาเยือนเมืองอินุยามะแล้วไม่มาไม่ได้เลยนะคะ เพราะนับเป็น 1 ใน 12 อันดับของปราสาทดั้งเดิมในญี่ปุ่น ต่างจากที่อื่นๆที่กลายเป็นซากปรักหักพังเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและสงครามในปลายยุคศักดินาปี ค.ศ.1867 ยังไม่หมดแค่นั้นค่ะ เนื่องจากนี่ที่นั้นยังติดอันดับ 1 ใน 4 ปราสาทที่กำหนดให้เป็นสมบัติของชาติ ร่วมกับอีก 3 แห่งคือ Himeji Castle, Matsumoto Castle และ Hikone Castle
ตัวปราสาทเองก็มีความเก่าแก่หลายร้อยปี โดยถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1537 ความที่ไม่ได้ถูกทำลายและยังคงมีการอนุรักษ์ดูแลอย่างดีทำให้เราจะสามารถเห็นได้ถึงสถาปัตยกรรมโบราณแท้ๆที่หาดูได้ยากมากๆในญี่ปุ่น โครงสร้างหลักทั้งหมดสร้างขึ้นด้วยไม้และก้อนหิน และตกแต่งภายในไว้อย่างสวยงาม แต่ปัจจุบันได้สร้างลิฟต์และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆเพิ่มเติม