JJNY : 5in1 แย้มพท.ร่างนโยบายเสร็จเกือบ100%/อนค.ทัวร์แดนสะตอ/แนะบิ๊กตู่กลับสู่คนกลาง/แจกเหนียวไม่แจกหน้ากาก/แม่ค้าหวยท้อ

'นพดล' แย้ม 'เพื่อไทย' ร่างนโยบายเสร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้าเป็นรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นอย่างแรก
https://www.matichon.co.th/politics/news_1336662

เมื่อวันที่ 27 มกราคม นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคพท.ร่างนโยบายเสร็จเกือบ 100% แล้ว มั่นใจว่าถ้ามีโอกาสเป็นรัฐบาล สิ่งแรกที่จะทำทันทีคือแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เร่งสร้างรายได้ให้คนทั้งประเทศ ซึ่งนโยบายที่จะนำเสนอให้พี่น้องพิจารณาก่อนเลือกตั้งจะแก้ปัญหาได้จริง ไม่เพ้อฝันและสามารถทำให้ประชาชนพ้นจากความทุกข์ยาก ทางพรรคได้ใส่ใจว่าทุกนโยบายต้องแก้ปัญหาได้ตรงจุด และจะทำได้ทันทีที่เป็นรัฐบาล โดยพรรคจะสามารถเปิดนโยบายได้ในเร็วๆนี้ เชื่อว่าประชาชนจะชอบ และเชื่อมั่นว่าเพื่อไทยเป็นพรรคที่พูดแล้วทำได้จริง

นายนพดลกล่าวอีกว่า ประเด็นเรื่องแคนดิเดทนายกฯของพรรคนั้น ไม่มีปัญหา คงจะลงตัวในไม่กี่วัน และน่าจะเป็นคนในพรรค ไม่ลำบากไปสู่ขอคนนอกพรรค และไม่ว่าจะเป็นใครเราก็จะทำงานเป็นทีม ทำตามนโยบายพรรค และจะเป็นผู้นำสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ อีกทั้งจะมีศักยภาพแข่งกับแคนดิเดทของพรรคอื่นๆได้แน่นอน ทั้งนี้ ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ เราสัมผัสได้ถึงสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ความทุกข์ในแววตาของพี่น้องประชาชน เราตระหนักว่าเรามีหน้าที่นำความหวัง นำความสุขกลับมาให้คนไทยให้ได้ นี่คือเป้าหมายของพรรค




อนาคตใหม่ทัวร์แดนสะตอ 'เลือกคนใหม่ ประเทศไทยต้องเปลี่ยน' เชื่อคนใต้เบื่อการเมืองเดิมๆ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1336730

วันที่ 27 มกราคม ที่บ้านท่าคลองน้ำเค็ม หมู่ที่ 10 ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทีมงานเดินทางลงพื้นที่เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนนับร้อย คนในเขตเลือกตั้งที่ 2 อ.ละงู โดยมีนายอิสมาแอน ขุนดำ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 และนายสวาท บินรินทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 (อดีตส.อบจ.ทั้งคู่) ให้การต้อนรับ

เพื่อชี้แจงนโยบายพรรค “เลือกคนใหม่ ประเทศไทยต้องเปลี่ยน” โดยชูประเด็นทลายเศรษฐกิจผูกขาด เกษตรก้าวหน้า ปฏิวัติการศึกษาเพื่อลูกหลาน สร้างระบบขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคน และสวัสดิการถ้วนหน้าครบวงจร รวมทั้งยุติระบบราชการรวมศูนย์

ก่อนร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเขต 2 และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “พรรคอนาคตใหม่ตั้งขึ้นมา เพื่อต้องการแก้ปัญหาด้านโครงสร้างที่ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาแบบผลัดวันประกันพุ่งหรือขอไปที โดยเล็งเห็นว่า หลายพื้นที่ต่างจังหวัดเดินหน้าไม่ได้เพราะมีการตัดสินใจจากส่วนกลางไม่เคยเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วม เช่น การประมงมีการศูนย์เสียงานและอาชีพภาคประมง ซึ่งเป็นผลมาจากรัฐบาลไปรับเงื่อนไข IUU โดยไม่ปรึกษาผู้ใช้ชีวิตตามวิถีประมงนี่คือตัวอย่าง ทำให้พรรคต้องการเข้ามาจัดการปัญหาเรื่องโครงสร้างซึ่งเป็นต้นตอของปัญหา

ปัญหาโครงการรัฐรวมศูนย์ราชการ โครงสร้างกองทัพที่แทรกแซงการเมืองตลอดเวลา โครงสร้างกลุ่มทุนผูกขาดเศรษฐกิจของประเทศ ไว้ทั้งหมด นี่คือปัญหาต้นตอทำให้พรรคเข้ามาแก้ปัญหาซึ่งจะแตกต่างจากพรรคอื่น สำหรับพื้นที่ภาคใต้ พรรคอนาคตใหม่เห็นว่าเป็นโอกาสที่สูงมากหลังพบว่าพรรคการเมืองเดิม ๆประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายต้องการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เลือกตั้งรอบนี้เชื่อว่าจะมีเซอร์ไพรส์”


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมนายอิสมาแอน ขุนดำ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 1 และนายสวาท บินรินทร์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 2 และทีมงานลงพื้นที่ตลาดนัดเทศบาลตำบลฉลุง อ.เมือง จ.สตูล เพื่อแนะนำตัว และขอโอกาสเปลี่ยนแปลงผลักดัน และขอสัญญาจะทำให้ดีที่สุดโดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ทริปทัวร์ภาคใต้รอบนี้ของพรรคอนาคตใหม่ ก่อนกกต.ทั่วประเทศจะเปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ มีโปรแกรมตระเวนทั้งหมด 5 จว. เริ่มที่พื้นที่ จ.สตูล ต่อไปยัง จ.พัทลุง ตรัง กระบี่ และสุราษฏร์ธานี




นักวิชาการ แนะ 'บิ๊กตู่'กลับสู่สถานะคนกลาง
https://www.dailynews.co.th/politics/690076

“ปริญญา” แนะ"บิ๊กตู่"กลับสู่สถานะคนกลาง ไม่รับว่าที่นายกฯ พรรคการเมือง ยก โมเดล “พล.อ.เปรม” ไม่เขียนกม.สืบทอดอำนาจ ไม่เสนอตัวเป็นนายก

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เขียนบทวิเคราะห์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว “Prinya Thaewanarumitkul” ใจความตอนหนึ่งระบุว่า สิ่งที่สื่อมวลชนและผู้ติดตามการเมืองทุกคนเฝ้าดูเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีชื่อเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดหรือไม่ ซึ่งอย่างช้าที่จะทราบกันคือวันสุดท้ายของการสมัคร ส.ส. คือวันที่ 8 ก.พ.นี้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มี่ใครรู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจอย่างไร

โดยในโพสต์ประเด็นสุดท้าย : พล.อ.ประยุทธ์ควรจะลงว่าที่นายกรัฐมนตรีหรือไม่ ระบุว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์จะลงว่าที่นายกฯ ก็จะต้องเผชิญกับคำถามมากมาย ที่ไม่มีทางทำให้คนที่ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ และแม้กระทั่งคนที่อยู่ตรงกลางเข้าใจได้ ต่อให้อยากเป็น โอกาสที่จะได้เป็นก็มีน้อย หรือถ้าเป็นได้ก็ไม่น่าจะอยู่ได้นาน โมเดลพลเอก.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 8 ปีครึ่งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่อาจจะเอามาใช้ได้ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน เพราะพล.อ.เปรมมิได้ยึดอำนาจ มิได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่คนจำนวนไม่น้อยเห็นว่า มีการสืบทอดอำนาจ และมิได้เสนอตัวเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้ง ด้วยรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2521 ที่บังคับใช้ในขณะนั้นไม่มีกติกานี้

ดังนั้น ทางเลือกที่น่าจะดีที่สุดสำหรับพล.อ.ประยุทธ์ คือถอยกลับสู่สถานะคนกลางที่ไม่มีส่วนได้เสียกับผลการเลือกตั้ง ด้วยการไม่ลงว่าที่นายกฯ คำถามและแรงกดดันในเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องมาตรา 44 เรื่องการเลือก ส.ว. เรื่องการทำหน้าที่นายกฯ และเรื่องการเลือกตั้งก็จะคลายลงไป”


ในตอนท้ายยังระบุด้วยว่า “นี่น่าจะเป็นการเมืองในระยะเปลี่ยนผ่าน 5 ปีหลังเลือกตั้ง ทั้งนี้ตามวาระของ ส.ว. ชุดแรก ที่ก็เป็นการประนีประนอมมากพอสมควรแล้ว และดังนั้น การไม่ลงเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทั้งต่อตัวพล.อ.ประยุทธ์ และต่อประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่านกลับสู่ประชาธิปไตยอีกครั้ง”

https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/2181688618541731
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่