พูลิซิช ดาวเตะแห่งค่าย “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กล่าวว่าเขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณสังเวียนบุนเดสลีกาเหลือเกินที่มอบโอกาสให้เขาได้เริ่มต้นอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย
บุนเดสลีกาขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นเวทีสำหรับนักเตะดาวรุ่งพรสวรรค์อนาคตไกล และพูลิซิชก็เป็นอีกคนที่ตอกย้ำในเรื่องนี้ เขาประเดิมสนามในบุนเดสลีกาตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2016 ด้วยวัยเพียง 17 ปี ถึงตอนนี้ดาวรุ่งชาวอเมริกันลงสนามในสีเสื้อทีมดอร์ทมุนด์ไปแล้วกว่า 100 นัด แถมติดทีมชาติสหรัฐอเมริกาชุดใหญ่ไปถึง 23 นัด
“บุนเดสลีกาคือสุดยอดเวทีที่พาผมแจ้งเกิด” พูลิซิชกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อในช่วงเข้าค่ายฝึกซ้อมกับทีมเสือเหลือง “ผมมีช่วงเวลา 5 ปีที่ยอดเยี่ยมในเยอรมนีและรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจในการตัดสินใจ(ย้ายทีม)ของผม ผมแฮปปี้มากที่จะได้เล่นจนจบซีซั่นนี้ และจะพยายามทุ่มเททุกอย่างให้กับดอร์ทมุนด์ในช่วงเวลาที่เหลือ” โดยพูลิซิชเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซีหลังจบฤดูกาลนี้
“ปีนี้อาจจะเป็นปีที่พิเศษสุดๆ”
พูลิซิชกลายเป็นนักเตะอเมริกันที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่คว้าถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์ของทวีปยุโรป หลังคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลกับดอร์ทมุนด์ในปี 2017 และเขาก็มีสิทธิ์ที่จะสร้างสถิติเพิ่มขึ้นอีกหากสามารถช่วยดอร์ทมุนด์ จ่าฝูงบนตารางลีกในขณะนี้โค่นบัลลังก์แชมป์ของบาเยิร์น มิวนิคในศึกบุนเดสลีกาที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด
“เรายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำและนี่อาจจะกลายเป็นปีที่พิเศษสุดๆ สำหรับเรา” เขากล่าวด้วยความหวังจะเป็นแข้งอเมริกันรายที่ 2 ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีกาต่อจาก ทอม ดูลีย์ ที่เคยคว้าแชมป์บุนเดสลีกากับไกเซอร์สเลาเทิร์นในปี 1991 “เราทุกคนมีความรู้สึกที่พิเศษมากว่าจะประสบความสำเร็จได้ เรามีผู้เล่นที่ใช่ ระบบที่ใช่ เราอาจจะกำลังนำจ่าฝูง แต่ก็ยังไงก็ช่าง เราจะต้องจดจ่อกับเกมเสมอ”
“ผมอยากลงเล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
พูลิซิชมีโอกาสในการลงเล่นค่อนข้างจำกัด เมื่อดอร์ทมุนด์ได้ตัว จาดอน ซานโช่ ดาวรุ่งจากแดนผู้ดีเข้ามาร่วมทีม อย่างไรก็ตามเขาก็ยังสามารถเบียดแย่งโอกาสลงเล่นได้ถึง 11 เกมในครึ่งฤดูกาลแรก ทำไป 1 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ แถมยังช่วยพาดอร์ทมุนด์ทะลุถึงรอบ 3 ในศึกเดเอฟเบ โพคาล และทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้อีกด้วย “ผมอยากลงเล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ตราบเท่าที่ยังอยู่ที่นี่” เขากล่าว “หากเรายังเล่นกันเป็นทีมได้แบบนี้ เราก็จะสามารถสานต่อฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมต่อไปได้ ฟอร์มของทีมในตอนนี้สร้างความมั่นใจให้กับเรา และเราก็สมควรที่จะอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงเช่นนี้ ผมตื่นเต้นจริงๆ”
ตอนนี้พูลิซิชก็คงจะตื่นเต้นพอๆ กับวันแรกที่เขาก้าวมาค้าแข้งในเยอรมนี เมื่อตัดสินใจเดินออกจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ และในครั้งนี้ก็จะเป็นอีกก้าวสำคัญของเขาอีกครั้ง “มันทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่แค่ในฐานะนักเตะ แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ผมได้เรียนรู้มากมาย” เขากล่าวกับอีเอสพีเอ็น “ไม่ง่ายเลยที่จะย้ายมายังยุโรปแล้วออกก้าวเดิน ผมมีความสุขจริงๆ ที่ทำได้”
หลังจากพูลิซิชออกเดินทางนำร่อง ก็มีแข้งอเมริกันรายอื่นๆ เดินตามรอยเท้าของเขามา ไม่ว่าจะเป็น เวสตัน แมคเคนนี, ไทเลอร์ อดัมส์ และจอช ซาร์เจนท์ “ผมดีใจที่พวกเขาเลือกทำอะไรเช่นเดียวกับผม เขาได้เห็นแล้วว่าผมมาที่นี่และแจ้งเกิดได้ ผมจะดีใจจริงๆ หากได้เห็นพวกเขามาและประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน ทีมชาติอเมริกากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ และเราก็กำลังมีแข้งดาวรุ่งพรสวรรค์ในบุนเดสลีกาและลีกอื่นๆ ผมคิดว่าเหล่าแฟนบอลน่าจะตื่นเต้นทีเดียว”
credit : www.siamsport.co.th
คริสเตียน พูลิซิช “บุนเดสลีกาคือสุดยอดเวทีที่พาผมแจ้งเกิด”
บุนเดสลีกาขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นเวทีสำหรับนักเตะดาวรุ่งพรสวรรค์อนาคตไกล และพูลิซิชก็เป็นอีกคนที่ตอกย้ำในเรื่องนี้ เขาประเดิมสนามในบุนเดสลีกาตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2016 ด้วยวัยเพียง 17 ปี ถึงตอนนี้ดาวรุ่งชาวอเมริกันลงสนามในสีเสื้อทีมดอร์ทมุนด์ไปแล้วกว่า 100 นัด แถมติดทีมชาติสหรัฐอเมริกาชุดใหญ่ไปถึง 23 นัด
“บุนเดสลีกาคือสุดยอดเวทีที่พาผมแจ้งเกิด” พูลิซิชกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อในช่วงเข้าค่ายฝึกซ้อมกับทีมเสือเหลือง “ผมมีช่วงเวลา 5 ปีที่ยอดเยี่ยมในเยอรมนีและรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจในการตัดสินใจ(ย้ายทีม)ของผม ผมแฮปปี้มากที่จะได้เล่นจนจบซีซั่นนี้ และจะพยายามทุ่มเททุกอย่างให้กับดอร์ทมุนด์ในช่วงเวลาที่เหลือ” โดยพูลิซิชเตรียมตัวย้ายไปอยู่กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซีหลังจบฤดูกาลนี้
“ปีนี้อาจจะเป็นปีที่พิเศษสุดๆ”
พูลิซิชกลายเป็นนักเตะอเมริกันที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่คว้าถ้วยแชมป์ระดับเมเจอร์ของทวีปยุโรป หลังคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาลกับดอร์ทมุนด์ในปี 2017 และเขาก็มีสิทธิ์ที่จะสร้างสถิติเพิ่มขึ้นอีกหากสามารถช่วยดอร์ทมุนด์ จ่าฝูงบนตารางลีกในขณะนี้โค่นบัลลังก์แชมป์ของบาเยิร์น มิวนิคในศึกบุนเดสลีกาที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด
“เรายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำและนี่อาจจะกลายเป็นปีที่พิเศษสุดๆ สำหรับเรา” เขากล่าวด้วยความหวังจะเป็นแข้งอเมริกันรายที่ 2 ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีกาต่อจาก ทอม ดูลีย์ ที่เคยคว้าแชมป์บุนเดสลีกากับไกเซอร์สเลาเทิร์นในปี 1991 “เราทุกคนมีความรู้สึกที่พิเศษมากว่าจะประสบความสำเร็จได้ เรามีผู้เล่นที่ใช่ ระบบที่ใช่ เราอาจจะกำลังนำจ่าฝูง แต่ก็ยังไงก็ช่าง เราจะต้องจดจ่อกับเกมเสมอ”
“ผมอยากลงเล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
พูลิซิชมีโอกาสในการลงเล่นค่อนข้างจำกัด เมื่อดอร์ทมุนด์ได้ตัว จาดอน ซานโช่ ดาวรุ่งจากแดนผู้ดีเข้ามาร่วมทีม อย่างไรก็ตามเขาก็ยังสามารถเบียดแย่งโอกาสลงเล่นได้ถึง 11 เกมในครึ่งฤดูกาลแรก ทำไป 1 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ แถมยังช่วยพาดอร์ทมุนด์ทะลุถึงรอบ 3 ในศึกเดเอฟเบ โพคาล และทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกยูเอฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้อีกด้วย “ผมอยากลงเล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ตราบเท่าที่ยังอยู่ที่นี่” เขากล่าว “หากเรายังเล่นกันเป็นทีมได้แบบนี้ เราก็จะสามารถสานต่อฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมต่อไปได้ ฟอร์มของทีมในตอนนี้สร้างความมั่นใจให้กับเรา และเราก็สมควรที่จะอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงเช่นนี้ ผมตื่นเต้นจริงๆ”
ตอนนี้พูลิซิชก็คงจะตื่นเต้นพอๆ กับวันแรกที่เขาก้าวมาค้าแข้งในเยอรมนี เมื่อตัดสินใจเดินออกจากคอมฟอร์ตโซนเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ และในครั้งนี้ก็จะเป็นอีกก้าวสำคัญของเขาอีกครั้ง “มันทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่แค่ในฐานะนักเตะ แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ผมได้เรียนรู้มากมาย” เขากล่าวกับอีเอสพีเอ็น “ไม่ง่ายเลยที่จะย้ายมายังยุโรปแล้วออกก้าวเดิน ผมมีความสุขจริงๆ ที่ทำได้”
หลังจากพูลิซิชออกเดินทางนำร่อง ก็มีแข้งอเมริกันรายอื่นๆ เดินตามรอยเท้าของเขามา ไม่ว่าจะเป็น เวสตัน แมคเคนนี, ไทเลอร์ อดัมส์ และจอช ซาร์เจนท์ “ผมดีใจที่พวกเขาเลือกทำอะไรเช่นเดียวกับผม เขาได้เห็นแล้วว่าผมมาที่นี่และแจ้งเกิดได้ ผมจะดีใจจริงๆ หากได้เห็นพวกเขามาและประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน ทีมชาติอเมริกากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ และเราก็กำลังมีแข้งดาวรุ่งพรสวรรค์ในบุนเดสลีกาและลีกอื่นๆ ผมคิดว่าเหล่าแฟนบอลน่าจะตื่นเต้นทีเดียว”
credit : www.siamsport.co.th