อยู่ๆก็ฝันถึงแม่ที่เสียไปเป็นสิบปี ทั้งที่ไม่เคยฝันมาก่อน

สวัสดีค่ะ เข้าเรื่องเลยนะคะ พอดีเรารู้สึกแปลกใจเรื่องความฝัน ย่อนกลับไปเดือนก่อนช่วง ปลายๆเดือนธันวา พี่ชายเราป่วย อาการหนัก ต้องรักษาตัวอยู่ ICU ผู้ป่วยอาการหนัก น่าจะสองอาทิตย์กว่าๆได้ เราขับรถไปกลับ ลำพูน-เชียงใหม่ ทุกวัน เพราะเราห่วงเค้า ไม่เราเค้าก็ไม่มีใครไปดูแล เพราะญาติพี่น้องอยู่ไกลกันมาก เค้าไม่มีครอบครัวไม่มีลูกเมีย จะมีก็แค่เราเองที่เค้าเลี้ยงเรามา จะเรียกเราว่าลูกตลอด เราก็เรียกเค้าว่าพ่อ ตั้งแต่เด็กๆ จนมีความผูกพันกันมาก พอเค้าป่วยหนัก ยอมรับว่าพยายามคิดและยอมรับไว้แล้ว แต่ช่วงนั้นสภาพจิตใจแย่มากแต่แสดงออกไม่ได้เราก็ต้องเข้มแข็งให้เค้าเห็นและสู้ไปด้วยกัน เราพยายามไปหาทุกวัน ถึงแม้จะไม่มีเวลาเข้าเยี่ยมเยอะ จนวันนึงถึงเวลาเข้านอน คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ สวดมนต์ไหว้พระแผ่เมตตา หลายบทมาก ก่อนจะนอน เพราะเป็นห่วงพี่ชาย อยากอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของเค้าด้วย ไม่รู้ว่าถูกวิธีมั้ย แต่ทำแล้วสบายใจ เสร็จก็นอนหลับ จนฝัน ฝันเห็นแม่ตัวเองที่เสียไปตั้งแต่เรายังเด็ก สิบ ยี่สิบปีได้ ต้องบอกก่อนว่าหลังที่แม่เสียเราไม่เคยฝันเห็นแม่เลย ในความฝันนั้น เห็นภาพที่แม่ลุกมานั่งในโรงศพ ที่เหมือนกำลังจะเตรียมทำพิธีอะไรสักอย่าง มีพยาบาลเต็มไปหมด เหมือนกำลังช่วยกันปฐมพยาบาลกันอยู่ จนเราเดินเข้าไป แม่ได้พูดมาว่า “ แม่ตื่นแล้วนะ แม่ไม่ได้เป็นอะไร แม่หลับไปนานเลยเนอะไม่เจอกันนานเลย” เราได้แค่นั่งฟัง และงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็จบไป ตื่นเช้ามาก็มานั่งคิดทบทวนว่า ความฝันนี่บ่งบอกถึงอะไร เพระคิดว่ามันแปลกเราไม่เคยฝันถึงแม่เลยอยู่ๆก็ฝันถึง กลายเป็นว่าคิดมากจนคิดว่ามันจะเกี่ยวกับพี่ชายเรามั้ย เพราะพี่ก็อาการไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่  ช่วงเย็นเลิกงานก็ไปหาพี่ที่โรงพยาบาลปกติ แต่วันนี้พี่มีแาการแปลกไป คือ มองลอกแลก กรอกตามมองไปมาๆ มองบนเพดานบ้างอยู่ๆก็ฟึ้บมองไปปลายเตียง มองตามไปรอบๆ วันนั้นเราก็พยายามมองตามที่เค้ามอง ก็ไม่มีอะไร เราคิดว่าเค้าคงมองหาวิธีการที่จะพยายามดึงสายอ๊อกซิเจนออก มีขยับปากพูดเองพูดชนิดแบบคิ้วชนกัน เราก็ถาม “ เป็นอะไร คิดจะทำอะไร พ่อ(พี่ชาย)ไม่ต้องเครียดไม่ต้องกังวลนะทำใจให้สบายๆ) วันถัดมาก็ยังเป็นอยู่ พอหมดเวลาเยี่ยมกลับจับมือเราไว้แน่นไม่ยอมให้เรากลับจนเลยเวลามาเป็นครึ่งชั่วโมง หมอมาตรวจถึงยอมให้เรากลับ อาการแบบนี้เป็นอยู่ 3 วัน วันที่ 3 เราตัดสินใจ ถามเลยว่า “พ่อคุยกับใครหรอ คุยคนเดียวหรอ เค้าก็ส่ายหัว ถามต่อว่า คุยกับลูกหรอ(หมายถึงเรา) ก็ส่ายหัว ละพ่อคุยกับใคร คุยกับแม่หรอ สรุปคือ พยักหน้า เราก็ชื่อแม่เราไปว่าใช่หรอ แม่มาหาหรอ เค้าก็พยักหน้า เลยถามไปว่าฝันรึป่าว ส่ายหัวกลับมา ว่าไม่ได้ฝัน” อาการวันนั้นจนทำให้เราเองก็กลัว จนหยุดคิดไม่ได้ว่าความฝันกับเรื่องนี้มันจะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกัน ก็เหมือนจะมีอาการบอกแลกตาพูดจริงจังจนคิ้วชนกันเป็นแบบนี้อยู่ 3 วัน จากนั้นผ่านไปสองสามวันหมอก็ได้ย้ายออกจาก icu ไปอยู่ห้องรวมธรรมดา เราก็เหมือนว่าโล่งใจ อาการคงดีขึ้นแล้วล่ะ สภาพร่างกายโดยรวมภายนอกก็ดีแข็งแรง มีสติรับรู้ รู้เรื่องทุกอย่างเวลาคุย ก็เลยลองถามย้ำอีกทีว่าแม่มาหาจริงหรอ ก็ยืนยัน พยักหน้าเหมือนเดิม ก็คิดว่าคงไม่มีไรแล้วล่ะ วันที่สองหรือสามถ้าจำไม่ผิด ของห้องธรรมดา วันนั้นเราไปรอบเที่ยง ไปถึงพี่เราดูมอมแมมมาก บอกร้อน ไม่มีใครเปลี่ยนชุดให้เลยใส่ชุดเปื้อนเลือดเหมือนเดิม เราเลยไปซื้อผ้าขนหนู ซื้อทิชชู่เปียก มาเช็ดตัว เช็ดหน้าเปลี่ยนเสื้อให้ เราถามไปว่าสบายตัวขึ้นมั้ย เค้าก็พยักหน้า หลังจากเรียบร้อยก็คุยให้กำลังใจเหมือนๆทุกครั้งและก็บอกว่าต้องกลับก่อน เค้าก็เหมือนยังไม่อยากให้เรากลับ มองตามจนเราออกห้องนั้นมา ก็อยากจะอยู่ดูแลต่อแต่เราก็ต้องกลับไปทำธุระของตัวเองด้วย กลับบ้านปกติ แต่ในวันนั้นและคืนนั้น มีเบอร์โทรของโรงพยาบาล โทรเข้ามา เราใจสั่นมือไม้สั่นไปหมด ปลายสายได้พูดมาว่า ตอนนี้พ่อ(พี่ชาย)หัวใจได้หยุดเต้นฉับพลัน เนื่องจากอาการเดิมนั้นกลับมา ฉันพูดไม่ออก เจ็บ สั่น บอกไม่ถูก อยากร้องไห้ดังๆ มีเพียงแค่น้ำตาไหลลงมา ฟังเสียงหมอที่พูดๆมา เหมือนมันเงียบดับไปแต่ก็พยายามมีสติ (สาเหตุของหัวใจหยุดเต้นฉับพลันนี้เราได้เซ็นยินยอมไปว่าไม่ทำการใช้เครื่องปั๊มหัวใจอีก เพราะก่อนหน้านี้เกิดหัวใจหยุดเต้นมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3)  พี่ชายที่เราเรียกว่าพ่อก็ต้องจากไปแล้วจริงๆ และยังคงค้างคากับความฝัน นับได้ 9 วัน เพียงแค่9 วันเค้าก็ต้องจากไป จึงคิดว่าฝันวันนั้นเกี่ยวกันมั้ย หรือนั่นคือแม่ที่กำลังสื่อว่าจะมารอรับพี่ไปแล้วนะ 😢 ยาวหน่อยนะคะ อยากฟังความคิดเห็นในหลายๆด้าน เพื่อความสบายใจ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่