อี้ ก้วน เต้า...ก้าวสู่ชีวิตใหม่ด้วยใจฟ้า!!


          คณะวิจัยทางวัฒนธรรม สถาบันสังคมศาสตร์จีน ได้เดินทางมาศึกษาวิจัยการเผยแพร่ “อนุตรธรรม”หรือ “อี้ ก้วน เต้า” เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 โดยมูลนิธิเทิดพระคุณ ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นตัวแทนของไทยให้การต้อนรับ
          “อี้ ก้วน เต้า” เกิดขึ้นที่จีนแผ่นดินใหญ่ เป็นการนำเอาจุดแข็งของ 3 ศาสนา พุทธ(มหายาน) ปราชญ์ และเต๋า เข้าผสมผสานกันอย่างลงตัว และเพิ่ม “การถ่ายทอดวิถีธรรมอย่างกว้างขวาง”ตามบัญชาฟ้า ที่เมตตาปกป้องโลกให้พ้นมหันตภัยได้ทันเวลา  “อี้ ก้วน เต้า”จึงเป็นวิถีธรรมที่เหมาะสมกับยุคสมัยมากที่สุด ที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน ใช้เวลาเพียง 11 ปี ก็แผ่กระจายครอบคลุมจีนแผ่นดินใหญ่ไว้ทั้งหมด ต่อมาจีนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่  “อี้ ก้วน เต้า” จึงได้อพยพหลบลี้หนีภัยไปไต้หวัน แล้วข้ามน้ำข้ามทะเลไปทั้งสี่ทิศ เข้าครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 80 ประเทศ แต่ก็ได้เจริญรุ่งเรืองสุดขีดบนผืนแผ่นดินไทยในเวลาเพียง 30-40 ปี  มิใช่เรื่องแปลก แม้แต่วัฒนธรรมอินเดีย ก็เคยเข้ามารุ่งเรืองเฟื่องฟูจนทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลกไปแล้ว  จึงเป็นธรรมดาที่ “อี้ ก้วน เต้า” ได้เข้ามาขยับขยายใหญ่โตมั่นคงเป็นปึกแผ่นบนผืนแผ่นดินไทยในเวลาสั้น ๆ  เพราะคนไทยนับถือศาสนาพุทธเป็นพื้นฐาน มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล ทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทำนุบำรุงพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
          การเดินทางมาทำการศึกษาวิจัยวัฒนธรรม “อี้ ก้วน เต้า”ในครั้งนี้ ใช้ทีมวิจัยหลายสิบคน ซึ่งในจำนวนนี้มีอาจารย์ทรงคุณวุฒิระดับศาสตราจารย์ถึง 4 คน ถือได้ว่ารัฐบาลจีนให้ความสำคัญต่อ “อี้ ก้วน เต้า”อย่างยิ่ง   “อี้ ก้วน เต้า”แม้เคยถูกกวาดล้างให้สิ้นซากด้วยเหตุผลทางการเมือง ใครกินเจถูกยิงเป้า ซือหมู่ผู้เป็นเสาหลักในขณะนั้นยอมสละชีวิตเป็นตัวประกัน เพื่อให้ผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ทั้งหมดได้หลบหนีไป  “เกิด-ดับ”คือสิ่งเดียวกัน เหมือนเหรียญมี 2 ด้าน ดับเมื่อใด เกิดใหม่ทันที  ซือหมู่ดับชีวิตด้วยการถูกยิงเป้า จึงทำให้ “อี้ ก้วน เต้า”ระเบิดเป็นพลุแตก เปล่งประกายเจิดจ้าเต็มท้องฟ้า กระจัดกระจายไปทั่วโลก และกำลังจะเดินทางย้อนกลับสู่มาตุภูมิอีกครั้ง   รัฐบาลจีนมองการณ์ไกล จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลกได้ต่อเมื่อมีเหตุปัจจัยเกื้อหนุน ลำพังพลังทางเศรษฐกิจที่จีนเป็นต่ออยู่นี้หาเพียงพอไม่ แม้ว่า สหรัฐฯกำลังอยู่ในช่วงขาลงก็ตาม สหรัฐฯพัฒนาการศึกษาและเทคโนโลยีถึงขีดสุดแล้ว ทว่าสหรัฐฯกลับแค่ประคับประคองประเทศให้อยู่ได้ไปวัน ๆ หลังจากที่ได้เกิด Hamberger Crisis ขึ้นที่สหรัฐฯแล้วกระจายไปทั่วโลก ผ่านไปนานกว่า 10 ปีแล้วก็ตาม การศึกษาและเทคโนโลยีกลับช่วยอะไรไม่ได้  การศึกษาและเทคโนโลยีจึงมิใช่ปัจจัยชี้ขาดของผู้นำโลกอีกต่อไป  จีนจึงพุ่งเป้าไปที่“อี้ ก้วน เต้า”ที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งอยู่บนพื้นแผ่นดินไทย  แน่นอน คนไทยที่ได้ฝึกฝน “อี้ ก้วน เต้า”จนเชี่ยวชาญ[Highly-Trained Candidate]อยู่ในระดับแนวหน้า ก็จะมีโอกาสได้ทำงานนี้  จีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำของโลกวันใด “อี้ ก้วน เต้า”ก็กลายเป็น “หนึ่งเดียวในโลก”เช่นกัน  จีนจะได้เป็นผู้นำ “ทางโลก” แต่ไทยจะได้เป็นผู้นำ “ทางธรรม”  จีนและไทยจะกลายเป็นแพ็คคู่ผู้นำสันติภาพมาสู่โลกในอนาคต  ทำงานร่วมกับฟ้าวันนี้ เกิดบุญกุศลยิ่งใหญ่ เพียงแต่ “คน”มีใจ “ฟ้า”ย่อมจัดให้เต็ม ๆ
          เราคนไทย เกิดบนผืนแผ่นดินไทย มีความภาคภูมิใจอย่างที่สุด ที่แผ่นดินไทยกลายเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่วัฒนธรรมใหม่ในชื่อ “อี้ ก้วน เต้า”  ทั้งนี้เพราะเราได้รวมเอาวิถีธรรมเก่าซึ่งฝังลึกลงในสายเลือดและวิถีธรรมใหม่ให้เข้ากันอย่างกลมกลืน  เราไม่เสียใจ แม้ว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่อินเดีย แต่ศาสนาพุทธก็เข้ามาเจริญรุ่งเรื่องบนผืนแผ่นดินไทย เข้ามาเนิ่นนานปานใดก็สุดจะกล่าว จนเราคิดไปว่า พระพุทธเจ้าก็คือบรรพบุรุษไทยไปแล้ว  เราไม่เสียใจ แม้ “อี้ ก้วน เต้า”เกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ “อี้ ก้วน เต้า”ซึ่งก้าวผ่านอุปสรรคขวากหนามแทบเอาตัวไม่รอด จึงกล้าแกร่งดั่งเพชรเม็ดงามที่ผ่านการเจียระไนจากช่างฝีมือเลิศ ก็เข้ามาเติบโตอย่างรวดเร็วล้ำหน้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านบนผืนแผ่นดินไทยอีกเช่นกัน เพราะเรารู้จักประยุกต์ของเก่าเก็บแต่เข้มขลังกับของใหม่สดใสดั่งเพชรเม็ดงามให้กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่แบบไทย ๆ ที่สมควรเรียกว่า “ของขลังฝังเพชร”โดยแท้  เรากราบสำนึกในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณด้วยชีวิตและจิตใจ จึงมีผู้บำเพ็ญสำเร็จเป็นพระอรหันต์บนผืนแผ่นดินไทยมากที่สุดในโลก ขณะเดียวกันเราก็กราบไหว้เทิดทูนบูชาพระบรรพจารย์ พระพุทธะจี้กง พระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านไป๋ สุ่ย เซิ่ง ตี้  ด้วยชีวิตและจิตใจเช่นกัน ท่านหลีเหล่าเตี่ยน ฉวน ซือ อายุ 104 ปีเป็นเสาหลักอยู่ที่ไต้หวัน อาจารย์วังเตี่ยน ฉวน ซือ อายุมากกว่า 80 ปี เดินทางไปทั่วโลก ถึงกระนั้น เราลูกหลานไทยก็ไม่ลืมกราบสำนึกในการเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของบรรพชนไทยทุกพระองค์ทุกท่าน ที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทยและรักษามรดกทางวัฒนธรรมไว้ให้ลูกหลาน   เลือดทุกหยด น้ำตาทุกหยด และเหงื่อทุกหยดของท่านเหล่านั้น ได้หล่อหลวมความเป็นไทยที่ไม่เหมือนชนชาติใดในโลกเอาไว้อย่างมั่นคง  ไม่ว่าพายุร้ายเคยโหมกระหน่ำโลกใบนี้มาแล้วกี่ครั้งกี่หน แต่ชนชาติไทยก็ยังฟันฝ่ามาได้ทุกครั้ง  เราลูกหลานไทยจึงต้องแบกรับภารกิจอันทรงเกียรติและยิ่งใหญ่นี้ต่อไป ให้อนุชนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์และส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง ชนชาติไทยต้องอยู่คู่ฟ้าดิน หากโลกใบนี้ต้องถึงกาลวิบัติ ชนชาติไทยจะเป็นชาติสุดท้ายที่แตกดับไปกับโลกใบนี้
          การปกป้องผืนแผ่นดินไทยและการดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมไทย เป็นภารหน้าที่อันสำคัญยิ่งก็จริง แต่ก็ยังมีภารหน้าที่ที่สำคัญกว่ารอคอยอยู่ แผ่นดินไทยเคยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาแห่งโลก และขณะนี้แผ่นดินไทยก็กำลังแบกรับภารกิจร่วมกับฟ้าในการเผยแพร่วัฒนธรรม “อี้ ก้วน เต้า”แบบไทย ๆ ให้เข้าถึงทุกครัวเรือน ทั่วทุกมุมโลก  ฉุดช่วยพี่น้องเวไนยที่กำลังเผชิญมหันตภัยใกล้ตัว กาลฟ้าคับขันต้องเร่งรีบทำงานแข่งกับเวลา เร่งรีบแยกหยกที่หมกอยู่กับหิน เร่งรีบคัดกรองคนดีที่มีอยู่ในหมู่คนเลว เร่งรีบบ่มเพาะ “เมล็ดพันธุ์บุญ”เก็บไว้ใช้ในอนาคตกาล นั่นคือ ยุคพระศรีอารียเมตไตรย ทรงมีมหาปณิธานแปรเปลี่ยนโลกเป็นดินแดนดอกบัวบาน ปลูกดอกบัวท่ามกลางกองเพลิงแห่งกิเลสตัณหา นำพาสันติภาพกลับคืนสู่โลกดังเดิม พระองค์คือพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในกัปป์นี้ แล้วเว้นวรรคอีกยาวนานปานใดยังไร้คำตอบ เมื่อสิ้นธรรมกาลยุคของพระองค์ มนุษย์จะถูกเก็บ ต่อมาแผ่นดินและแผ่นฟ้าก็จะถูกเก็บ เทวดาและพระพรหมที่สิ้นบุญแล้วก็หมดโอกาสลงไปเกิดเป็นมนุษย์อย่างที่เคยทำ มีหนทางเดียวคือลงสู่นรกภูมิอย่างแน่นอน อยู่ที่นั่นยาวนานปานใดยังไร้คำตอบ จะโทษใครได้ ในเมื่อในนรกไม่มีโอกาสได้สร้างบุญกุศลหรือบำเพ็ญธรรม  นี่คือข่าวดี สำหรับท่านทั้งหลายที่ได้ทุ่มเทสุดกำลัง แต่ก็ยังไม่สำเร็จมรรคผลสักที พึงตระหนักสำเหนียกให้จงดี จงเร่งรีบจับสายทองแห่งมหาธรรมตามโองการฟ้า บุญกุศลเดิม ๆ ที่เคยทำมาหาเพียงพอไม่  นี่คือโอกาสสุดท้าย ชักช้าจักต้องเสียใจ เมื่อมหันตภัยใกล้เข้ามา
          นี่มิใช่มาขู่ให้กลัว แต่มันได้เกิดขึ้นแล้ว กำลังกระจายไปทั่วโลก  เศรษฐกิจทรุดตัวแก้อย่างไรก็ไม่กระเตื้อง ยาเสพติดแพร่ระบาด  ภัยธรรมชาติทำลายล้างครั้งละนับร้อยนับพันนับหมื่นชีวิต ฟ้าดินวิปริตผิดจากเดิม ที่เคยร้อนก็ไม่ร้อน ที่เคยหนาวก็ไม่หนาว เจ็บป่วยรักษาไม่หายตายผ่อนส่งคนไข้ล้นโรงพยาบาล เกิดโรคประหลาดร้ายแรงระบาด ซ้ำ ๆ  สงครามก่อการร้ายไร้วี่แววยุติ  ล่าสุด “เกมส์วัดใจ”เงื่อนไขปลดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือ เท่าที่รู้มามันรุนแรงกว่าที่เคยถล่มญี่ปุ่นหลายเท่า ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่จะหลบหลีกให้พ้นได้อย่างไร ถ้ายังไม่กราบรับ “วิถีธรรม”  
          ทั้งหมดนี้คือ การกวาดล้างความอำมหิตผิดบาปให้สูญสิ้นไปจากโลก คืนความสะอาด สว่าง สงบให้แก่โลกดังเดิม เพื่อให้ “เมล็ดพันธุ์บุญ”ที่ได้คัดสรรไว้แล้ว ได้อยู่อย่างสงบร่มเย็น สามารถบำเพ็ญธรรมอย่างราบรื่นจนสำเร็จมรรคผลต่อไป  ผู้ที่ตั้งอกตั้งใจบำเพ็ญธรรม สวรรค์นั้นมีตา ฟ้าจักปกป้องคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัย  หากยังไม่สำเร็จธรรมในชาตินี้ก็ไม่ต้องตกอกตกใจ เมื่อได้ตีตราประทับไว้บนใบหน้าแล้ว  ถึงอย่างไร ก็จะต้องไปเกิดในยุคพระศรีอารียเมตไตรยในอนาคตกาลอย่างแน่นอน
          เมื่อแยกย่อยโลกลงไป ก็ได้ประเทศ สังคม ชุมชน และท้ายสุดก็คือ ครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุด แต่ก็น่าใจหายที่พบว่า ครอบครัวแตกร้าวไร้ไออุ่น วัยรุ่นถึงทางตัน สามี-ภรรยา พ่อแม่-ลูก พี่-น้อง ต่างหลงลืมละเลยบทบาทหน้าที่ที่มีต่อกัน
          “อี้ ก้วน เต้า”จึงย่างก้าวเข้าสู่ครัวเรือน ใช้มหาธรรมเสมือนน้ำดับไฟกิเลสตัณหาซึ่งนำพาภัยพิบัติ บำเพ็ญธรรมในวันนี้ ไม่ต้องออกบวช เพราะพ้นยุคพ้นสมัยไปแล้ว เดี๋ยวนี้เขาส่งเฟส(บุ๊ก)เล่นไลน์เลิกใช้นกสื่อสารไปนานแล้ว ให้บำเพ็ญอยู่ภายในบ้าน แต่ผลรับเท่ากัน ทว่าสะดวกสบายกว่า  เริ่มจากฟื้นฟูบทบาทหน้าที่ภายในครอบครัวให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้นำครอบครัวคือเสาหลัก อาศัยหลัก อู่ หลุน ปา เต๋อ (คุณสัมพันธ์ห้า,คุณธรรมแปด) สามีปกป้องคุ้มครองภรรยา พ่อลูกผูกพัน พี่น้องปรองดอง เพื่อนพ้องมีสัจจะ เจ้านายเอื้ออาทรและเป็นธรรมกับลูกน้อง มุ่งเน้นกตัญญู รู้คุณ ให้ถึงที่สุด จงรักภักดี มีความสุจริตต่อกัน และละอายต่อบาป เมื่อออกจากครอบครัวเข้าสู่ชุมชนและสังคม ก็ใช้หลักคุณธรรมพื้นฐานห้า กล่าวคือ เมตตา มโนธรรม จริยะ สัจจะ และปัญญา ซึ่งคล้าย ๆ ศีลห้า แต่กว้างกว่าและลึกกว่า ส่วนผู้ที่ปรารถนาสำเร็จมรรคผลนิพพานภายในชาตินี้ชาติสุดท้าย ก็ต้องผ่านกระบวนการทดสอบเคี่ยวกรำบำเพ็ญบ่มเพาะทางจิตจากฟ้าเป็นระยะเป็นขั้นเป็นตอน ท้ายสุดต้องปล่อยวางทางโลกอย่างสิ้นเชิง จนดวงจิตประภัสสร พิสุทธิ์ผ่องใสไร้กิเลสตัณหา ตามหลัก “ความว่างเปล่า”ของพระพุทธเจ้า นั่นเอง
          สำหรับพระภิกษุและสามเณร ก็ไม่ต้องลาสิกขา เมื่อรับ “วิถีธรรม”แล้วก็บำเพ็ญต่อไปภายในวัดก็จะสำเร็จมรรคผลโดยง่าย นิพพานอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม ชีวิตจะเปลี่ยนไป อะไร อะไร ก็ง่ายกว่าเดิม  
          ขอโทษที!!  ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม  นักบวชที่มิใช่ “สุปฏิปันโน”แค่ฝากปากท้องไว้กับผ้าเหลืองแล้วแสวงหาลาภสักการะ ห้ามเข้ามาเด็ดขาด
          อาจารย์หัน เตี่ยน ฉวน ซือ คือคนไทยคนแรกที่สำเร็จมรรคผลกลับคืนฟ้าเบื้องบน ใช้เวลาสั้น ๆ ในการบำเพ็ญ เพียง 8 ปีก็สำเร็จธรรม การด่วนกลับคืนฟ้ากระทันหัน เป็นพลังผลักดันให้อาณาจักรธรรมในไทยเติบโตไปอย่างก้าวกระโดด ท่านได้รับอริยฐานะจากพระแม่องค์ธรรมเป็น “เหวิน เต๋อ เซียน จวิน”  
         ใช่ครับ!!  นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”ที่สามารถตอบโจทย์ครบถ้วนตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงนิพพานได้   นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”ที่เป็นแบบไทย ๆ เปรียบได้ดั่ง “ของขลังฝังเพชร”   นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”สำหรับผู้บำเพ็ญยุคใหม่ ในยุคท้ายปลายกัปป์   นี่คือ “อี้ ก้วน เต้า”ที่จะฉุดช่วยพี่น้องเวไนยทุกคน ทุกครัวเรือน ทุกมุมโลก ให้กลับคืนนิพพานบ้านเดิม
          เมื่อครอบครัวอบอุ่น วัยรุ่นอยู่ติดบ้าน สังคมก็สงบปลอดภัยไร้โจรขโมย ประเทศชาติก็มั่งคั่งมั่นคง ท้ายสุดโลกก็เกิดสันติภาพตามมา วันเวลานั้นมาถึงเมื่อใด ก็ถือได้ว่า ภารกิจของ “อี้ ก้วน เต้า”ได้สำเร็จลุล่วงตามเจตนารมณ์แห่งฟ้า
          ขอเน้นย้ำว่า นี่ไม่ใช่ศาสนา ไม่ใช่ลัทธิ แต่เป็น “วิถีธรรม”แบบเดียวกับที่พระพุทธเจ้าได้ถ่ายทอดจากจิตสู่จิต ให้แก่พระมหากัสสปะในการประชุมธรรมที่ภูเขาคิชฌกูฎ(มหายาน)  ในอดีตนั้น การถ่ายทอดวิถีธรรมทำได้เพียงครั้งละหนึ่งต่อหนึ่งซึ่งถือว่าน้อยมาก  แต่บัดนี้ ฟ้าเมตตาปกโปรดอย่างกว้างขวาง เพื่อรีบเร่งดึงคนดีมีรากบุญออกจากหมู่คนบาปที่ถูกสาปให้ต้องตกเป็นเหยื่อของภัยพิบัติกวาดล้าง (กรุณาติดตามด้านล่างครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่