ไม่ว่าจะทำการใดๆ การเตรียมความพร้อมเอาไว้ย่อมดีกว่า เหมือนกับผู้ที่วางแผนก่อนจะมีบุตรนั้นย่อมดีกว่าผู้ที่มีบุตรโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า เพราะเมื่อเราวางแผนไว้ก่อน มีการตรวจเลือดตรวจร่างกาย หากมีความผิดปกติเราจะได้รู้ถึงความเสี่ยงและพร้อมรับมือกับสิ่งเหล่านั้นได้ ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่คุณผู้หญิงทุกคนที่วางแผนจะมีบุตรควรต้องตรวจก็คือ การตรวจหาภูมิคุ้มกันของหัดเยอรมัน
ทำไมนะหรอ? ก็เพราะหากคุณแม่มือใหม่ไม่มีภูมิคุ้มกัน แล้วดันเกิดการติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์ จะเสี่ยงต่อทารกทำให้พิการหรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสต์แรกของการตั้งครรภ์(เมื่อมีอายุครรภ์ได้ 1-3 เดือน) เอาล่ะ เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันค่ะ
โรคหัดเยอรมัน เป็นไข้ออกผื่นชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มี่ชื่อว่า Rubella โรคนี้จะติดต่อถึงกันได้ทางการหายใจ โดยเชื้อในละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยที่กระจายอยู่ในอากาศ จะถ่ายทอดไปยังผู้ใกล้ชิด และในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์จะสามารถแพร่เชื้อไปยังทารกได้ผ่านทางรก หรือจากการคลอดโดยผ่านน้ำคัดหลั่งในช่อง หรือเลือดของคุณแม่ระหว่างคลอด และยังสามารถผ่านทางน้ำนมของคุณแม่หลังจากคลอดเสร็จแล้วด้วย ซึ่งผลกระทบของคุณแม่ที่ติดเชื้อหัดเยอรมันในระหว่างตั้งครรภ์นั้น โดยปกติแล้วคุณแม่จะไม่มีอันตรายจากหัดเยอรมันมากนัก แต่ทารกในครรภ์ อาจมีความผิดปกติซึ่งความรุนแรงมากน้อยจะขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ที่ติดเชื้อ ดังนี้
เมื่ออายุครรภ์อยู่ในช่วงระหว่าง 12 สัปดาห์แรก เด็กอาจมีปัญหาความผิดปกติหลายอย่าง ซึ่งความพิการที่เห็นได้ชัดคือ ตาเป็นต้อกระจกหรือต้อหิน หูหนวก หัวใจพิการแต่กำเนิด ทารกเติบโตช้าในครรภ์ ม้ามโต ตับโต มีภาวะซีด เกล็ดเลือดต่ำ รวมไปถึงอาจมีความผิดปกติทางสมองร่วมด้วย
เมื่ออายุครรภ์อยู่ในช่วงระหว่าง 12 – 20 สัปดาห์ ความผิดปกติหรือความพิการต่างๆที่ลูกน้อยจะได้รับ จะเบาลงมา เนื่องจากจะเริ่ม
เมื่ออายุครรภ์อยู่มีอายุตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ร่างกายของเด็กจะเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว เด็กทารกในครรภ์จึงไม่ได้รับความผิดปกติใดๆจากโรคนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวคุณแม่เองและลูกในครรภ์
เห็นหรือยังล่ะคะว่าอันตรายจากการติดเชื้อจากโรคหัดเยอรมันนั้นรุนแรงแค่ไหน อย่างที่ทุกคนทราบกันดีนั่นแหละค่ะว่า “การป้องกันย่อมต้องดีกว่าการแก้ไข” ไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองเกิดมาแล้วพบความผิดปกติใดๆหรือพิการ ทั้งความลำบากในการเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายในการรักษา การใช้ชีวิตของลูกที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไปจะสร้างความทุกข์ให้แก่ลูกมากขนาดไหน? แทบไม่อยากจะคิดเลยใช่ไหมคะ เพราะคุณเองก็คงปวดใจไม่แพ้กัน ดังนั้น คุณแม่มือใหม่ที่วางแผนจะมีลูกควรเข้ารับการตรวจภูมิคุ้มกันโรคหัดเยอรมันเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อดูว่าคุณนั้นมีระดับภูมิคุ้มกันเพียงพอหรือไม่ เพราะหากคุณไม่มีภูมิคุ้มกัน หรือมีภูมิคุ้มกันแต่มีในปริมาณที่น้อยเกินกว่าที่จะป้องกันโรคได้ คุณ..ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกมีโอกาสพิการได้ แต่ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะฉีดวัคซีนป้องกัน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีนเสมอ เนื่องจากเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว ภูมิคุ้มกันจะยังไม่ถูกสร้างในทันที คุณจึงจะต้องรอเวลาให้ภูมิคุ้มกันนั้นอยู่ในระดับที่ป้องกันโรคได้ก่อน จึงจะสามารถปล่อยให้ตั้งครรภ์ได้ตามปกตินะคะ
อันตรายของหัดเยอรมันในหญิงตั้งครรภ์
ทำไมนะหรอ? ก็เพราะหากคุณแม่มือใหม่ไม่มีภูมิคุ้มกัน แล้วดันเกิดการติดเชื้อในระหว่างตั้งครรภ์ จะเสี่ยงต่อทารกทำให้พิการหรือรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสต์แรกของการตั้งครรภ์(เมื่อมีอายุครรภ์ได้ 1-3 เดือน) เอาล่ะ เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันค่ะ
โรคหัดเยอรมัน เป็นไข้ออกผื่นชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มี่ชื่อว่า Rubella โรคนี้จะติดต่อถึงกันได้ทางการหายใจ โดยเชื้อในละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยที่กระจายอยู่ในอากาศ จะถ่ายทอดไปยังผู้ใกล้ชิด และในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์จะสามารถแพร่เชื้อไปยังทารกได้ผ่านทางรก หรือจากการคลอดโดยผ่านน้ำคัดหลั่งในช่อง หรือเลือดของคุณแม่ระหว่างคลอด และยังสามารถผ่านทางน้ำนมของคุณแม่หลังจากคลอดเสร็จแล้วด้วย ซึ่งผลกระทบของคุณแม่ที่ติดเชื้อหัดเยอรมันในระหว่างตั้งครรภ์นั้น โดยปกติแล้วคุณแม่จะไม่มีอันตรายจากหัดเยอรมันมากนัก แต่ทารกในครรภ์ อาจมีความผิดปกติซึ่งความรุนแรงมากน้อยจะขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ที่ติดเชื้อ ดังนี้
เมื่ออายุครรภ์อยู่ในช่วงระหว่าง 12 สัปดาห์แรก เด็กอาจมีปัญหาความผิดปกติหลายอย่าง ซึ่งความพิการที่เห็นได้ชัดคือ ตาเป็นต้อกระจกหรือต้อหิน หูหนวก หัวใจพิการแต่กำเนิด ทารกเติบโตช้าในครรภ์ ม้ามโต ตับโต มีภาวะซีด เกล็ดเลือดต่ำ รวมไปถึงอาจมีความผิดปกติทางสมองร่วมด้วย
เมื่ออายุครรภ์อยู่ในช่วงระหว่าง 12 – 20 สัปดาห์ ความผิดปกติหรือความพิการต่างๆที่ลูกน้อยจะได้รับ จะเบาลงมา เนื่องจากจะเริ่ม
เมื่ออายุครรภ์อยู่มีอายุตั้งแต่ 20 สัปดาห์ขึ้นไป ร่างกายของเด็กจะเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว เด็กทารกในครรภ์จึงไม่ได้รับความผิดปกติใดๆจากโรคนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวคุณแม่เองและลูกในครรภ์
เห็นหรือยังล่ะคะว่าอันตรายจากการติดเชื้อจากโรคหัดเยอรมันนั้นรุนแรงแค่ไหน อย่างที่ทุกคนทราบกันดีนั่นแหละค่ะว่า “การป้องกันย่อมต้องดีกว่าการแก้ไข” ไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองเกิดมาแล้วพบความผิดปกติใดๆหรือพิการ ทั้งความลำบากในการเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายในการรักษา การใช้ชีวิตของลูกที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไปจะสร้างความทุกข์ให้แก่ลูกมากขนาดไหน? แทบไม่อยากจะคิดเลยใช่ไหมคะ เพราะคุณเองก็คงปวดใจไม่แพ้กัน ดังนั้น คุณแม่มือใหม่ที่วางแผนจะมีลูกควรเข้ารับการตรวจภูมิคุ้มกันโรคหัดเยอรมันเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อดูว่าคุณนั้นมีระดับภูมิคุ้มกันเพียงพอหรือไม่ เพราะหากคุณไม่มีภูมิคุ้มกัน หรือมีภูมิคุ้มกันแต่มีในปริมาณที่น้อยเกินกว่าที่จะป้องกันโรคได้ คุณ..ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้ลูกมีโอกาสพิการได้ แต่ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะฉีดวัคซีนป้องกัน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีนเสมอ เนื่องจากเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว ภูมิคุ้มกันจะยังไม่ถูกสร้างในทันที คุณจึงจะต้องรอเวลาให้ภูมิคุ้มกันนั้นอยู่ในระดับที่ป้องกันโรคได้ก่อน จึงจะสามารถปล่อยให้ตั้งครรภ์ได้ตามปกตินะคะ