ผมเป็นร้านรับซื้อของเก่า มีใบอนุญาติและใบพานิชณ์ถูกต้อง
เมื่อวันที่ 12/1/62 มีนาย ก.นำซากมิเตอร์น้ำจำนวนมากมาขาย ประมาณสิบกว่าตัว เป็นลักษณะเปลือกนอกสีเทาชุดเดียวกัน ขนาดตั้งแต่ 6 หุน-1นิ้วครึ่ง คละกัน แจ้งว่าตัวเองเป็นช่างซ่อมบำรุงในโรงงานและของพวกนี้คือของเสีย ผมเห็นว่าเป็นมิเตอร์น้ำขนาดที่ไม่ได้ใช้ตามบ้านทั่วไป (ตัวอย่างระแวกบ้านผมใช้สีเขียวขนาดครึ่งนิ้ว) จึงรับซื้อไว้โดยผู้ขายให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนผู้ขายและทำสัญญาซื้อขายเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในสัญญาระบุความเป็นเจ้าของ น้ำหนักสินค้าและราคารับซื้อชัดเจน เป็นราคาเศษทองเหลืองปรกติ จากนั้นก็นำสินค้าไปวางรวมกับเศษทองเหลืองอื่นๆตามปรกติ
วันที่ 18/1/62 ตำรวจนำนาย ก.มาสืบหาของกลางที่ร้าน แจ้งว่าลักมิเตอร์น้ำมาขายที่นี่ ผมจึงพาตำรวจไปดูซากมิเตอร์ที่รับซื้อไว้ จากนั้นตำรวจก็ขอถ่ายรูปซากมิเตอร์น้ำโดยมีผมและนาย ก.ยืนชี้ซากมิเตอร์น้ำและขอซากมิเตอร์น้ำทั้งหมด(รวมไปถึงซากมิเตอร์น้ำที่นาย ก.ไม่ได้เอามาขายด้วย)ไปตรวจสอบที่ สน.และให้ผมตามไปที่ สน.จึงได้ทราบว่า นาย ก.ไม่ได้เป็นช่างซ่อมบำรุงในโรงงานแและเป็นโจรลักมิเตอร์น้ำ
ขอขยายความเรื่องมิเตอร์น้ำนะครับ ปรกติทางร้านไม่รับซื้อ ถ้าตรวจพบ ผมจะคืนลูกค้าไป มักจะมาจากช่างรับเหมารื้ออาคาร ห้องแถว ย้ายไซด์ก่อสร้าง เมื่อลูกค้ารู้ว่าเราไม่ซื้อ ลูกค้าก็จะใช้วิธีใส่ปนมาในกระสอบเหล็ก เราจะรู้ว่ามีมิเตอร์น้ำปนมาก็ต่อเมื่อเทกระสอบเหล็กใส่สิบล้อเพื่อขายเข้าเตาหลอมเหล็กซึ่งจะห่างกับเวลาที่ซื้อเข้า1-2เดือน ทำให้เราไม่รู้ว่าใครนำมาขายจึงไม่มีใบคุมสินค้า เมื่อเราเจอมิเตอร์น้ำปนมาก็ต้องแยกออกจากเหล็กเพราะถ้าปนอย่างอื่นที่ไม่ใช่เหล็กไปเตาหลอม จะโดนตัดน้ำหนักมาก ช่วงเวลาประมาณครึ่งปี ทั้งร้านจะมีประมาณ4-5ตัว ผมจึงคัดแยกเอาเหล็กออก เหลือแต่ทองเหลืองก็จัดเก็บรวมกับสินค้าตัวอื่น ซึ่งทองเหลืองส่วนนี้ทางตำรวจก็เก็บไปด้วยครับ
กลับมาที่นาย ก. เบื้องต้นไม่ยอมรับสารภาพว่าตัวเองนำมิเตอร์สีเทามาขาย แต่ที่พาตำรวจมาที่ร้านผม บอกว่าเป็นเศษมิเตอร์ที่ถูกตีเป็นชิ้นเล็กแต่ผมพาตำรวจไปดูมิเตอร์ที่รับซื้อไว้ทั้งหมด ฝ่ายสืบก็ส่งตัวนาย ก.ให้ร้อยเวร ส่วนผมก็ให้เซ็นต์รับว่าของกลางทั้งหมดมาจากร้านผม และให้ผมกลับมาเตรียมหลักฐานการซื้อ ว่าของกลางที่ยึดมาตรวจสอบซื้อมาจากใครบ้าง ระหว่างนี้ก็รอร้อยเวรติดต่อไปรับข้อกล่าวหาครับ ซึ่งผมก็นึกได้ข้อหาเดียวครับคือ "รับซื้อของโจร"
เท่าที่ผมอ่านจากกระทู้เก่าของพันทิป การรับซื้อของโจรจะดูที่เจตนาเป็นหลัก ซึ่งผมก็ไม่รู้จริงๆว่าเป็นของที่ลักขโมยมา
คำถามแรก
อยากให้ท่านที่ทราบข้อกฏหมายหรือเคยอ่านเคสประมาณนี้ช่วยวิเคราะห์ให้ทีครับว่า พฤติการณ์แบบนี้จะช่วยให้ผู้พิพากษาท่านเมตตาผมได้มากน้อยเพียงใด
1.รับซื้อซากมิเตอร์น้ำ โดยผู้ขายแจ้งว่าเป็นของชำรุดจากโรงงาน มีสีเดียวกัน ขนาดคละกัน ไม่ใช่ขนาดและรุ่นที่ติดตามบ้านทั่วไป ประกอบกับผู้ขายยอมทำสัญญาซื้อขายตามราคาตลาดเพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์
2.เมื่อมีตำรวจมาขอความร่วมมือ ผมซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ได้พาเจ้าหน้าที่ไปตรวจจุดที่จัดเก็บซากทองเหลืองและรวบรวมของกลาง (ซากทองเหลืองทั้งร้านเก็บในBig Bagรวมเป็นจุดเดียวกัน) ไม่มีการอำพราง ซ่อนเร้น หรือรีบนำไปจำหน่ายแต่อย่างใด
คำถามที่สอง
ตอนนี้ นาย ก.ยังไม่ยอมรับ ยังคงโกหกไปเรื่อยๆและไม่มีบิลขายจากทางร้านและผมไม่ทราบว่าเขาจะให้การกับร้อยเวรแบบไหน แต่ทางผมมีสัญญาซื้อขายชัดเจน หากนาย ก.ให้การกับร้อยเวรไม่ตรงกับในสัญญา เช่นจำนวนหรือชนิดของสินค้า สัญญาฉบับนี้จะมีผลในสำนวนไหมครับ
คำถามที่สาม
ผมควรต้องเริ่มคุยกับทนายตอนไหนครับ เคสแบบผมปรึกษากับทนายอาสาได้ไหมครับ
คำถามที่สี่
เคยอ่านเจอว่า การรับซื้อของโจรเพื่อค้ากำไรจะมีโทษเพิ่มขึ้น เคสของผมอยู่ในข่ายนี้ไหมครับ ผมไม่แน่ใจเพราะอาชีพค้าของเก่ามันซื้อของเสียไปขายต่อ
สุดท้ายผมยอมรับผิดแบบลูกผู้ชาย ว่าได้รับซื้อของโจรจริงๆ แต่อยากแสดงให้ศาลท่านเห็นใจเพราะตอนซื้อไม่รู้ว่าเป็นของโจร อย่าพึ่งเหมารวมว่าร้านค้าของเก่าต้องไม่ดีทั้งหมดนะครับ ผมค้าของเก่ามา12ปี ไม่เคยต้องคดีพวกนี้เลย ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำด้วยครับ
ขอปรึกษาเรื่องรับซื้อของโจรครับ
เมื่อวันที่ 12/1/62 มีนาย ก.นำซากมิเตอร์น้ำจำนวนมากมาขาย ประมาณสิบกว่าตัว เป็นลักษณะเปลือกนอกสีเทาชุดเดียวกัน ขนาดตั้งแต่ 6 หุน-1นิ้วครึ่ง คละกัน แจ้งว่าตัวเองเป็นช่างซ่อมบำรุงในโรงงานและของพวกนี้คือของเสีย ผมเห็นว่าเป็นมิเตอร์น้ำขนาดที่ไม่ได้ใช้ตามบ้านทั่วไป (ตัวอย่างระแวกบ้านผมใช้สีเขียวขนาดครึ่งนิ้ว) จึงรับซื้อไว้โดยผู้ขายให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนผู้ขายและทำสัญญาซื้อขายเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ในสัญญาระบุความเป็นเจ้าของ น้ำหนักสินค้าและราคารับซื้อชัดเจน เป็นราคาเศษทองเหลืองปรกติ จากนั้นก็นำสินค้าไปวางรวมกับเศษทองเหลืองอื่นๆตามปรกติ
วันที่ 18/1/62 ตำรวจนำนาย ก.มาสืบหาของกลางที่ร้าน แจ้งว่าลักมิเตอร์น้ำมาขายที่นี่ ผมจึงพาตำรวจไปดูซากมิเตอร์ที่รับซื้อไว้ จากนั้นตำรวจก็ขอถ่ายรูปซากมิเตอร์น้ำโดยมีผมและนาย ก.ยืนชี้ซากมิเตอร์น้ำและขอซากมิเตอร์น้ำทั้งหมด(รวมไปถึงซากมิเตอร์น้ำที่นาย ก.ไม่ได้เอามาขายด้วย)ไปตรวจสอบที่ สน.และให้ผมตามไปที่ สน.จึงได้ทราบว่า นาย ก.ไม่ได้เป็นช่างซ่อมบำรุงในโรงงานแและเป็นโจรลักมิเตอร์น้ำ
ขอขยายความเรื่องมิเตอร์น้ำนะครับ ปรกติทางร้านไม่รับซื้อ ถ้าตรวจพบ ผมจะคืนลูกค้าไป มักจะมาจากช่างรับเหมารื้ออาคาร ห้องแถว ย้ายไซด์ก่อสร้าง เมื่อลูกค้ารู้ว่าเราไม่ซื้อ ลูกค้าก็จะใช้วิธีใส่ปนมาในกระสอบเหล็ก เราจะรู้ว่ามีมิเตอร์น้ำปนมาก็ต่อเมื่อเทกระสอบเหล็กใส่สิบล้อเพื่อขายเข้าเตาหลอมเหล็กซึ่งจะห่างกับเวลาที่ซื้อเข้า1-2เดือน ทำให้เราไม่รู้ว่าใครนำมาขายจึงไม่มีใบคุมสินค้า เมื่อเราเจอมิเตอร์น้ำปนมาก็ต้องแยกออกจากเหล็กเพราะถ้าปนอย่างอื่นที่ไม่ใช่เหล็กไปเตาหลอม จะโดนตัดน้ำหนักมาก ช่วงเวลาประมาณครึ่งปี ทั้งร้านจะมีประมาณ4-5ตัว ผมจึงคัดแยกเอาเหล็กออก เหลือแต่ทองเหลืองก็จัดเก็บรวมกับสินค้าตัวอื่น ซึ่งทองเหลืองส่วนนี้ทางตำรวจก็เก็บไปด้วยครับ
กลับมาที่นาย ก. เบื้องต้นไม่ยอมรับสารภาพว่าตัวเองนำมิเตอร์สีเทามาขาย แต่ที่พาตำรวจมาที่ร้านผม บอกว่าเป็นเศษมิเตอร์ที่ถูกตีเป็นชิ้นเล็กแต่ผมพาตำรวจไปดูมิเตอร์ที่รับซื้อไว้ทั้งหมด ฝ่ายสืบก็ส่งตัวนาย ก.ให้ร้อยเวร ส่วนผมก็ให้เซ็นต์รับว่าของกลางทั้งหมดมาจากร้านผม และให้ผมกลับมาเตรียมหลักฐานการซื้อ ว่าของกลางที่ยึดมาตรวจสอบซื้อมาจากใครบ้าง ระหว่างนี้ก็รอร้อยเวรติดต่อไปรับข้อกล่าวหาครับ ซึ่งผมก็นึกได้ข้อหาเดียวครับคือ "รับซื้อของโจร"
เท่าที่ผมอ่านจากกระทู้เก่าของพันทิป การรับซื้อของโจรจะดูที่เจตนาเป็นหลัก ซึ่งผมก็ไม่รู้จริงๆว่าเป็นของที่ลักขโมยมา
คำถามแรก
อยากให้ท่านที่ทราบข้อกฏหมายหรือเคยอ่านเคสประมาณนี้ช่วยวิเคราะห์ให้ทีครับว่า พฤติการณ์แบบนี้จะช่วยให้ผู้พิพากษาท่านเมตตาผมได้มากน้อยเพียงใด
1.รับซื้อซากมิเตอร์น้ำ โดยผู้ขายแจ้งว่าเป็นของชำรุดจากโรงงาน มีสีเดียวกัน ขนาดคละกัน ไม่ใช่ขนาดและรุ่นที่ติดตามบ้านทั่วไป ประกอบกับผู้ขายยอมทำสัญญาซื้อขายตามราคาตลาดเพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์
2.เมื่อมีตำรวจมาขอความร่วมมือ ผมซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ได้พาเจ้าหน้าที่ไปตรวจจุดที่จัดเก็บซากทองเหลืองและรวบรวมของกลาง (ซากทองเหลืองทั้งร้านเก็บในBig Bagรวมเป็นจุดเดียวกัน) ไม่มีการอำพราง ซ่อนเร้น หรือรีบนำไปจำหน่ายแต่อย่างใด
คำถามที่สอง
ตอนนี้ นาย ก.ยังไม่ยอมรับ ยังคงโกหกไปเรื่อยๆและไม่มีบิลขายจากทางร้านและผมไม่ทราบว่าเขาจะให้การกับร้อยเวรแบบไหน แต่ทางผมมีสัญญาซื้อขายชัดเจน หากนาย ก.ให้การกับร้อยเวรไม่ตรงกับในสัญญา เช่นจำนวนหรือชนิดของสินค้า สัญญาฉบับนี้จะมีผลในสำนวนไหมครับ
คำถามที่สาม
ผมควรต้องเริ่มคุยกับทนายตอนไหนครับ เคสแบบผมปรึกษากับทนายอาสาได้ไหมครับ
คำถามที่สี่
เคยอ่านเจอว่า การรับซื้อของโจรเพื่อค้ากำไรจะมีโทษเพิ่มขึ้น เคสของผมอยู่ในข่ายนี้ไหมครับ ผมไม่แน่ใจเพราะอาชีพค้าของเก่ามันซื้อของเสียไปขายต่อ
สุดท้ายผมยอมรับผิดแบบลูกผู้ชาย ว่าได้รับซื้อของโจรจริงๆ แต่อยากแสดงให้ศาลท่านเห็นใจเพราะตอนซื้อไม่รู้ว่าเป็นของโจร อย่าพึ่งเหมารวมว่าร้านค้าของเก่าต้องไม่ดีทั้งหมดนะครับ ผมค้าของเก่ามา12ปี ไม่เคยต้องคดีพวกนี้เลย ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำด้วยครับ