ประสบการณ์หลอนหัวลุก ตอน สยองบ้านโบราณ100ปี (ตอนจบ)

จึงมีคนมาแจ้งว่า พบศพลอยขึ้นอืด อยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสันนิษฐานว่า เจ้าไผ่กับเจ้าเขียว คงวิ่งหนีตายกันมาจากกลุ่มวัยรุ่น อ้อลืมบอกไปค่ะว่าชาวบ้านที่เค้าเห็นเหตุการณ์เล่าว่า ระหว่างที่เจ้าไผ่กับเจ้าเขียว กำลังวิ่งไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา เค้าเห็นมีผู้หญิงคนนึงวิ่งตามมาด้วย ลักษณะการแต่งกายมันดูแปลกๆ เพราะแต่งตัวเหมือนสาวโบราณ ผมยาวปกคลุมใบหน้า ทำให้เห็นหน้าไม่ชัด เลยคิดว่าสงสัยผัวเมียคงทะเลาะกัน เพราะชาวบ้านรายนี้ก็ยังยืนยันกับตำรวจ ว่าเห็นวิ่งกันมา3คน แต่เมื่อมาดูกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ
กลับพบว่ามีแค่เจ้าไผ่กับเจ้าเขียวเท่านั้น วิ่งกระเซอะกระเซิงเหมือนคนเสียสติ  คือไม่รู้จะด้วยเหตุบังเอิญ หรืออาถรรพ์ก็ไม่อาจทราบได้ เพราะศพ มันดันลอยมาติดอยู่ตรงศาลาท่าน้ำ ตรงบ้านของข้าราชการนายนี้ ที่แปลกไปกว่านั้นคือไม่ใช่แค่ศพเดียวที่ติดตรงศาลาท่าน้ำ แต่มันลอยมาติดอยู่ตรงนั้นถึง2ศพด้วยกัน ทั้งที่หลักความเป็นจริงมันควรจะลอยไปตามกระแสน้ำ แต่นี่มันกลับลอยทวนน้ำ ลักษณะศพเจ้าไผ่กับเจ้าเขียว คือดวงตาเบิกโพลง!!ทั้งคู่  เหมือนกลัวอะไรสุดขีด หลังจากที่ชันสูตรศพพบว่ามีบาดแผลตามลำตัว ตามใบหน้า ทั้งคู่คอหัก! หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจก็ตามจับแก๊งวัยรุ่นได้ทั้งหมด มีอยู่4ใน8คนในกลุ่มวัยรุ่น เล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่รุมกระทืบ เจ้าไผ่กับเจ้าเขียวอยู่นั้น เป็นจังหวะ ที่เจ้าไผ่กับเจ้าเขียวกำลังหาทางวิ่งหนีพวกผม  เห็นผู้หญิงคนนึง แต่งชุดไทยโบราณ ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเรียกชื่อเจ้าไผ่ ซึ่งขณะนั้นพวกผมคิดว่าคงเป็นเมียของคนใดคนหนึ่ง  เจ้าไผ่กับเจ้าเขียวก็ไม่รีรอ รีบวิ่งเข้าไปหาหญิงสาวคนนี้เหมือนจะให้ช่วย พวกผมก็ไม่ลดละ วิ่งตามจนเกือบจะถึงหญิงสาวคนนี้ แต่ก็ต้องผงะ เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเธอผิดรูป บิดเบี้ยวไปข้างนึงเหมือนโดนกระแทกกับอะไรที่รุนแรง ในตามีแต่ลูกตาดำ ตาขาวไม่มี ทั้ง4คนเห็นเหมือนกัน ด้วยความตกใจสุดขีด เลยหนีกันไปคนละทิศคนละทาง แต่ก็แปลกใจว่าทำไม 2คนนั้น ก็คือเจ้าไผ่กับเจ้าเขียวทำไมถึงไม่หนี
หลังจากเหตุการณ์นั้น พี่หนุ่มจึงทำการยุติรื้อบ้านโบราณ100ปีทันที แล้วก็มีอีกหลายรายมาทำการรื้อบ้าน แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะว่ามักจะมีเหตุการณ์แปลกๆประหลาดๆเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง   ชีวิตฐานะความเป็นอยู่ของพี่หนุ่มแย่ลงเรื่อยๆจากที่แต่ก่อนมีฐานะร่ำรวย ลูกน้องที่เหลือลาออกหมด ส่วนอีกคนที่รอดตาย ทุกวันนี้บวชเป็นพระไม่ยอมสึก

ลูกชายคนเล็กของพี่หนุ่มมักจะมีอาการเพ้ออยู่บ่อยๆ คือมองอะไรก็เห็นเป็นงูไปหมด ทั้งกรี๊ดตอนกลางคืนแบบไม่มีสาเหตุจนถึงทุกวันนี้

เมื่อเร็วๆนี้น้องชายพี่หนุ่มก็ขับรถชนต้นไม้ รถพังยับแต่คนปลอดภัย น้องพี่หนุ่มบอกว่าระหว่างขับมาเรื่อยๆ มีผู้หญิงวิ่งตัดหน้ารถ ทำให้รถเสียหลักเลยไปชนกับต้นไม้
บ้านพี่หนุ่มกำลังจะโดนยึด  หนี้สินประดังเข้ามา ใช้ชีวิตกันอย่างลำบาก
ส่วนพี่หนุ่มแกมักมี อาการเหมือนประสาทหลอนอยู่บ่อยๆ ชอบบอกว่ามีวิญญาณตามมา ลักษณะเหมือนคนเพ้อ คือบางทีก็รู้ตัว พูดรู้เรื่อง แต่บางทีก็ร้องไห้แบบไม่มีสาเหตุ มีแต่ภรรยาพี่หนุ่มและลูกชายคนโต น้องสะไภ้กับหลานตัวเล็กๆอีก2คนยังไม่เป็นอะไร ทุกวันนี้ภรรยาพี่หนุ่มต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัวโดยปริยาย(แฟนพี่หนุ่มบอกว่าช่วงที่เกิดเรื่อง ตอนนั้นลูกชายคนเล็กมีอาการพูดแปลกๆเหมือนมีใครมาแฝง สรุปก็คือกุมารของพี่หนุ่มที่เลี้ยงไว้นั่นเองมาเข้าฝัน ถึงได้รู้ว่ากุมารพยายามมาสื่อผ่านทางลูกชาย แต่ไม่มีใครเชื่อ และที่ลูกชายบอกว่า ตาไม่ให้เข้าบ้าน คิดว่าน่าจะเป็นศาลตายายที่อยู่ตรงริมรั้ว)
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์และบทเรียนให้กับใครหลายๆคน
ได้เป็นอย่างดี  ไปที่ไหนก็ควรบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ให้ความเคารพต่อเจ้าของสถานที่นั้น  ไม่ใช่ไปลบหลู่ หรืออยากลองดี ยิ่งเจองูลักษณะแบบนี้มั่นใจได้เลยว่าไม่ใช่งูธรรมดาแน่นอน บางทีเจ้าที่ที่นั่น อาจจะจำแลงกลายให้เห็นเป็นงู คอยเฝ้าสมบัติอยู่ที่นั่น โชคยังดีที่พี่หนุ่มยังดวงแข็ง แต่ที่โชคร้ายก็คืออาการของพี่หนุ่มเหมือนคนประสาทหลอน คุ้มดีคุ้มร้ายอยู่บ่อยๆ แม้จะไปรักษาทางการแพทย์แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารและเวทนาเป็นอย่างยิ่ง
เค้าถึงบอกว่าให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว พอพี่หนุ่มเล่าเรื่องนี้ให้ดิฉันและคุณแม่ได้ฟังจนจบ
ดิฉันจึงขออนุญาตจากพี่หนุ่มขอนำเรื่องนี้ มาเล่าผ่านตัวอักษรให้ใครหลายๆคนได้อ่าน  อาจจะเป็นประโยชน์ให้กับใครหลายๆคนไม่มากก็น้อย
เนื้อหาตรงนี้ มาจากประสบการณ์จริงจากคนใกล้ตัวค่ะ ซึ่งรายละเอียดจะเยอะมาก อาจจะพิมพ์ตกหล่นไปบ้าง ถ้าหากอ่านแล้วงงๆ ต้องกราบขออภัยจริงๆค่ะ 🙏😅
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่