คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
จาก คห 5 ที่ข้างบนนะฮะ
________
คุณ คห 5-2 ถามว่า …
ถึงแม้มี service charge แล้วก็ควรต้องทิปเหรอคะ ถามเป็นความรู้ด้านมารยาท
^^^
^^^
เราเคยไปตอบเอาไว้ที่ คห 42 ที่กระทู้นี้นะฮะ https://ppantip.com/topic/36692510/comment42
ขอคัดลอกที่เคยไปแสดงความคิดเห็นเอาไว้ มาให้อ่านดังนี้ …
ส่วนตัวเราไม่ชอบระบบทิป มีความคิดเห็นว่า เป็นความเห็นแก่ตัวของผู้ประกอบการ
ที่สร้างความกดดัน ระหว่างพนักงาน และ ลูกค้า
***ระบบทิปทำให้เกิดการบริการแบบไม่จริงใจในหลายๆ กรณี
และ ในหลายกรณีลูกค้าก็ไม่ได้เต็มใจให้ แต่จำใจให้ บ้างก็ให้เพื่อรักษาหน้าตา บ้างก็ให้อวดรวย
หรือ ให้เพื่อรักษาชีวิต หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาทโดยพนักงานที่ก้าวร้าว (เพราะรายได้ของเขาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทิปนั่นเอง
แต่ถ้านายจ้างจ่ายค่าจ้างที่ยุติธรรม พนักงานก็จะไม่มีความกดดันเรื่องเงินแบบนี้)
** เราเกลียดระบบทิปมากๆๆๆๆ เพราะทำให้คนก้าวร้าว คาดหวัง เกลียดกันเอง ไม่ไว้ใจกันเอง เป็นระบบทุนนิยมที่ทำลายความเป็นมนุษย์
ในหลายๆ ประเทศ หากไม่ให้ทิป ไม่วางทิ้งให้ หรือ ไม่รวมในการจ่ายยอดด้วยเครดิตการ์ด
พนักงานจะชักสีหน้า หน้าหงิกหน้างอ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรอยู่หยกๆ
คนเราสามารถเปลี่ยนโหมดได้ไวมาก เพราะเงิน น่าสนใจจริงๆ (เราชอบศึกษาพฤติกรรมมนุษย์อยู่แล้ว)
หนักกว่านั้นก็คือ พนักงานจะโกรธมาก ด่ากราดเลย หรือ ทำท่าเหมือนจะเข้ามาทุบตี เคยเจอมาแล้ว
ที่ฝรั่งเศส และ ที่โมร็อคโค
***เราเคยโดนพนักงานเสิร์ฟที่มาราเกซ โมร็อคโค และ ที่ปารีส เดินตามออกมาด่า มาทวงทิป
แบบน่ากลัวมาก เหมือนจะเข้ามาทำร้ายด้วย จึงให้ไป 2 ยูโร
ตอนแรกที่ไม่ให้ทั้ง 2 กรณี เพราะร้านไม่แน่น คนไม่เยอะ แต่ไม่ยอมมาบริการ
เข้ามาบริการแบบไม่เต็มใจ หน้าหงิกหน้างอ พูดจาไม่สุภาพ เราจึงไม่ให้ทิป แต่โดนด่า
(ปกติแล้ว เราจะสุภาพกับพนักงานบริการ กล่าวสวัสดี กล่าวขอบคุณ ไม่จิกใช้
แต่นี่ร้ายกับเรา ต่อให้เราดีด้วยแค่ไหน ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาของเขา สะท้อนว่าเขามีชีวิตที่ลำบาก
และ เกลียดงานที่เขาทำ เกลียดลูกค้าด้วย คือ เราเข้าใจ)
สำหรับเราถ้าหากว่าเจ้าของกิจการดูแลพนักงานดี สวัสดิการดี ปฏิบัติต่อพนักงานดี พนักงานก็จะรักงาน
รักลูกค้า และ ไม่ต้องกดดันเรื่องทิป
***ขอสรุปแบบเน้นๆ อีกครั้งชัดๆ ว่า "เราเกลียดระบบทิปมาก"
*(เราเคยเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารที่ ตปท ทำเป็นงานพิเศษหลังเลิกเรียน และ ทำในวันหยุด
ไม่ได้หวังทิป ไม่กดดัน เพราะเจอเจ้าของร้านที่จ่ายค่าแรงดี ให้พนักงานกินอาหารดีๆ มีความยุติธรรมต่อลูกจ้าง
และ ปฏิบัติต่อพนักงานดี )
***ที่เมืองไทยตามโรงแรม และ ตามร้านอาหารตามห้าง ส่วนใหญ่ เป็นระบบที่เราเกลียดมาก คือ การบวกเซอร์วิสชาร์จ
เข้าไปในบิล อย่างน้อย 10-15% แต่นอกเหนือจากนี้หากไม่ให้ทิปพนักงานจะไม่ชอบ หรือ เอาไปนินทาลับหลัง
เพราะที่เมืองไทย ส่วนใหญ่แล้วเซอร์วิสชาร์จมักจะไปไม่ถึงพนักงาน หรือ ถึงพนักงานไม่ครบนั่นเอง
แต่เซอร์วิสชาร์จที่ไทย ส่วนใหญ่มันคือการหมกเม็ดขึ้นค่าอาหารแบบเนียนๆ ของผู้ประกอบการนั่นเอง
ปกติเราทิปแม่บ้าน ทิปคนขับรถ ทิปแท็กซี่ดีๆ ทิปคนส่งอาหาร ทิปคนซักรีด
ทิปพนักงานร้านอาหาร ทิปพนักงานสปา ทิปพนักงานขนกระเป๋า ทิปพนักงานในร้านตัดผม ทิปคนทำเล็บ
แต่ทิปเป็นกรณีไป
________
คุณ คห 5-2 ถามว่า …
ถึงแม้มี service charge แล้วก็ควรต้องทิปเหรอคะ ถามเป็นความรู้ด้านมารยาท
^^^
^^^
เราเคยไปตอบเอาไว้ที่ คห 42 ที่กระทู้นี้นะฮะ https://ppantip.com/topic/36692510/comment42
ขอคัดลอกที่เคยไปแสดงความคิดเห็นเอาไว้ มาให้อ่านดังนี้ …
ส่วนตัวเราไม่ชอบระบบทิป มีความคิดเห็นว่า เป็นความเห็นแก่ตัวของผู้ประกอบการ
ที่สร้างความกดดัน ระหว่างพนักงาน และ ลูกค้า
***ระบบทิปทำให้เกิดการบริการแบบไม่จริงใจในหลายๆ กรณี
และ ในหลายกรณีลูกค้าก็ไม่ได้เต็มใจให้ แต่จำใจให้ บ้างก็ให้เพื่อรักษาหน้าตา บ้างก็ให้อวดรวย
หรือ ให้เพื่อรักษาชีวิต หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาทโดยพนักงานที่ก้าวร้าว (เพราะรายได้ของเขาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับทิปนั่นเอง
แต่ถ้านายจ้างจ่ายค่าจ้างที่ยุติธรรม พนักงานก็จะไม่มีความกดดันเรื่องเงินแบบนี้)
** เราเกลียดระบบทิปมากๆๆๆๆ เพราะทำให้คนก้าวร้าว คาดหวัง เกลียดกันเอง ไม่ไว้ใจกันเอง เป็นระบบทุนนิยมที่ทำลายความเป็นมนุษย์
ในหลายๆ ประเทศ หากไม่ให้ทิป ไม่วางทิ้งให้ หรือ ไม่รวมในการจ่ายยอดด้วยเครดิตการ์ด
พนักงานจะชักสีหน้า หน้าหงิกหน้างอ ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรอยู่หยกๆ
คนเราสามารถเปลี่ยนโหมดได้ไวมาก เพราะเงิน น่าสนใจจริงๆ (เราชอบศึกษาพฤติกรรมมนุษย์อยู่แล้ว)
หนักกว่านั้นก็คือ พนักงานจะโกรธมาก ด่ากราดเลย หรือ ทำท่าเหมือนจะเข้ามาทุบตี เคยเจอมาแล้ว
ที่ฝรั่งเศส และ ที่โมร็อคโค
***เราเคยโดนพนักงานเสิร์ฟที่มาราเกซ โมร็อคโค และ ที่ปารีส เดินตามออกมาด่า มาทวงทิป
แบบน่ากลัวมาก เหมือนจะเข้ามาทำร้ายด้วย จึงให้ไป 2 ยูโร
ตอนแรกที่ไม่ให้ทั้ง 2 กรณี เพราะร้านไม่แน่น คนไม่เยอะ แต่ไม่ยอมมาบริการ
เข้ามาบริการแบบไม่เต็มใจ หน้าหงิกหน้างอ พูดจาไม่สุภาพ เราจึงไม่ให้ทิป แต่โดนด่า
(ปกติแล้ว เราจะสุภาพกับพนักงานบริการ กล่าวสวัสดี กล่าวขอบคุณ ไม่จิกใช้
แต่นี่ร้ายกับเรา ต่อให้เราดีด้วยแค่ไหน ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาของเขา สะท้อนว่าเขามีชีวิตที่ลำบาก
และ เกลียดงานที่เขาทำ เกลียดลูกค้าด้วย คือ เราเข้าใจ)
สำหรับเราถ้าหากว่าเจ้าของกิจการดูแลพนักงานดี สวัสดิการดี ปฏิบัติต่อพนักงานดี พนักงานก็จะรักงาน
รักลูกค้า และ ไม่ต้องกดดันเรื่องทิป
***ขอสรุปแบบเน้นๆ อีกครั้งชัดๆ ว่า "เราเกลียดระบบทิปมาก"
*(เราเคยเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารที่ ตปท ทำเป็นงานพิเศษหลังเลิกเรียน และ ทำในวันหยุด
ไม่ได้หวังทิป ไม่กดดัน เพราะเจอเจ้าของร้านที่จ่ายค่าแรงดี ให้พนักงานกินอาหารดีๆ มีความยุติธรรมต่อลูกจ้าง
และ ปฏิบัติต่อพนักงานดี )
***ที่เมืองไทยตามโรงแรม และ ตามร้านอาหารตามห้าง ส่วนใหญ่ เป็นระบบที่เราเกลียดมาก คือ การบวกเซอร์วิสชาร์จ
เข้าไปในบิล อย่างน้อย 10-15% แต่นอกเหนือจากนี้หากไม่ให้ทิปพนักงานจะไม่ชอบ หรือ เอาไปนินทาลับหลัง
เพราะที่เมืองไทย ส่วนใหญ่แล้วเซอร์วิสชาร์จมักจะไปไม่ถึงพนักงาน หรือ ถึงพนักงานไม่ครบนั่นเอง
แต่เซอร์วิสชาร์จที่ไทย ส่วนใหญ่มันคือการหมกเม็ดขึ้นค่าอาหารแบบเนียนๆ ของผู้ประกอบการนั่นเอง
ปกติเราทิปแม่บ้าน ทิปคนขับรถ ทิปแท็กซี่ดีๆ ทิปคนส่งอาหาร ทิปคนซักรีด
ทิปพนักงานร้านอาหาร ทิปพนักงานสปา ทิปพนักงานขนกระเป๋า ทิปพนักงานในร้านตัดผม ทิปคนทำเล็บ
แต่ทิปเป็นกรณีไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ที่เขาถาม เพราะหมายความตามนั้นแหละ มันเป็นการถามตรงๆ ว่าลูกค้าจะรอเอาเงินทอนไหม
ถ้าไม่ต้องทอน ก็หมายความว่า ที่จะต้องทอนประมาณ 2.75 ปอนด์ เขาจะได้เก็บเอาไว้เลย
และ เมื่อว่างเมื่อไหร่ พนักงานเขาก็จะเข้ามาเก็บเงินตอนเคลียร์โต๊ะเอง หลังจากที่คุณ จขกท ได้ออกไปแล้ว
เพราะ ณ ตอนนั้นเขาอาจจะทำอย่างอื่นยุ่งอยู่
คือ เขาจะได้เก็บทั้งหมด 60 ปอนด์ที่คุณวางทิ้งไว้บนโต๊ะไป แล้วเงินทอนเขาจะเก็บเข้ากระปุก/กล่องทิปไป
ที่เขาถามเพราะคุณยังนั่งรออยู่ และ ไม่ใช่การถามเพื่อที่ต้องการจะไล่ลูกค้าแต่อย่างใด
//
คืองี้นะ ที่ ตปท ในหลายๆ ปท ในร้านอาหาร หรือ ร้านกาแฟหลายๆ ร้าน จะไม่มีพนักงานมากมายแบบที่ไทยนะ
คือ สมมติว่า ร้านอาหาร หรือ ร้านกาแฟที่ไทย ต้องใช้พนักงานอย่างน้อย 10 คน ในการบริการ
แต่ถ้าเป็นร้านขนาดเดียวกันใน ตปท หลายๆ ปท พนักงานอาจจะเหลือแค่ 3 คน แทนที่จะเป็น 10 คนแบบที่ไทย
แล้วเขาเน้นทำงานไว กระฉับกระเฉง คล่องตัว ทำงานตามลำดับก่อนหลัง ไม่ต้องเข้าไปวุ่นวายที่โต๊ะของลูกค้าบ่อยๆ ไม่ต้องคอยถาม
ไม่ต้องคอยคุยทำเป็นเหมือนเอาอกเอาใจ
ไม่ต้องทำอะไรเวิ่นเว้อ ไม่ต้องมาคอยพะเน้าพนอเอาใจลูกค้า เขาไม่ทำอะไรแบบเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่เดินทอดน่อง
ไม่อ้อยอิ่ง เขาจึงใช้พนักงานน้อย
//
แล้วการไปทานอาหาร หรือ ไปดื่มกาแฟ ดื่มชา ในหลายๆ ปท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร้านในระดับที่คุณ จขกท ไปมา
หรือ ร้านแบบแคชช่วลไดนิ่ง คือ ถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก
ที่พนักงานจะเอาใบเสร็จ เอาบิลมาวางเอาไว้ให้เมื่อลูกค้าเรียกถาม หรือ ไม่ต้องเรียกก็เอามาวางได้ ไม่ถือว่าเป็นการไล่ลูกค้าแต่อย่างใด
และ พนักงานไม่ต้องมายืนเกาะโต๊ะรอเก็บเงิน
แล้วพอลูกค้าจะจ่ายเงิน ถ้าจะจ่ายเป็นการ์ด เขาก็จะเอาเครื่องรูดการ์ดมาที่โต๊ะ
หรือ ถ้าลูกค้าจะจ่ายเงินสด ก็วางเงินเอาไว้ที่บนโต๊ะได้ ถ้าจะให้พอดี ก็วางแบบพอดี
ถ้าจะให้ทิป ก็วางเกินไว้ หรือ วางเอาไว้แบบรู้กันว่า ไม่ต้องรอเงินทอน แล้วลูกค้าสามารถลุกออกไปได้เลย
และ พนักงานไม่จำเป็นที่จะต้องมายืนส่งลูกค้าด้วย แต่แค่ตะโกนบอกกัน หรือ บอกขอบคุณไล่หลัง
บอกขอบคุณด้วยเสียง โบกไม้โบกมือลากัน แค่นั้นก็ได้แล้ว
เขาไม่ต้องมายืนไหว้ประด๊กประด๊ก คอยยืนเปิดประตูให้ลูกค้านะ ใน ปท ที่พัฒนาแล้ว ในสังคมที่พัฒนาแล้ว
ร้านแคชช่วลไดนิ่ง อเมริกันสไตล์ แบบนี้ ลูกค้าไปเองได้ เปิดปิดประตูเองได้
//
ในเคสของคุณ จขกท นี้ ปกติมาก ที่เขาเห็นว่ายังไม่ลุกไป จึงเข้ามาถามว่าต้องการเงินทอนไหม
//
ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง คือ การที่เงินทอนแค่ 2.75 ปอนด์ แล้วพนักงานเอาเหรียญเศษเล็กๆ น้อยๆ เอาลูกแหง่มาให้ 20 เหรียญ
อันนี้เขาจงใจที่จะให้คุณวางเหรียญทั้งหมดทิ้งเอาไว้ เพราะคุณจะได้ถอดใจไม่อยากพกเหรียญ 20 เหรียญให้หนักกระเป๋านะ
คือ เขาอยากได้ทิปมาก และ เขาอาจจะประชดด้วย และ อาจจะรวมไปถึงเหยียดกลายๆ เพราะคุณเป็นนักท่องเที่ยวเอเชียหัวดำใช่ไหม?
(คุณไปเที่ยวใช่ไหม ไม่ได้อาศัยอยู่ ใน ตปท)
นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า พนักงาน ไม่ได้มีรายได้มาก และ กระหายการอยากได้ทิป
เพราะต้องการเงินนำมาใช้จ่าย เมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงสำหรับการใช้ชีวิตในลอนดอน
นอกจากนี้ ก็อาจจะต้องเก็บเงินส่งกลับบ้าน ไม่ต่างจากคนเขมร พม่า ลาว เป็นต้น ที่มาทำงานตามร้านอาหารในไทย
//
อ้อ แต่อีกอย่างนึงคือ เราดูใบเสร็จชื่อร้านแล้ว มันเป็นร้านอเมริกัน แบบมีเชน มีเฟรนไชส์นะ
ร้านนี้ใน ปท อื่นๆ ก็มี ไม่ใช่มีแค่ในลอนดอน และ ร้านนี้ไม่ใช่ร้านอาหารอังกฤษ
และ การที่ร้านตั้งอยู่ในลอนดอน คือ มีโอกาสสูงมากๆ นะ ที่พนักงานที่บริการคุณ น่าจะไม่ใช่คนอังกฤษ
แต่น่าจะเป็นคนต่างชาติ จาก ปท อื่นๆ ที่เข้าไปทำงานในอังกฤษ
เพราะในลอนดอนหน่ะ ในห้วง 10 ปีเศษๆ ที่ผ่านมานี้
หรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง 1, 2, 3, 4, 5 ปีที่ผ่านมานี้ เวลาที่คุณไปใช้บริการตามร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ
พิพิธภัณฑ์ โรงแรม พนักงานที่สนามบิน พนักงานที่สถานีรถไฟใต้ดิน เป็นต้น
พนักงานตามที่กล่าวมานี้ อย่างน้อยๆ 90% ไม่ใช่คนอังกฤษนะ แต่เป็นคนต่างชาติ ที่ไม่ได้เกิดไม่ได้โตมากับวัฒนธรรมอังกฤษ
และ อย่างน้อยๆ คนเหล่านี้ 60-80% หรือ มากกว่านี้นิดหน่อย ไม่สามารถพูด Proper English ได้
และ อย่างน้อยครึ่งนึงไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วยความเข้าใจ
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ แค่มาทำงานในอังกฤษเพื่อหาเงินหารายได้ล้วนๆ นะ และ หลายๆ คนก็หวังพีอาร์ หรือ หวังพาสปอร์ตอังกฤษด้วย
เงินๆๆ คือสิ่งที่เขาต้องการ
//
จะสรุปให้ว่า สิ่งที่คุณไปเจอมา เราขอเรียกว่า เป็นคัลเจ้อร์ ช็อค แบบทับซ้อนคัลเจ้อร์ ช็อค อีกทีนึงนะ
//
แล้วพนักงานใน ตปท โดยเฉพาะพนักงานที่เป็นคนต่างชาติที่ไปอาศัยทำงานในเมืองใหญ่ๆ ใน ปท เจริญๆ ที่ทำงานแล้วได้รายได้น้อยๆ เนี่ย
โดยเฉพาะคนที่ทำงานทางด้านสาขางานบริการ
ส่วนใหญ่คือ มักจะ "แรง" นะ เพราะชีวิตส่วนใหญ่คือรายได้น้อย
ต้องปากกัดเท้าถีบ ค่าครองชีพในเมืองเจริญๆ เมืองใหญ่ๆ ก็สูงมาก
และ สังคมในที่ทำงานบางครั้งก็แก่งแย่งชิงดีสูงมาก
เพราะฉนั้น ถ้าเขามีโอกาส เขาเอาทุกเม็ด นี่หมายถึงพวกที่แรงๆ โหดๆ อ่านะ
เช่นแบบที่คุณ จขกท นี้ไปเจอมานี่แหละ คือ มีเซอร์วิสชาร์จแล้ว แต่เขาก็ยังอยากให้ลูกค้าทิ้งทิป โดยการปัดเศษเอาไว้
จริงๆ คือ เขาน่าจะมาถามก่อนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ถาม เพราะบางคนก็ต้องการให้ลูกค้าเดินออกไปเลย
โดยที่ทิ้งเงินที่ปัดเศษขึ้นเอาไว้ให้เลย โดยที่ไม่นำมาทอนก่อน
ในส่วนนี้เราก็เข้าใจ จขกท นะ และ เข้าใจพนักงานด้วย คือเข้าใจเจตนาของทั้งสองฝ่าย
//
พนักงานหน่ะ ไม่ต่างจากเมืองไทยหรอก คือจะเอาทั้งเซอร์วิสชาร์จ ทั้งทิป
เพราะบางครั้ง เซอร์วิสชาร์จอาจจะไม่ถึงพนักงานแบบเต็มที่ไง หรือ อาจจะไม่ถึงพนักงานเลย
ผู้ประกอบการในระบบทุนนิยมในสมัยนี้หลายๆ ร้านหน่ะ เขาใช้วิธีนี้
เหมือนเสี้ยมกดดันลูกค้ากับพนักงานให้กดดันกันเองไง แต่เขาลอยตัว
//
คนไทยบางส่วน ในสมัยนี้ โดยเฉพาะย่านดัดจริต ย่านแพงในกรุงเทพฯ จะคุ้นเคยกับ "ดิ๊กแด๊ก เซอร์วิส" (อันนี้ศัพท์ของเราเอง เรียกเอง)
คือ พนักงานเสิร์ฟต้องแทบจะอุ้มลูกค้า กราบไหว้ลูกค้า พูดคำว่าขออนุญาตทุกๆ 5 นาที
วางบิลก็ต้องไหว้ รับเงินรับเครดิตการ์ดก็ต้องไหว้ ส่งสลิปใบเสร็จก็ต้องไหว้ ทอนเงินก็ต้องไหว้
ไหว้ประด๊กประด๊ก และ ต้องทำท่านอบน้อมมากๆๆๆๆ ดูดิ๊กแด๊กชอบกล (นี่คือที่มาของคำว่า ดิ๊กแด๊ก เซอร์วิส)
พนักงานต้องนอบน้อมมากๆ ไหว้เก่งๆ ขออนุญาตบ่อยๆ ต้องยืนบริการติดโต๊ะ
มิเช่นนั้นจะโดนคอมเพลน หรือ คนไทยบางส่วนจะขี้ใจน้อย ถ้าหากว่าพนักงานไม่สนใจ
คนไทยบางส่วนชอบให้พนักงานบริการเอาอกเอาใจ แต่โดยที่ลูกค้าแทบจะไม่สื่อสารไม่พูดอะไรเลย
แต่พนักงานต้องเดาใจเอง รู้ใจลูกค้าเอง
(อันนี้ไม่ได้ว่า จขกท นะ แต่แค่จะเขียนให้เห็นถึงภาพของความแตกต่างของสไตล์ในการทำงาน หรือ การบริการ ว่าเป็นคนละแบบกัน)
//
ที่อธิบายมาทั้งหมดนี้ หวังว่าจะทำให้คุณได้เห็นภาพต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น และ เข้าใจสถานะการณ์ดีขึ้น
//
อ้อ แล้วอีกเรื่องนึง หรือ สองเรื่อง ที่คนไทยบางส่วนจะไม่ค่อยคุ้น
คือ ในหลายๆ ปท เป็นเรื่องปกติมาก ที่ตามร้านกาแฟ ร้านอาหารบางแห่ง
คนที่ต่างคนต่างมา คนที่ไม่รู้จักกัน สามารถแชร์โต๊ะ แบ่งโต๊ะนั่งกันได้
และ ปกติมาก ถ้าหากว่า ในหลายๆ ร้านลูกค้าจะต้องบริการตัวเอง
หรือเก็บถาดเก็บของเอง
หรือ ลูกค้าเอาบิลไปจ่ายเงินเองที่แคชเชียร์
แต่ส่วนใหญ่ที่เราเห็น คือที่เมืองไทย คนมักจะถือตัว ไม่สามารถนั่งร่วมกันไม่สามารถแบ่งปันที่นั่งตามร้านกาแฟกันได้
และ แคชเชียร์ไทยหลายๆ แห่ง จะตกใจมาก ถ้าลูกค้าเดินไปจ่ายเงินเอง หรือ ลูกค้าคนไทยหลายคน จะคิดว่าทางร้านบริการไม่ดี
ถ้าหากว่าลูกค้าจะต้องทำอะไรด้วยตนเองบ้าง
//
มันเป็นเรื่องของความแตกต่างหน่ะนะ นี่แหละ อีกหนึ่งในเหตุผลที่ดี ที่คนเราควรจะเดินทางเพื่อเปิดโลกทัศน์
_________
***แวะกลับมา Edit เพื่อบอก จขกท เพิ่มเติมว่า …
ที่ ตปท ในหลายๆ ปท พนักงานเขาจะบริการแบบมืออาชีพนะ
เขาจะรู้ว่าอะไรควรทำก่อน หรือ ทำทีหลัง บริหารเวลาเป็น บริหารงานเป็น เพราะฉนั้นเขาจึงไม่ต้องใช้คนมากมายในการทำงาน
เขาใช้คอมม่อนเซ้นส์ในการทำงาน ไม่ใช่ใช้อารมณ์ทำงาน ไม่ใช่ใช้การเข้าหาลูกค้าแบบนายกับบ่าวแบบในบางประเทศ
และ ไม่ทำงานอืดอาดยืดยาด
//
ความแตกต่างก็อาทิเช่น ขอยกตัวอย่าง ร้านในไทยหลายร้าน ที่พนักงานทำงานไม่เป็น หรือ ไม่ได้ถูกสอนให้ทำงานเป็น
แต่ถูกสอนมาให้รับคำสั่งอย่างเดียว
ร้านแบบนี้ จะมีการบริการประมาณนี้
เช่น
ใน หลายๆ ปท จะมีเมนูตั้งไว้บนสแตนด์หน้าร้าน ลูกค้าที่เดินผ่านไปมาสามารถดูเมนูได้ตามสบาย ได้ด้วยตนเอง
พนักงานจะไม่ออกมายุ่ง ไม่ออกมากดดัน (แต่ถ้าในเอเชีย ลูกค้าจะชอบให้พนักงานมายืนพูดๆๆๆๆ
เพราะถ้าไม่มีพนักงานมายืนประกบ คนเอเชีย โดยเฉพาะคนไทย มักจะคิดไปเองว่า ร้านนี้ดูถูกไม่ต้อนรับลูกค้า)
แต่ถ้าเป็นที่ไทย ทันทีที่คุณหยุดยืนดูเมนูหน้าร้าน พนักงานจะเดินมาประกบคุณทันที และ จะร่ายยาวเกี่ยวกับเมนูอาหาร
พร้อมเชื้อเชิญแกมกดดันให้เข้าไปนั่งในร้าน
//
ถ้าคุณเข้าไปนั่ง ถ้าเป็นที่ใน ปท ที่พนักงานทำงานเป็น เขาจะวางเมนูให้คุณอ่าน ถ้าลูกค้าพร้อมเมื่อไหร่ ก็เรียกพนักงานมารับรายการอาหาร
หรือ ถ้าวางเมนูลง ไม่อ่านเมนูแล้ว พอพนักงานว่าง เขาจะมารับรายการอาหารเอง
แต่ที่ไทย หลายๆ ร้าน พอพนักงานวางเมนูลงปั๊บ ก็จะยืนเกาะติดที่โต๊ะ ประกบลูกค้า และ ต้องการรับรายการอาหารทันที
โดยที่บ่อยๆ ครั้ง ลูกค้ายังไม่ทันจะได้ศึกษาเมนู ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะกินอะไร แต่พนักงานอยู่ในท่าเตรียมพร้อมจดแล้ว
ยืนเกาะติดโต๊ะอยู่แบบนั้นแหละ
รอลูกค้าอ่านเมนู รวมเวลาตัดสินใจ สั่ง จดรายการอาหาร เครื่องดื่ม บางครั้ง พนักงานคนไทย จะยืนติดโต๊ะอยู่นานเลย
บางครั้งอาจจะถึง 10 นาที หรือ เกิน
//
เรื่องจ่ายเงินก็เช่นกัน พนักงานที่ ตปท ในหลายๆ ปท ที่ทำงานเป็น จะเอาบิลมาวางให้เอง หรือ วางเมื่อลูกค้าเรียก
แต่ที่ไทย พอวางบิลปุ๊บ พนักงานจะยืนรอติดโต๊ะ รอลูกค้าเอาเงินออกมา หรือ เอาเครดิตการ์ดออกมา
เหล่านี้เป็นต้นนะ คือ ที่ไทย จะเวิ่นเว้อมาก และ ลูกค้าคาดหวังมาก ว่าจะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลา
เพราะฉนั้น ที่เมืองไทยต้องใช้พนักงานเยอะมาก เพราะรายละเอียดที่ไม่จำเป็นมีเยอะ
//
//
เราขอยืนยันว่า ในหลายๆ ปท เขาทำกันแบบที่คุณไปเจอมาจริงๆ เช่นวางบิลทิ้งไว้ แล้วให้ลูกค้าวางเงินเอง
พอว่างเขาจะเข้ามาเก็บเงินเอง ถ้าคุณไม่ต้องการเงินทอน ก็ลุกออกไป แค่นั้นเอง
หรือ ถ้าต้องการจ่ายด้วยเครดิตการ์ด ก็บอกให้พนักงานเอาเครื่องมารูด หรือ พนักงานจะมีเครื่องรูดการ์ด
ติดอยู่กับตัวในกระเป๋าอยู่แล้ว แต่คุณอาจจะยังเจอมาไม่มากพอ
//
เราเพิ่งไปสุ่มอ่านดูกระทู้เก่าๆ ของคุณ จขกท มา
ตัวคุณ จขกท เอง ก็อาศัยอยู่ในยุโรปนี่นะ คุณไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่ไปอังกฤษจากเมืองไทย
(แต่คนไทยหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่อินเตอร์ หรือ คนที่รู้ธรรมเนียม หรือ คนที่อยู่เมืองนอก เขาก็รู้ธรรมเนียมกันเยอะแยะนะ
ไม่ใช่ว่าไปจากเมืองไทยแล้วจะต้องไม่ทราบ)
//
เห็นคุณ จขกท บอกว่าอยู่อิตาลี่ ที่อิตาลี่ เขาก็ให้ทิปกันนี่นะ แต่เป็นการให้ทิปแบบที่คิดราวน์ด อัพ ขึ้นไป
เช่น บิลยอดมา 57.26 จ่าย 60 หรือ บิลมา 94 ก็วางแบงค์ร้อยเอาไว้ แล้วลูกค้าก็ลุกออกไปได้เลย
โดยไม่รอเงินทอน ถ้าจะให้ทิปแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่รู้กัน โดยที่ไม่ต้องบอก ไม่ต้องถาม เพราะเป็นธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ
แต่ที่อิตาลี่ไม่ใช่การนิยมทิปแบบคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดรวม เช่น 10-20% จากยอดในบิลนี่นะ
และ ในวัฒนธรรมการทานอาหารตามร้านที่อิตาลี่หลายๆ ร้าน มีสิ่งที่ ปท อื่นๆ ไม่มีคือ ค่าผ้าปูโต๊ะ (ค่าคอร์แปร์โต้) ที่คิดเป็นรายหัว
รวมไปถึงค่าเซอร์วิส ชาร์จ เซอร์วิซิโอ้ อีกด้วย
ถ้าไม่ต้องทอน ก็หมายความว่า ที่จะต้องทอนประมาณ 2.75 ปอนด์ เขาจะได้เก็บเอาไว้เลย
และ เมื่อว่างเมื่อไหร่ พนักงานเขาก็จะเข้ามาเก็บเงินตอนเคลียร์โต๊ะเอง หลังจากที่คุณ จขกท ได้ออกไปแล้ว
เพราะ ณ ตอนนั้นเขาอาจจะทำอย่างอื่นยุ่งอยู่
คือ เขาจะได้เก็บทั้งหมด 60 ปอนด์ที่คุณวางทิ้งไว้บนโต๊ะไป แล้วเงินทอนเขาจะเก็บเข้ากระปุก/กล่องทิปไป
ที่เขาถามเพราะคุณยังนั่งรออยู่ และ ไม่ใช่การถามเพื่อที่ต้องการจะไล่ลูกค้าแต่อย่างใด
//
คืองี้นะ ที่ ตปท ในหลายๆ ปท ในร้านอาหาร หรือ ร้านกาแฟหลายๆ ร้าน จะไม่มีพนักงานมากมายแบบที่ไทยนะ
คือ สมมติว่า ร้านอาหาร หรือ ร้านกาแฟที่ไทย ต้องใช้พนักงานอย่างน้อย 10 คน ในการบริการ
แต่ถ้าเป็นร้านขนาดเดียวกันใน ตปท หลายๆ ปท พนักงานอาจจะเหลือแค่ 3 คน แทนที่จะเป็น 10 คนแบบที่ไทย
แล้วเขาเน้นทำงานไว กระฉับกระเฉง คล่องตัว ทำงานตามลำดับก่อนหลัง ไม่ต้องเข้าไปวุ่นวายที่โต๊ะของลูกค้าบ่อยๆ ไม่ต้องคอยถาม
ไม่ต้องคอยคุยทำเป็นเหมือนเอาอกเอาใจ
ไม่ต้องทำอะไรเวิ่นเว้อ ไม่ต้องมาคอยพะเน้าพนอเอาใจลูกค้า เขาไม่ทำอะไรแบบเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่เดินทอดน่อง
ไม่อ้อยอิ่ง เขาจึงใช้พนักงานน้อย
//
แล้วการไปทานอาหาร หรือ ไปดื่มกาแฟ ดื่มชา ในหลายๆ ปท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในร้านในระดับที่คุณ จขกท ไปมา
หรือ ร้านแบบแคชช่วลไดนิ่ง คือ ถือเป็นเรื่องที่ปกติมาก
ที่พนักงานจะเอาใบเสร็จ เอาบิลมาวางเอาไว้ให้เมื่อลูกค้าเรียกถาม หรือ ไม่ต้องเรียกก็เอามาวางได้ ไม่ถือว่าเป็นการไล่ลูกค้าแต่อย่างใด
และ พนักงานไม่ต้องมายืนเกาะโต๊ะรอเก็บเงิน
แล้วพอลูกค้าจะจ่ายเงิน ถ้าจะจ่ายเป็นการ์ด เขาก็จะเอาเครื่องรูดการ์ดมาที่โต๊ะ
หรือ ถ้าลูกค้าจะจ่ายเงินสด ก็วางเงินเอาไว้ที่บนโต๊ะได้ ถ้าจะให้พอดี ก็วางแบบพอดี
ถ้าจะให้ทิป ก็วางเกินไว้ หรือ วางเอาไว้แบบรู้กันว่า ไม่ต้องรอเงินทอน แล้วลูกค้าสามารถลุกออกไปได้เลย
และ พนักงานไม่จำเป็นที่จะต้องมายืนส่งลูกค้าด้วย แต่แค่ตะโกนบอกกัน หรือ บอกขอบคุณไล่หลัง
บอกขอบคุณด้วยเสียง โบกไม้โบกมือลากัน แค่นั้นก็ได้แล้ว
เขาไม่ต้องมายืนไหว้ประด๊กประด๊ก คอยยืนเปิดประตูให้ลูกค้านะ ใน ปท ที่พัฒนาแล้ว ในสังคมที่พัฒนาแล้ว
ร้านแคชช่วลไดนิ่ง อเมริกันสไตล์ แบบนี้ ลูกค้าไปเองได้ เปิดปิดประตูเองได้
//
ในเคสของคุณ จขกท นี้ ปกติมาก ที่เขาเห็นว่ายังไม่ลุกไป จึงเข้ามาถามว่าต้องการเงินทอนไหม
//
ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง คือ การที่เงินทอนแค่ 2.75 ปอนด์ แล้วพนักงานเอาเหรียญเศษเล็กๆ น้อยๆ เอาลูกแหง่มาให้ 20 เหรียญ
อันนี้เขาจงใจที่จะให้คุณวางเหรียญทั้งหมดทิ้งเอาไว้ เพราะคุณจะได้ถอดใจไม่อยากพกเหรียญ 20 เหรียญให้หนักกระเป๋านะ
คือ เขาอยากได้ทิปมาก และ เขาอาจจะประชดด้วย และ อาจจะรวมไปถึงเหยียดกลายๆ เพราะคุณเป็นนักท่องเที่ยวเอเชียหัวดำใช่ไหม?
(คุณไปเที่ยวใช่ไหม ไม่ได้อาศัยอยู่ ใน ตปท)
นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า พนักงาน ไม่ได้มีรายได้มาก และ กระหายการอยากได้ทิป
เพราะต้องการเงินนำมาใช้จ่าย เมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงสำหรับการใช้ชีวิตในลอนดอน
นอกจากนี้ ก็อาจจะต้องเก็บเงินส่งกลับบ้าน ไม่ต่างจากคนเขมร พม่า ลาว เป็นต้น ที่มาทำงานตามร้านอาหารในไทย
//
อ้อ แต่อีกอย่างนึงคือ เราดูใบเสร็จชื่อร้านแล้ว มันเป็นร้านอเมริกัน แบบมีเชน มีเฟรนไชส์นะ
ร้านนี้ใน ปท อื่นๆ ก็มี ไม่ใช่มีแค่ในลอนดอน และ ร้านนี้ไม่ใช่ร้านอาหารอังกฤษ
และ การที่ร้านตั้งอยู่ในลอนดอน คือ มีโอกาสสูงมากๆ นะ ที่พนักงานที่บริการคุณ น่าจะไม่ใช่คนอังกฤษ
แต่น่าจะเป็นคนต่างชาติ จาก ปท อื่นๆ ที่เข้าไปทำงานในอังกฤษ
เพราะในลอนดอนหน่ะ ในห้วง 10 ปีเศษๆ ที่ผ่านมานี้
หรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง 1, 2, 3, 4, 5 ปีที่ผ่านมานี้ เวลาที่คุณไปใช้บริการตามร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ
พิพิธภัณฑ์ โรงแรม พนักงานที่สนามบิน พนักงานที่สถานีรถไฟใต้ดิน เป็นต้น
พนักงานตามที่กล่าวมานี้ อย่างน้อยๆ 90% ไม่ใช่คนอังกฤษนะ แต่เป็นคนต่างชาติ ที่ไม่ได้เกิดไม่ได้โตมากับวัฒนธรรมอังกฤษ
และ อย่างน้อยๆ คนเหล่านี้ 60-80% หรือ มากกว่านี้นิดหน่อย ไม่สามารถพูด Proper English ได้
และ อย่างน้อยครึ่งนึงไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วยความเข้าใจ
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ แค่มาทำงานในอังกฤษเพื่อหาเงินหารายได้ล้วนๆ นะ และ หลายๆ คนก็หวังพีอาร์ หรือ หวังพาสปอร์ตอังกฤษด้วย
เงินๆๆ คือสิ่งที่เขาต้องการ
//
จะสรุปให้ว่า สิ่งที่คุณไปเจอมา เราขอเรียกว่า เป็นคัลเจ้อร์ ช็อค แบบทับซ้อนคัลเจ้อร์ ช็อค อีกทีนึงนะ
//
แล้วพนักงานใน ตปท โดยเฉพาะพนักงานที่เป็นคนต่างชาติที่ไปอาศัยทำงานในเมืองใหญ่ๆ ใน ปท เจริญๆ ที่ทำงานแล้วได้รายได้น้อยๆ เนี่ย
โดยเฉพาะคนที่ทำงานทางด้านสาขางานบริการ
ส่วนใหญ่คือ มักจะ "แรง" นะ เพราะชีวิตส่วนใหญ่คือรายได้น้อย
ต้องปากกัดเท้าถีบ ค่าครองชีพในเมืองเจริญๆ เมืองใหญ่ๆ ก็สูงมาก
และ สังคมในที่ทำงานบางครั้งก็แก่งแย่งชิงดีสูงมาก
เพราะฉนั้น ถ้าเขามีโอกาส เขาเอาทุกเม็ด นี่หมายถึงพวกที่แรงๆ โหดๆ อ่านะ
เช่นแบบที่คุณ จขกท นี้ไปเจอมานี่แหละ คือ มีเซอร์วิสชาร์จแล้ว แต่เขาก็ยังอยากให้ลูกค้าทิ้งทิป โดยการปัดเศษเอาไว้
จริงๆ คือ เขาน่าจะมาถามก่อนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาไม่ถาม เพราะบางคนก็ต้องการให้ลูกค้าเดินออกไปเลย
โดยที่ทิ้งเงินที่ปัดเศษขึ้นเอาไว้ให้เลย โดยที่ไม่นำมาทอนก่อน
ในส่วนนี้เราก็เข้าใจ จขกท นะ และ เข้าใจพนักงานด้วย คือเข้าใจเจตนาของทั้งสองฝ่าย
//
พนักงานหน่ะ ไม่ต่างจากเมืองไทยหรอก คือจะเอาทั้งเซอร์วิสชาร์จ ทั้งทิป
เพราะบางครั้ง เซอร์วิสชาร์จอาจจะไม่ถึงพนักงานแบบเต็มที่ไง หรือ อาจจะไม่ถึงพนักงานเลย
ผู้ประกอบการในระบบทุนนิยมในสมัยนี้หลายๆ ร้านหน่ะ เขาใช้วิธีนี้
เหมือนเสี้ยมกดดันลูกค้ากับพนักงานให้กดดันกันเองไง แต่เขาลอยตัว
//
คนไทยบางส่วน ในสมัยนี้ โดยเฉพาะย่านดัดจริต ย่านแพงในกรุงเทพฯ จะคุ้นเคยกับ "ดิ๊กแด๊ก เซอร์วิส" (อันนี้ศัพท์ของเราเอง เรียกเอง)
คือ พนักงานเสิร์ฟต้องแทบจะอุ้มลูกค้า กราบไหว้ลูกค้า พูดคำว่าขออนุญาตทุกๆ 5 นาที
วางบิลก็ต้องไหว้ รับเงินรับเครดิตการ์ดก็ต้องไหว้ ส่งสลิปใบเสร็จก็ต้องไหว้ ทอนเงินก็ต้องไหว้
ไหว้ประด๊กประด๊ก และ ต้องทำท่านอบน้อมมากๆๆๆๆ ดูดิ๊กแด๊กชอบกล (นี่คือที่มาของคำว่า ดิ๊กแด๊ก เซอร์วิส)
พนักงานต้องนอบน้อมมากๆ ไหว้เก่งๆ ขออนุญาตบ่อยๆ ต้องยืนบริการติดโต๊ะ
มิเช่นนั้นจะโดนคอมเพลน หรือ คนไทยบางส่วนจะขี้ใจน้อย ถ้าหากว่าพนักงานไม่สนใจ
คนไทยบางส่วนชอบให้พนักงานบริการเอาอกเอาใจ แต่โดยที่ลูกค้าแทบจะไม่สื่อสารไม่พูดอะไรเลย
แต่พนักงานต้องเดาใจเอง รู้ใจลูกค้าเอง
(อันนี้ไม่ได้ว่า จขกท นะ แต่แค่จะเขียนให้เห็นถึงภาพของความแตกต่างของสไตล์ในการทำงาน หรือ การบริการ ว่าเป็นคนละแบบกัน)
//
ที่อธิบายมาทั้งหมดนี้ หวังว่าจะทำให้คุณได้เห็นภาพต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น และ เข้าใจสถานะการณ์ดีขึ้น
//
อ้อ แล้วอีกเรื่องนึง หรือ สองเรื่อง ที่คนไทยบางส่วนจะไม่ค่อยคุ้น
คือ ในหลายๆ ปท เป็นเรื่องปกติมาก ที่ตามร้านกาแฟ ร้านอาหารบางแห่ง
คนที่ต่างคนต่างมา คนที่ไม่รู้จักกัน สามารถแชร์โต๊ะ แบ่งโต๊ะนั่งกันได้
และ ปกติมาก ถ้าหากว่า ในหลายๆ ร้านลูกค้าจะต้องบริการตัวเอง
หรือเก็บถาดเก็บของเอง
หรือ ลูกค้าเอาบิลไปจ่ายเงินเองที่แคชเชียร์
แต่ส่วนใหญ่ที่เราเห็น คือที่เมืองไทย คนมักจะถือตัว ไม่สามารถนั่งร่วมกันไม่สามารถแบ่งปันที่นั่งตามร้านกาแฟกันได้
และ แคชเชียร์ไทยหลายๆ แห่ง จะตกใจมาก ถ้าลูกค้าเดินไปจ่ายเงินเอง หรือ ลูกค้าคนไทยหลายคน จะคิดว่าทางร้านบริการไม่ดี
ถ้าหากว่าลูกค้าจะต้องทำอะไรด้วยตนเองบ้าง
//
มันเป็นเรื่องของความแตกต่างหน่ะนะ นี่แหละ อีกหนึ่งในเหตุผลที่ดี ที่คนเราควรจะเดินทางเพื่อเปิดโลกทัศน์
_________
***แวะกลับมา Edit เพื่อบอก จขกท เพิ่มเติมว่า …
ที่ ตปท ในหลายๆ ปท พนักงานเขาจะบริการแบบมืออาชีพนะ
เขาจะรู้ว่าอะไรควรทำก่อน หรือ ทำทีหลัง บริหารเวลาเป็น บริหารงานเป็น เพราะฉนั้นเขาจึงไม่ต้องใช้คนมากมายในการทำงาน
เขาใช้คอมม่อนเซ้นส์ในการทำงาน ไม่ใช่ใช้อารมณ์ทำงาน ไม่ใช่ใช้การเข้าหาลูกค้าแบบนายกับบ่าวแบบในบางประเทศ
และ ไม่ทำงานอืดอาดยืดยาด
//
ความแตกต่างก็อาทิเช่น ขอยกตัวอย่าง ร้านในไทยหลายร้าน ที่พนักงานทำงานไม่เป็น หรือ ไม่ได้ถูกสอนให้ทำงานเป็น
แต่ถูกสอนมาให้รับคำสั่งอย่างเดียว
ร้านแบบนี้ จะมีการบริการประมาณนี้
เช่น
ใน หลายๆ ปท จะมีเมนูตั้งไว้บนสแตนด์หน้าร้าน ลูกค้าที่เดินผ่านไปมาสามารถดูเมนูได้ตามสบาย ได้ด้วยตนเอง
พนักงานจะไม่ออกมายุ่ง ไม่ออกมากดดัน (แต่ถ้าในเอเชีย ลูกค้าจะชอบให้พนักงานมายืนพูดๆๆๆๆ
เพราะถ้าไม่มีพนักงานมายืนประกบ คนเอเชีย โดยเฉพาะคนไทย มักจะคิดไปเองว่า ร้านนี้ดูถูกไม่ต้อนรับลูกค้า)
แต่ถ้าเป็นที่ไทย ทันทีที่คุณหยุดยืนดูเมนูหน้าร้าน พนักงานจะเดินมาประกบคุณทันที และ จะร่ายยาวเกี่ยวกับเมนูอาหาร
พร้อมเชื้อเชิญแกมกดดันให้เข้าไปนั่งในร้าน
//
ถ้าคุณเข้าไปนั่ง ถ้าเป็นที่ใน ปท ที่พนักงานทำงานเป็น เขาจะวางเมนูให้คุณอ่าน ถ้าลูกค้าพร้อมเมื่อไหร่ ก็เรียกพนักงานมารับรายการอาหาร
หรือ ถ้าวางเมนูลง ไม่อ่านเมนูแล้ว พอพนักงานว่าง เขาจะมารับรายการอาหารเอง
แต่ที่ไทย หลายๆ ร้าน พอพนักงานวางเมนูลงปั๊บ ก็จะยืนเกาะติดที่โต๊ะ ประกบลูกค้า และ ต้องการรับรายการอาหารทันที
โดยที่บ่อยๆ ครั้ง ลูกค้ายังไม่ทันจะได้ศึกษาเมนู ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะกินอะไร แต่พนักงานอยู่ในท่าเตรียมพร้อมจดแล้ว
ยืนเกาะติดโต๊ะอยู่แบบนั้นแหละ
รอลูกค้าอ่านเมนู รวมเวลาตัดสินใจ สั่ง จดรายการอาหาร เครื่องดื่ม บางครั้ง พนักงานคนไทย จะยืนติดโต๊ะอยู่นานเลย
บางครั้งอาจจะถึง 10 นาที หรือ เกิน
//
เรื่องจ่ายเงินก็เช่นกัน พนักงานที่ ตปท ในหลายๆ ปท ที่ทำงานเป็น จะเอาบิลมาวางให้เอง หรือ วางเมื่อลูกค้าเรียก
แต่ที่ไทย พอวางบิลปุ๊บ พนักงานจะยืนรอติดโต๊ะ รอลูกค้าเอาเงินออกมา หรือ เอาเครดิตการ์ดออกมา
เหล่านี้เป็นต้นนะ คือ ที่ไทย จะเวิ่นเว้อมาก และ ลูกค้าคาดหวังมาก ว่าจะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลา
เพราะฉนั้น ที่เมืองไทยต้องใช้พนักงานเยอะมาก เพราะรายละเอียดที่ไม่จำเป็นมีเยอะ
//
//
เราขอยืนยันว่า ในหลายๆ ปท เขาทำกันแบบที่คุณไปเจอมาจริงๆ เช่นวางบิลทิ้งไว้ แล้วให้ลูกค้าวางเงินเอง
พอว่างเขาจะเข้ามาเก็บเงินเอง ถ้าคุณไม่ต้องการเงินทอน ก็ลุกออกไป แค่นั้นเอง
หรือ ถ้าต้องการจ่ายด้วยเครดิตการ์ด ก็บอกให้พนักงานเอาเครื่องมารูด หรือ พนักงานจะมีเครื่องรูดการ์ด
ติดอยู่กับตัวในกระเป๋าอยู่แล้ว แต่คุณอาจจะยังเจอมาไม่มากพอ
//
เราเพิ่งไปสุ่มอ่านดูกระทู้เก่าๆ ของคุณ จขกท มา
ตัวคุณ จขกท เอง ก็อาศัยอยู่ในยุโรปนี่นะ คุณไม่ใช่นักท่องเที่ยวที่ไปอังกฤษจากเมืองไทย
(แต่คนไทยหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่อินเตอร์ หรือ คนที่รู้ธรรมเนียม หรือ คนที่อยู่เมืองนอก เขาก็รู้ธรรมเนียมกันเยอะแยะนะ
ไม่ใช่ว่าไปจากเมืองไทยแล้วจะต้องไม่ทราบ)
//
เห็นคุณ จขกท บอกว่าอยู่อิตาลี่ ที่อิตาลี่ เขาก็ให้ทิปกันนี่นะ แต่เป็นการให้ทิปแบบที่คิดราวน์ด อัพ ขึ้นไป
เช่น บิลยอดมา 57.26 จ่าย 60 หรือ บิลมา 94 ก็วางแบงค์ร้อยเอาไว้ แล้วลูกค้าก็ลุกออกไปได้เลย
โดยไม่รอเงินทอน ถ้าจะให้ทิปแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่รู้กัน โดยที่ไม่ต้องบอก ไม่ต้องถาม เพราะเป็นธรรมเนียมเล็กๆ น้อยๆ
แต่ที่อิตาลี่ไม่ใช่การนิยมทิปแบบคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดรวม เช่น 10-20% จากยอดในบิลนี่นะ
และ ในวัฒนธรรมการทานอาหารตามร้านที่อิตาลี่หลายๆ ร้าน มีสิ่งที่ ปท อื่นๆ ไม่มีคือ ค่าผ้าปูโต๊ะ (ค่าคอร์แปร์โต้) ที่คิดเป็นรายหัว
รวมไปถึงค่าเซอร์วิส ชาร์จ เซอร์วิซิโอ้ อีกด้วย
แสดงความคิดเห็น
พนักงานร้านอาหารทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง