ประมาณ 14.30 น. - ได้รับโทรศัพท์จากทางโรงบาลดังกล่าว ว่าคุณป้ามีรถกู้ชีพมาส่งเนื่องจากจากการซ้อนมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ตอนนี้อยู่ห้องฉุกเฉิน
ปล. คุณป้าอายุ 71 ปี
14.35 น. - เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้จึง 5 นาทีถึงโรงพยาบาล ขณะนั้นพยาบาลที่แผนกแจ้งว่าเกิดเหตุคนขับรถยนต์ที่จอดอยู่เปิดประตูรถมาชนโดนมอเตอร์ไซต์รับจ้างแล้วคุณป้าซ้อนท้ายและไม่ได้ใส่หมวกกันน็อคและยังให้เข้าไปหาไม่ได้
14.50 น. - พยาบาลเรียกให้เข้าไปพบคุณป้า สภาพคือภายนอกไม่มีรอยแผลเลือดออก แต่ใส่ท่อช่วยหายใจไว้อยู่และมีเลือดออกทางปาก (ตอนนั้นตกใจมากไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้) พยาบาลอธิบายเพิ่มว่าตอนรถกู้ชีพมาส่งยังมีสติบ้างแต่อาการค่อยๆดาวน์ลงเลยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เดี๋ยวจะพาไป CT สมอง
15.20 น. - หมอเวรที่ห้องฉุกเฉินเรียกไปดูผล CT Scan แล้วแจ้งว่ามีเลือดออกในสมองต้องทำการผ่าตัด เราจึงถามว่าต้องผ่าเลยหรอใส่สายเดรนได้ไหม คุณหมอไม่ตอบ
15.40 น. - พยาบาลมาอธิบายว่าคนไข้เคสนี้ถ้าไม่ผ่าเสียชีวิต ถ้าผ่าตัดมีโอกาสนอนติดเตียง เราไม่มีทางเลือกยังไงก็คงต้องผ่า แต่ในใจลึกๆ ไม่อยากผ่าที่โรงพยาบาลนี้เลย ใกล้บ้านก็จริง แต่ชื่อเสีย (ไม่ได้พิมผิด) ทั้งที่เคยพบเจอในครอบครัวที่รักษาที่นี่คือไม่ค่อยโอเค จึงถามพยาบาลว่าขอย้ายโรงพยาบาลได้ไหม พยาบาลแจ้งว่าได้ค่ะ แต่เพื่อความปลอดภัยของคนไข้อยากให้ผ่าตัดอย่างรวดเร็ว เราก็พอรู้มาบ้างว่าเลือดออกในสมองควรระบายออกให้ไวที่สุด จึงตอบตกลงว่าผ่าที่นี่ พยาบาลก็เอาเอกสารต่างๆ ให้เซ็นต์แล้วก็ติดต่อแผนกผ่าตัด สักพักก็เข็นขึ้นไป เราก็เคลียเรื่องเอกสารเสร็จ ก็ตามขึ้นไปตรงห้องพักญาติรอคนไข้ผ่าตัด ตอนนั้นหลานๆ พี่น้องคุณป้าก็ทยอยมารอฟังผล เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลโรงพยาบาลมากนัก เราเลยแปะมือกับน้องชายว่าฝากประสานงานต่อด้วย ขอกลับไปเคลียบ้านแปปนึงเดี๋ยวมา ตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็นได้แล้ว
17.10 น. - น้องชายโทรมาบอกว่า ไปถามมานี่ยังไม่ได้ผ่าเลยนะ แค่เอาไปนอนรอใน ICU ได้คิวกี่โมงไม่รู้ เราเลยให้น้องชายถามเลยว่าจะได้ผ่าเร็วสุดกี่โมง น้องชายแจ้งว่าพยาบาลบอก 4 ทุ่มได้ผ่า เรานึกในใจ (What The Fcuk) เลือดออกในสมองไหนบอกเวลาสำคัญต้องรีบช่วยคนไข้ไง ไหงให้รอถึง 4 ทุ่ม น้องชายเลยถามบอกไม่มีเร็วกว่านี้หรอ พยาบาลบอกว่า คนไข้รอได้ เท่านั้นแหละ เราไม่ไหวละ หาโรงพยาบาลอื่น พอดีน้องสาวติดต่อได้โรงพยาบาลแถวราชปรารภ ซึ่งคุณป้ามีประวัติอยู่แล้ว แล้วถามคิวผ่าได้ 2 ทุ่ม เราจึงแจ้งพยาบาลว่าขอย้ายโรงพยาบาล
17.30 น. - น้องชายเราจึงประสานงานกับโรงพยาบาลปลายทางว่าติดต่อโรงพยาบาลต้นทางให้ส่งคนไข้ไปหน่อย แต่เราขอมีหมอหรือพยาบาลติดรถไปด้วยนะ ทางโรงพยาบาลต้นทางแจ้งว่าไปส่งได้ แต่เป็นรถเปล่าไม่มีนโยบายนี้ ถ้าอยากได้หมอหรือพยาบาลมากับรถ ต้องให้โรงพยาบาลปลายทางมารับไปเอง เราเลยเริ่มลังเล เพราะไกลกันพอควร บวกกันรถตอนนั้นหกโมงเย็นได้ละ รถติด
สักพักพยาบาลเดินออกมาจากห้อง ICU ที่คุณป้านอนรออยู่บอกว่าหาคิวหมอให้ได้ละนะ สามทุ่ม เราก็บอกไม่เอาค่ะยังไงก็ย้าย เราก็ให้น้องเราโทรตามโรงพยาบาบปลายทางให้ส่ง ambulance พร้อมแพทย์มา stand by เลย ไม่เกิน 5 นาที พยาบาลออกมาบอกหาหมอให้ได้ละนะ สองทุ่มผ่าได้เลย ในใจตอนนั้นลังเลเอาไงดี แต่ก็ยังยืนยันให้รถพยาบาลอีกโรงพยาบาลนึงออกมารอก่อน เราบอกพยาบาลขอตัดสินใจแปปนึง โทรไปโรงพยาบาลปลายทางก็บอก Ambulance ยังไม่ได้ออกยังตกลงกับทางโรงพยาบาลต้นทางไม่ได้
18.30 น. - พยาบาลออกมาบอกว่าทุ่มครึ่งนะหาหมอได้แล้วผ่าได้แน่นอน ตอนนั้นคือแบบเห้ยต่อรองกันได้แบบนี้เลยหรอ หาหมอที่ไหนมาเนี่ย ง่ายอย่างกะต่อราคาสินค้า เลยบอกขอโทษนะคะคอนเฟิร์มย้ายค่ะ เลยโทรแจ้งโรงพยาบาลปลายทางว่าออกมาเลยด่วน แล้วให้ทางนี้ส่งข้อมูลทั้งหมดไปแล้วเตรียมห้องผ่าตัด สุดท้ายกว่า Amnulance จะมาเคลื่อนย้ายก็ทุ่มนิดๆ ถึงโรงพยาบาลปลายทางเกือบสองทุ่ม ซึ่งคุณหมอ Stand By แล้ว แต่ผล CT มันนานแล้วตั้งแต่บ่ายสามโมงจนถึงสามทุ่ม คุณหมอเลยขอ CT ซ้ำก่อนผ่า และมีอาการแทรกซ้อนคือมีเลือดออกทางปาก จึงทหให้คิดว่าในอาจได้รับบาดเจ็บ ไปไปมามากว่าจะได้ผ่าก็ล่อไปสามทุ่มหน่อยๆ อยู่ เพราะหมอขอเช็คระเอียด เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุ คนไข้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังไม่ได้ และก็ไม่มีใครรู้เหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ พี่วินมอไซต์ก็เข้าห้องผ่าได้ไปเพราะนิ้วก้อยแกโดยกระจกรถบาดเกือบนิ้วขาด
21.15 - ก่อนเข้าผ่าคุณหมอก็แจ้งว่าจะเปิดกระโหลกสองฝั่ง เนื่องจากเลือดออกสองด้าน และคนไข้อายุมาก เยื่อหุ้มสมองมันชิดกับเนื้อสมองและมีเนื้อสมองบางส่วนบวม ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ หลังจากนั้นจึงย้ายแกไป ICU
ปล. มารู้ทีหลังว่าสาเหตุที่ Ambulance ทางโรงพยาบาลปลายทางไม่ออกมาสักทีเนื่องจากก่อนอ่อน ต้องแจ้งโรงพยาบาลต้นทางให้เตรียมผู้ป่วย แต่คน
ปัจจุบันหลังจากเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปได้ สามวัน คุณป้าผ่าเรียบร้อย เลือดยังมีไหลออกบ้างคุณหมอต่อสายเดรนให้เลือดเก่าอก และ CT แล้วมีเลือดใหม่ออกบ้างจึงให้ยาห้ามเลือด เนื่องจากแกอายุค่อนข้างมาก
สาเหตุในการตั้งกระทู้ครั้งนี้
1. โรงพยาบาลที่รถกู้ชีพพาไปที่เป็นโรงพยาบาลแถวบ้านเรา เรารู้สึกถึงการไร้จรรยาบรรณในการ รักษาชีวิตผู้ป่วย
2. โรงพยาบาลนี้ถ้าใครพอทราบว่าคือที่ไหน และเคยรักษาประกันสังคมที่นี่ จะทราบเลยว่าระบบห่วยมาก การบริการของพยาบาลก็ไม่ดี ไม่ใช้ว่าต้องมาถึงขนาดเรียกคุณหรือคลานเข่ามา แต่คุณช่วยให้เกรียรติคนไข้ด้วย กรุณาเข้าใจใหม่นะ ว่าประกันสังคมไม่ใช่การรักษาฟรี เราจ่ายเงินนะ ไม่น้อยด้วย
3. โรงพยาบาลแห่งนี้มีประเด็นส่วนตัวหลายประเด็น
- หน้าโรงพยาบาลติดถนนลาดพร้าว หลังโรงพยาบาลติดถนนซอย ระหว่างซอยมีศูนย์อาหาร ถนนซอยปกติรถวิ่งสวนสองเลนได้ แต่มีมอเตอร์ไซ์ของทั้งลูกค้าศูนย์อาหารและลูกค้าของโรงพยาบาล และยังมีรถขายส้มตำ ขายผลไม้ ขายโตเกียว ทำให้เหลือถนนเพียง 1 เลน สถานที่คับขันแบบนั้นไม่ควรไรมากีดขวางการจราจร ยังไม่รวมถึงรถที่มาลงของขายที่ศุนย์อาหารอีก เคยโทรแจ้งโรงพยาบาลแล้ว แต่โรงพยาบาลแจ้งว่าไม่ใช้คนไข้ของโรงพยาบาลที่มาจอด เค้าไม่มีสิทธิให้ยามไล่ ได้แต่มาตั้งป้ายว่าห้ามจอด แต่เหมือนคนอ่านภาษาไทยไม่ออก
- คุณยายเคยหกล้มแล้วพอซักพักแกหายใจช้าลงเลยรีบส่งโรงพยาบาลนี้เพราะใกล้บ้าน พยาบาลบอกปั๊มหัวใจคุณยาย 2 รอบ อีกครั้งก็ออกมาบอกว่าคุณยายเสียแล้ว คุณยายอายุ 92 ปี ค่ะ แล้วแม่เราแอบได้ยินพยาบาลคุยกันบอกว่าช่างเถอะแกอายุเยอะแล้ว .... เอิ่ม ตรรกะนี้ใช้ได้หรอค่ะ ลองเป็นญาติคุณดูไหม
4. อยากทำหนังสือร้องเรียนหรือแจ้งไปการกระทรวงสาธารณสุข หรือแพทย์สภามาก แต่ไปเช็คแล้วหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลนี้คือมีตำแหน่งใหญ่โตในแพทย์สภา เจ้าของที่จัดตั้งก็ใหญ่ๆโตๆ ทั้งนั้น ขนาดตึกที่โรงพยาบาลสร้างใหม่ด้านหลังอีกสองตึกยังสามารถสิ่งปลูกสร้างคร่อมถนนสาธารณะได้ด้วย
ได้แต่ถอดใจว่าเรามันคนตัวเล็กๆ ไปสู้กับเค้า ทั้งๆที่โรงพยาบาลคือสถานที่ที่ควรจะคำนึงถึงชีวิตคนไข้มากที่สุด เข้าใจว่าเรื่องธุรกิจส่วนหนึ่ง แต่จรรยาบรรณต้องมาก่อน แนะนำไปดูตาม Social Media ค่ะ คนสรรเสริญเยอะเลย โดยเฉพาะเรื่องระบบประกันสังคม แต่ไม่มีการแก้ไขใดใดทั้งสิ้น ไม่รู้จะมีวิธีไหนแก้ไขเจ้าของโรงพยาบาลที่เส้นใหญ่ได้ขนาดนี้
ใครมีประสบการณ์ดีหรือไม่ดีแชร์กันได้นะคะ เราไม่ได้เหมารวมว่าบุคคลากรทั้งโรงพยาบาลไม่ดีนะคะ ดีก็มี แต่ที่ประสบพบเจอเนี่ยรู้สึกว่าไม่มีจรรยาบรรณในการรักษาคนชีวิตคนไข้มากพอเท่านั้นเองค่ะ
<<เล่าสู่กันฟังไว้ตัดสินใจ>> กรณีโรงพยาบาลชื่อดังย่านลาดพร้าว
ปล. คุณป้าอายุ 71 ปี
14.35 น. - เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้จึง 5 นาทีถึงโรงพยาบาล ขณะนั้นพยาบาลที่แผนกแจ้งว่าเกิดเหตุคนขับรถยนต์ที่จอดอยู่เปิดประตูรถมาชนโดนมอเตอร์ไซต์รับจ้างแล้วคุณป้าซ้อนท้ายและไม่ได้ใส่หมวกกันน็อคและยังให้เข้าไปหาไม่ได้
14.50 น. - พยาบาลเรียกให้เข้าไปพบคุณป้า สภาพคือภายนอกไม่มีรอยแผลเลือดออก แต่ใส่ท่อช่วยหายใจไว้อยู่และมีเลือดออกทางปาก (ตอนนั้นตกใจมากไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้) พยาบาลอธิบายเพิ่มว่าตอนรถกู้ชีพมาส่งยังมีสติบ้างแต่อาการค่อยๆดาวน์ลงเลยต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เดี๋ยวจะพาไป CT สมอง
15.20 น. - หมอเวรที่ห้องฉุกเฉินเรียกไปดูผล CT Scan แล้วแจ้งว่ามีเลือดออกในสมองต้องทำการผ่าตัด เราจึงถามว่าต้องผ่าเลยหรอใส่สายเดรนได้ไหม คุณหมอไม่ตอบ
15.40 น. - พยาบาลมาอธิบายว่าคนไข้เคสนี้ถ้าไม่ผ่าเสียชีวิต ถ้าผ่าตัดมีโอกาสนอนติดเตียง เราไม่มีทางเลือกยังไงก็คงต้องผ่า แต่ในใจลึกๆ ไม่อยากผ่าที่โรงพยาบาลนี้เลย ใกล้บ้านก็จริง แต่ชื่อเสีย (ไม่ได้พิมผิด) ทั้งที่เคยพบเจอในครอบครัวที่รักษาที่นี่คือไม่ค่อยโอเค จึงถามพยาบาลว่าขอย้ายโรงพยาบาลได้ไหม พยาบาลแจ้งว่าได้ค่ะ แต่เพื่อความปลอดภัยของคนไข้อยากให้ผ่าตัดอย่างรวดเร็ว เราก็พอรู้มาบ้างว่าเลือดออกในสมองควรระบายออกให้ไวที่สุด จึงตอบตกลงว่าผ่าที่นี่ พยาบาลก็เอาเอกสารต่างๆ ให้เซ็นต์แล้วก็ติดต่อแผนกผ่าตัด สักพักก็เข็นขึ้นไป เราก็เคลียเรื่องเอกสารเสร็จ ก็ตามขึ้นไปตรงห้องพักญาติรอคนไข้ผ่าตัด ตอนนั้นหลานๆ พี่น้องคุณป้าก็ทยอยมารอฟังผล เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลโรงพยาบาลมากนัก เราเลยแปะมือกับน้องชายว่าฝากประสานงานต่อด้วย ขอกลับไปเคลียบ้านแปปนึงเดี๋ยวมา ตอนนั้นประมาณ 5 โมงเย็นได้แล้ว
17.10 น. - น้องชายโทรมาบอกว่า ไปถามมานี่ยังไม่ได้ผ่าเลยนะ แค่เอาไปนอนรอใน ICU ได้คิวกี่โมงไม่รู้ เราเลยให้น้องชายถามเลยว่าจะได้ผ่าเร็วสุดกี่โมง น้องชายแจ้งว่าพยาบาลบอก 4 ทุ่มได้ผ่า เรานึกในใจ (What The Fcuk) เลือดออกในสมองไหนบอกเวลาสำคัญต้องรีบช่วยคนไข้ไง ไหงให้รอถึง 4 ทุ่ม น้องชายเลยถามบอกไม่มีเร็วกว่านี้หรอ พยาบาลบอกว่า คนไข้รอได้ เท่านั้นแหละ เราไม่ไหวละ หาโรงพยาบาลอื่น พอดีน้องสาวติดต่อได้โรงพยาบาลแถวราชปรารภ ซึ่งคุณป้ามีประวัติอยู่แล้ว แล้วถามคิวผ่าได้ 2 ทุ่ม เราจึงแจ้งพยาบาลว่าขอย้ายโรงพยาบาล
17.30 น. - น้องชายเราจึงประสานงานกับโรงพยาบาลปลายทางว่าติดต่อโรงพยาบาลต้นทางให้ส่งคนไข้ไปหน่อย แต่เราขอมีหมอหรือพยาบาลติดรถไปด้วยนะ ทางโรงพยาบาลต้นทางแจ้งว่าไปส่งได้ แต่เป็นรถเปล่าไม่มีนโยบายนี้ ถ้าอยากได้หมอหรือพยาบาลมากับรถ ต้องให้โรงพยาบาลปลายทางมารับไปเอง เราเลยเริ่มลังเล เพราะไกลกันพอควร บวกกันรถตอนนั้นหกโมงเย็นได้ละ รถติด
สักพักพยาบาลเดินออกมาจากห้อง ICU ที่คุณป้านอนรออยู่บอกว่าหาคิวหมอให้ได้ละนะ สามทุ่ม เราก็บอกไม่เอาค่ะยังไงก็ย้าย เราก็ให้น้องเราโทรตามโรงพยาบาบปลายทางให้ส่ง ambulance พร้อมแพทย์มา stand by เลย ไม่เกิน 5 นาที พยาบาลออกมาบอกหาหมอให้ได้ละนะ สองทุ่มผ่าได้เลย ในใจตอนนั้นลังเลเอาไงดี แต่ก็ยังยืนยันให้รถพยาบาลอีกโรงพยาบาลนึงออกมารอก่อน เราบอกพยาบาลขอตัดสินใจแปปนึง โทรไปโรงพยาบาลปลายทางก็บอก Ambulance ยังไม่ได้ออกยังตกลงกับทางโรงพยาบาลต้นทางไม่ได้
18.30 น. - พยาบาลออกมาบอกว่าทุ่มครึ่งนะหาหมอได้แล้วผ่าได้แน่นอน ตอนนั้นคือแบบเห้ยต่อรองกันได้แบบนี้เลยหรอ หาหมอที่ไหนมาเนี่ย ง่ายอย่างกะต่อราคาสินค้า เลยบอกขอโทษนะคะคอนเฟิร์มย้ายค่ะ เลยโทรแจ้งโรงพยาบาลปลายทางว่าออกมาเลยด่วน แล้วให้ทางนี้ส่งข้อมูลทั้งหมดไปแล้วเตรียมห้องผ่าตัด สุดท้ายกว่า Amnulance จะมาเคลื่อนย้ายก็ทุ่มนิดๆ ถึงโรงพยาบาลปลายทางเกือบสองทุ่ม ซึ่งคุณหมอ Stand By แล้ว แต่ผล CT มันนานแล้วตั้งแต่บ่ายสามโมงจนถึงสามทุ่ม คุณหมอเลยขอ CT ซ้ำก่อนผ่า และมีอาการแทรกซ้อนคือมีเลือดออกทางปาก จึงทหให้คิดว่าในอาจได้รับบาดเจ็บ ไปไปมามากว่าจะได้ผ่าก็ล่อไปสามทุ่มหน่อยๆ อยู่ เพราะหมอขอเช็คระเอียด เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุ คนไข้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังไม่ได้ และก็ไม่มีใครรู้เหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ พี่วินมอไซต์ก็เข้าห้องผ่าได้ไปเพราะนิ้วก้อยแกโดยกระจกรถบาดเกือบนิ้วขาด
21.15 - ก่อนเข้าผ่าคุณหมอก็แจ้งว่าจะเปิดกระโหลกสองฝั่ง เนื่องจากเลือดออกสองด้าน และคนไข้อายุมาก เยื่อหุ้มสมองมันชิดกับเนื้อสมองและมีเนื้อสมองบางส่วนบวม ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ หลังจากนั้นจึงย้ายแกไป ICU
ปล. มารู้ทีหลังว่าสาเหตุที่ Ambulance ทางโรงพยาบาลปลายทางไม่ออกมาสักทีเนื่องจากก่อนอ่อน ต้องแจ้งโรงพยาบาลต้นทางให้เตรียมผู้ป่วย แต่คน
ปัจจุบันหลังจากเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปได้ สามวัน คุณป้าผ่าเรียบร้อย เลือดยังมีไหลออกบ้างคุณหมอต่อสายเดรนให้เลือดเก่าอก และ CT แล้วมีเลือดใหม่ออกบ้างจึงให้ยาห้ามเลือด เนื่องจากแกอายุค่อนข้างมาก
สาเหตุในการตั้งกระทู้ครั้งนี้
1. โรงพยาบาลที่รถกู้ชีพพาไปที่เป็นโรงพยาบาลแถวบ้านเรา เรารู้สึกถึงการไร้จรรยาบรรณในการ รักษาชีวิตผู้ป่วย
2. โรงพยาบาลนี้ถ้าใครพอทราบว่าคือที่ไหน และเคยรักษาประกันสังคมที่นี่ จะทราบเลยว่าระบบห่วยมาก การบริการของพยาบาลก็ไม่ดี ไม่ใช้ว่าต้องมาถึงขนาดเรียกคุณหรือคลานเข่ามา แต่คุณช่วยให้เกรียรติคนไข้ด้วย กรุณาเข้าใจใหม่นะ ว่าประกันสังคมไม่ใช่การรักษาฟรี เราจ่ายเงินนะ ไม่น้อยด้วย
3. โรงพยาบาลแห่งนี้มีประเด็นส่วนตัวหลายประเด็น
- หน้าโรงพยาบาลติดถนนลาดพร้าว หลังโรงพยาบาลติดถนนซอย ระหว่างซอยมีศูนย์อาหาร ถนนซอยปกติรถวิ่งสวนสองเลนได้ แต่มีมอเตอร์ไซ์ของทั้งลูกค้าศูนย์อาหารและลูกค้าของโรงพยาบาล และยังมีรถขายส้มตำ ขายผลไม้ ขายโตเกียว ทำให้เหลือถนนเพียง 1 เลน สถานที่คับขันแบบนั้นไม่ควรไรมากีดขวางการจราจร ยังไม่รวมถึงรถที่มาลงของขายที่ศุนย์อาหารอีก เคยโทรแจ้งโรงพยาบาลแล้ว แต่โรงพยาบาลแจ้งว่าไม่ใช้คนไข้ของโรงพยาบาลที่มาจอด เค้าไม่มีสิทธิให้ยามไล่ ได้แต่มาตั้งป้ายว่าห้ามจอด แต่เหมือนคนอ่านภาษาไทยไม่ออก
- คุณยายเคยหกล้มแล้วพอซักพักแกหายใจช้าลงเลยรีบส่งโรงพยาบาลนี้เพราะใกล้บ้าน พยาบาลบอกปั๊มหัวใจคุณยาย 2 รอบ อีกครั้งก็ออกมาบอกว่าคุณยายเสียแล้ว คุณยายอายุ 92 ปี ค่ะ แล้วแม่เราแอบได้ยินพยาบาลคุยกันบอกว่าช่างเถอะแกอายุเยอะแล้ว .... เอิ่ม ตรรกะนี้ใช้ได้หรอค่ะ ลองเป็นญาติคุณดูไหม
4. อยากทำหนังสือร้องเรียนหรือแจ้งไปการกระทรวงสาธารณสุข หรือแพทย์สภามาก แต่ไปเช็คแล้วหุ้นส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลนี้คือมีตำแหน่งใหญ่โตในแพทย์สภา เจ้าของที่จัดตั้งก็ใหญ่ๆโตๆ ทั้งนั้น ขนาดตึกที่โรงพยาบาลสร้างใหม่ด้านหลังอีกสองตึกยังสามารถสิ่งปลูกสร้างคร่อมถนนสาธารณะได้ด้วย
ได้แต่ถอดใจว่าเรามันคนตัวเล็กๆ ไปสู้กับเค้า ทั้งๆที่โรงพยาบาลคือสถานที่ที่ควรจะคำนึงถึงชีวิตคนไข้มากที่สุด เข้าใจว่าเรื่องธุรกิจส่วนหนึ่ง แต่จรรยาบรรณต้องมาก่อน แนะนำไปดูตาม Social Media ค่ะ คนสรรเสริญเยอะเลย โดยเฉพาะเรื่องระบบประกันสังคม แต่ไม่มีการแก้ไขใดใดทั้งสิ้น ไม่รู้จะมีวิธีไหนแก้ไขเจ้าของโรงพยาบาลที่เส้นใหญ่ได้ขนาดนี้
ใครมีประสบการณ์ดีหรือไม่ดีแชร์กันได้นะคะ เราไม่ได้เหมารวมว่าบุคคลากรทั้งโรงพยาบาลไม่ดีนะคะ ดีก็มี แต่ที่ประสบพบเจอเนี่ยรู้สึกว่าไม่มีจรรยาบรรณในการรักษาคนชีวิตคนไข้มากพอเท่านั้นเองค่ะ