เธอหนีไปทำไม?
การยกเลิกศาสนาอิสลามนั้นมีโทษถึงตายในซาอุดิอาระเบีย
ภายใต้ "ระบบการปกครองโดยผู้ชายเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ดูแล" ที่ซาอุดิอาระเบีย ผู้หญิงจะต้องได้รับการอนุมัติจากญาติฝ่ายชายเสียก่อน เช่นเพื่อขอหนังสือเดินทางเดิออกนอกประเทศ การศึกษาในต่างประเทศ หรือเกี่ยวกับทุนการศึกษาของรัฐบาล การแต่งงาน ฯลฯ จึงจะทำได้ จึงมีผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการละเมิดเพราะถูกปฏิเสทที่จะทำธุระกรรมที่อยากทำถ้าผู้ปกครองฝ่ายชายไม่อนุญาต
นส.อัลกุนัน บอกกับ BBC: "ฉันได้เแบ่งปันเรื่องราวของฉันและรูปภาพของฉันบนโซเชียลมีเดียและพ่อของฉันโกรธมากเพราะฉันทำสิ่งนี้ ... ฉันไม่สามารถเรียนและทำงานในประเทศของฉันได้ดังนั้นฉันจึงต้องการเป็นอิสระและได้รับการศึกษาและ ทำงานอย่างที่ฉันต้องการ "
เธอยังบอกด้วยว่าเธอกลัวว่าครอบครัวของเธอจะฆ่าเธอ
เธอบอกกับ AFP ว่าเธอทรมานกับการถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากครอบครัวของเธอรวมถึงการถูกขังอยู่ในห้องของเธอเป็นเวลาหกเดือนหลังจากที่เธอตัดผมของตัวเอง (น่าจะเพราะประชด)
ครอบครัวบอกกับ โฆษกBBC ว่าพวกเขาไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นใดๆและสิ่งที่พวกเขาสนใจคือความปลอดภัยของลูกสาวเท่านั้น
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคุณ อัลกุนันเขียนบน Twitter ว่าเธอมี "ข่าวดีและข่าวร้าย" ก่อนที่จะลบบัญชีของเธอ เพื่อนของเธอบอกว่าเธอได้รับขู่ว่าจะฆ่าทางออนไลน์
มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนไหม?
ใช่. กรณีของนางสาวอัลกุนันสะท้อนถึงผู้หญิงซาอุดิอาระเบียอีกคนที่กำลังเดินทางต่อไปยังออสเตรเลียในเดือนเมษายน 2560
ดิน่า อาลี ลาสลูม วัย 24,เดินทางจากคูเวตผ่านทางฟิลิปปินส์ แต่ถูกนำกลับไปยังซาอุดิอาระเบียจากครอบครัวที่สนามบินมะนิลา
นอกจากนี้นส. ราฮาฟยังได้ฝากความเป็นห่วงไปถึงกรณีเคสหนุ่มมุสลิมนักฟุตบอลฮาคีม อัลอาไลบี ชาวบาเรนที่เจอเรื่องราวละเมิดสิทธิมนุษยชนอะไรคล้ายๆกัน
วัยรุ่นซาอุฯ ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัลกุนัน เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ Pearson ในเมืองโตรอนโตรัฐออนแทรีโอ ภาพข่าว: เอเอฟพี
สาวน้อยราฮาฟ ดึงดูดความสนใจจากนานาชาติในสัปดาห์นี้หลังจากที่เธอขังตัวเองในห้องพักโรงแรมในสนามบินกรุงเทพฯเพื่อต่อต้านการถูกส่งตัวกลับบ้านให้ครอบครัวของเธอซึ่งปฏิเสธการละเมิดใด ๆ เธอได้ปฏิเสธที่จะพบพ่อและพี่ชายของเธอซึ่งมาถึงกรุงเทพเพื่อจะพาเธอกลับไปที่ซาอุดิอาระเบีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดา
คริสเทีย ฟรีแลนด์ ได้แนะนำเด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนนี้ตีอหน้าสีอต่างๆที่มารอรับที่สนามบินในฐานะ "ชาวแคนาดาผู้กล้าหาญคนใหม่" และกล่าวว่ามีสอัลกุนันตอนนี้ รู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลและลำบากของเธอและจะไม่ประกาศอะไรต่อสาธารณะในวันเสาร์นี้
“ เธอเป็นหญิงสาวผู้กล้าหาญที่ผ่านอะไรมามาก…และตอนนี้เธอกำลังจะไปที่บ้านใหม่ของเธอ” รัฐมนตรีกล่าวเสริม
ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าประเทศของเขาได้รับการร้องขอจากข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเพื่อขอลี้ภัย
ราฮาฟได้รับช่อดอกไม้และการต้อนรับอย่างงดงามราวกับเซเลปคนดังเพราะเธอเปรียบเสมือนวีระสตรีและภาพของเธอได้กลายเป็นถูกใช้แทนสมาคมปลดแอกของสตรีหรือสิทธิสตรีทางอินเตอร์เน็ตหลายกลุ่มไปแล้ว
สาวซาอุวัย18ได้รับการต้อนรับราวกับเจ้าหญิงในแคนนาดา
เธอหนีไปทำไม?
การยกเลิกศาสนาอิสลามนั้นมีโทษถึงตายในซาอุดิอาระเบีย
ภายใต้ "ระบบการปกครองโดยผู้ชายเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ดูแล" ที่ซาอุดิอาระเบีย ผู้หญิงจะต้องได้รับการอนุมัติจากญาติฝ่ายชายเสียก่อน เช่นเพื่อขอหนังสือเดินทางเดิออกนอกประเทศ การศึกษาในต่างประเทศ หรือเกี่ยวกับทุนการศึกษาของรัฐบาล การแต่งงาน ฯลฯ จึงจะทำได้ จึงมีผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการละเมิดเพราะถูกปฏิเสทที่จะทำธุระกรรมที่อยากทำถ้าผู้ปกครองฝ่ายชายไม่อนุญาต
นส.อัลกุนัน บอกกับ BBC: "ฉันได้เแบ่งปันเรื่องราวของฉันและรูปภาพของฉันบนโซเชียลมีเดียและพ่อของฉันโกรธมากเพราะฉันทำสิ่งนี้ ... ฉันไม่สามารถเรียนและทำงานในประเทศของฉันได้ดังนั้นฉันจึงต้องการเป็นอิสระและได้รับการศึกษาและ ทำงานอย่างที่ฉันต้องการ "
เธอยังบอกด้วยว่าเธอกลัวว่าครอบครัวของเธอจะฆ่าเธอ
เธอบอกกับ AFP ว่าเธอทรมานกับการถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากครอบครัวของเธอรวมถึงการถูกขังอยู่ในห้องของเธอเป็นเวลาหกเดือนหลังจากที่เธอตัดผมของตัวเอง (น่าจะเพราะประชด)
ครอบครัวบอกกับ โฆษกBBC ว่าพวกเขาไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นใดๆและสิ่งที่พวกเขาสนใจคือความปลอดภัยของลูกสาวเท่านั้น
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคุณ อัลกุนันเขียนบน Twitter ว่าเธอมี "ข่าวดีและข่าวร้าย" ก่อนที่จะลบบัญชีของเธอ เพื่อนของเธอบอกว่าเธอได้รับขู่ว่าจะฆ่าทางออนไลน์
มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนไหม?
ใช่. กรณีของนางสาวอัลกุนันสะท้อนถึงผู้หญิงซาอุดิอาระเบียอีกคนที่กำลังเดินทางต่อไปยังออสเตรเลียในเดือนเมษายน 2560
ดิน่า อาลี ลาสลูม วัย 24,เดินทางจากคูเวตผ่านทางฟิลิปปินส์ แต่ถูกนำกลับไปยังซาอุดิอาระเบียจากครอบครัวที่สนามบินมะนิลา
นอกจากนี้นส. ราฮาฟยังได้ฝากความเป็นห่วงไปถึงกรณีเคสหนุ่มมุสลิมนักฟุตบอลฮาคีม อัลอาไลบี ชาวบาเรนที่เจอเรื่องราวละเมิดสิทธิมนุษยชนอะไรคล้ายๆกัน
วัยรุ่นซาอุฯ ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัลกุนัน เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ Pearson ในเมืองโตรอนโตรัฐออนแทรีโอ ภาพข่าว: เอเอฟพี
สาวน้อยราฮาฟ ดึงดูดความสนใจจากนานาชาติในสัปดาห์นี้หลังจากที่เธอขังตัวเองในห้องพักโรงแรมในสนามบินกรุงเทพฯเพื่อต่อต้านการถูกส่งตัวกลับบ้านให้ครอบครัวของเธอซึ่งปฏิเสธการละเมิดใด ๆ เธอได้ปฏิเสธที่จะพบพ่อและพี่ชายของเธอซึ่งมาถึงกรุงเทพเพื่อจะพาเธอกลับไปที่ซาอุดิอาระเบีย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดา
คริสเทีย ฟรีแลนด์ ได้แนะนำเด็กผู้หญิงวัยรุ่นคนนี้ตีอหน้าสีอต่างๆที่มารอรับที่สนามบินในฐานะ "ชาวแคนาดาผู้กล้าหาญคนใหม่" และกล่าวว่ามีสอัลกุนันตอนนี้ รู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลและลำบากของเธอและจะไม่ประกาศอะไรต่อสาธารณะในวันเสาร์นี้
“ เธอเป็นหญิงสาวผู้กล้าหาญที่ผ่านอะไรมามาก…และตอนนี้เธอกำลังจะไปที่บ้านใหม่ของเธอ” รัฐมนตรีกล่าวเสริม
ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าประเทศของเขาได้รับการร้องขอจากข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติเพื่อขอลี้ภัย
ราฮาฟได้รับช่อดอกไม้และการต้อนรับอย่างงดงามราวกับเซเลปคนดังเพราะเธอเปรียบเสมือนวีระสตรีและภาพของเธอได้กลายเป็นถูกใช้แทนสมาคมปลดแอกของสตรีหรือสิทธิสตรีทางอินเตอร์เน็ตหลายกลุ่มไปแล้ว