เคยพูดไว้นานแล้วว่า
" โลกมนุษย์จะมีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับอยู่อาศัยน้อยลงไปเรื่อยๆ "
ซึ่งหลายคนก็ยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ หรือแม้กระทั่งในประเทศไทยเองก็ตาม
เป็นความจริงที่โลกกำลังเพิ่มอุณภูมิขึ้นทุกวัน เพราะการสะสมของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ
แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อในเรื่องภาวะโลกร้อน
แต่หากมนุษย์ชาติ ไม่เรียนรู้ที่จะมีชีวิตอย่างยั่งยืนมากขึ้น เพื่อเข้าใจว่ามนุษย์ไม่ได้อาศัยอยู่ในโลกแห่งนี้เพียงลำพัง และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนั้นล้วนต่างเชื่อมโยงกัน สุดท้ายแล้วกว่าที่เราจะรู้ตัว เราก็จะฆ่ากันเอง เพราะแย่งทรัพยากรอันจำกัด และก็จะไม่เหลืออะไรไว้ให้ปกป้องอีกต่อไป...
โครงการ great green wall "ปราการที่สำคัญแห่งทะเลทรายซาฮารา"
เป็นโครงการอภิมหาโปรเจค แนวกำแพงแห่งสงครามทางธรรมชาติ เมื่อสร้างเสร็จแล้วกำแพงจะเป็นโครงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตลอดระยะทาง 8,000 กม. กว้าง15กม. ที่ทอดยาวไปทั่วทั้งทวีปแอฟริกา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ความคิดริเริ่มได้รับการสนับสนุนตั้งแต่ปี 2008 โดย 12 ประเทศในแอฟริกา, ธนาคารโลก, สหภาพยุโรป, คณะกรรมาธิการสหภาพแอฟริกา ด้วยการสนับสนุนของสหประชาชาติ
เป้าหมายของโครงการคือเพื่อป้องกันการรุกคืบของทะเลทรายซาฮาร่า เพื่อปกป้องอนาคตให้กับผู้คนนับล้านที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคแห่งนี้ โดยจะอยู่ในแนวหน้าของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกนั่นก็คือ ทะเลทราย ซาฮาร่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทะเลทรายซาฮาราครอบคลุมส่วนใหญ่ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย, ชาด, อียิปต์, ลิเบีย, มาลี, มอริเตเนีย, โมร็อกโก, ไนเจอร์, เวสเทิร์นสะฮารา, ซูดานและตูนิเซีย
ทะเลทรายซาฮารา มีความกว้างขวางถึง 9,000,000 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าทวีปออสเตรเลียทั้งทวีป มีขนาดพื้นที่พอ ๆ กับสหรัฐอเมริกา และเป็นเนื้อที่ 1 ใน 3 ของทวีปแอฟริกาทั้งหมด แต่นับเป็นทะเลทรายที่ถือกำเนิดได้ราว 2,000 ปีเท่านั้น โดยเกิดจากความแห้งแล้งลงของภูมิภาคแอฟริกาเหนือ ซึ่งในอดีตเมื่อกว่า 4,000 ปีก่อน ณ ที่แห่งนี้ยังเป็นดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์คล้ายโอเอซิส มีแม่น้ำ และสัตว์ป่าขนาดใหญ่มากมายอาศัยอยู่ โดยปรากฏเป็นหลักฐานทางโบราณคดี คือ ภาพเขียนสีบนผนังถ้ำของมนุษย์ในยุคนั้น
ทั้งหมดนี้มันคือการดิ้นรนต่อสู้เฮือกสุดท้าย กับสภาพแวดล้อมที่นับวันจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ
แนวกำแพงปราการธรรมชาติตลอดระยะทาง8,000กม. กว้าง15กม. เพื่อปกป้องอนาคตให้กับผู้คนนับล้านที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคแห่งนี้ ทั้งใช้งบลงทุนมหาศาลและเปราะบาง หากทำไม่สำเร็จ มนุษย์ก็จะแพ้ให้กับพลังของธรรมชาติในที่สุด
"คุณจะดำรงค์ชีวิตอยู่ในพื้นที่ปราการสำคัญที่กำลังถูกรุกคืบแห่งนี้ ได้ไหม.... หากคุณต้องตักทรายออกจากบ้านคุณวันละไม่ต่ำกว่า25กก.ทุกวัน..?
สุดท้าย บ้านเมืองก็จะถูกทะเลทรายกลืนกิน รกร้าง ผู้คนต่างพากันอพยพหนีถอยร่นหนีลงมาเรื่อยๆ
แนวคิดล้ำๆของสถาปนิกที่เสนอว่าเพาะเลี้ยงแบททีเรียบางชนิดในผืนทราย เพื่อนำทรายมาสร้างเป็นแนวกำแพงป้องกันเมืองอีกที
ซึ่งถ้าเราจับเทคโนโลยีวิทยาการในยุคปัจจุบันมาใช้ คำตอบ จึงไม่ได้อยู่ที่ทำได้ หรือไม่ได้ แต่อยู่ที่ทำแล้วคุ้มหรือไม่คุ้ม
สุดท้ายแล้วในสงครามครั้งนี้ มนุษย์ก็จะเป็นฝ่ายแพ้ให้กับพลังของธรรมชาติในที่สุด
นั่นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไม ป่าไม้จึงไม่เคยเพิ่มขึ้นได้จริง เพราะผู้คนต่างจ้องมุ่งแสวงหาความอุดมสมบรูณ์มากกว่าจะเที่ยวลำบากบุกเบิกในพื้นที่รกร้างกันดารและยากลำบากและราคาแพง เพราะฉะนั้นจากป่าอันอุดมสมบรูณ์ ก็จะกลายเป็นไร่ เป็นฟาร์มปศุสัตว์ สุดท้ายก็จะกลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ปลูกอะไรไม่ขึ้น คนอยู่ไม่ได้ในที่สุด....
โครงการ great green wall แนวกำแพงแห่งสงครามทางธรรมชาติ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตลอดระยะทาง 8,000 กม.
" โลกมนุษย์จะมีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับอยู่อาศัยน้อยลงไปเรื่อยๆ "
ซึ่งหลายคนก็ยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ หรือแม้กระทั่งในประเทศไทยเองก็ตาม
เป็นความจริงที่โลกกำลังเพิ่มอุณภูมิขึ้นทุกวัน เพราะการสะสมของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ
แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อในเรื่องภาวะโลกร้อน
แต่หากมนุษย์ชาติ ไม่เรียนรู้ที่จะมีชีวิตอย่างยั่งยืนมากขึ้น เพื่อเข้าใจว่ามนุษย์ไม่ได้อาศัยอยู่ในโลกแห่งนี้เพียงลำพัง และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนั้นล้วนต่างเชื่อมโยงกัน สุดท้ายแล้วกว่าที่เราจะรู้ตัว เราก็จะฆ่ากันเอง เพราะแย่งทรัพยากรอันจำกัด และก็จะไม่เหลืออะไรไว้ให้ปกป้องอีกต่อไป...
โครงการ great green wall "ปราการที่สำคัญแห่งทะเลทรายซาฮารา"
เป็นโครงการอภิมหาโปรเจค แนวกำแพงแห่งสงครามทางธรรมชาติ เมื่อสร้างเสร็จแล้วกำแพงจะเป็นโครงสร้างสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตลอดระยะทาง 8,000 กม. กว้าง15กม. ที่ทอดยาวไปทั่วทั้งทวีปแอฟริกา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป้าหมายของโครงการคือเพื่อป้องกันการรุกคืบของทะเลทรายซาฮาร่า เพื่อปกป้องอนาคตให้กับผู้คนนับล้านที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคแห่งนี้ โดยจะอยู่ในแนวหน้าของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกนั่นก็คือ ทะเลทราย ซาฮาร่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทั้งหมดนี้มันคือการดิ้นรนต่อสู้เฮือกสุดท้าย กับสภาพแวดล้อมที่นับวันจะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ
แนวกำแพงปราการธรรมชาติตลอดระยะทาง8,000กม. กว้าง15กม. เพื่อปกป้องอนาคตให้กับผู้คนนับล้านที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคแห่งนี้ ทั้งใช้งบลงทุนมหาศาลและเปราะบาง หากทำไม่สำเร็จ มนุษย์ก็จะแพ้ให้กับพลังของธรรมชาติในที่สุด
"คุณจะดำรงค์ชีวิตอยู่ในพื้นที่ปราการสำคัญที่กำลังถูกรุกคืบแห่งนี้ ได้ไหม.... หากคุณต้องตักทรายออกจากบ้านคุณวันละไม่ต่ำกว่า25กก.ทุกวัน..?
สุดท้าย บ้านเมืองก็จะถูกทะเลทรายกลืนกิน รกร้าง ผู้คนต่างพากันอพยพหนีถอยร่นหนีลงมาเรื่อยๆ
แนวคิดล้ำๆของสถาปนิกที่เสนอว่าเพาะเลี้ยงแบททีเรียบางชนิดในผืนทราย เพื่อนำทรายมาสร้างเป็นแนวกำแพงป้องกันเมืองอีกที
ซึ่งถ้าเราจับเทคโนโลยีวิทยาการในยุคปัจจุบันมาใช้ คำตอบ จึงไม่ได้อยู่ที่ทำได้ หรือไม่ได้ แต่อยู่ที่ทำแล้วคุ้มหรือไม่คุ้ม
สุดท้ายแล้วในสงครามครั้งนี้ มนุษย์ก็จะเป็นฝ่ายแพ้ให้กับพลังของธรรมชาติในที่สุด
นั่นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไม ป่าไม้จึงไม่เคยเพิ่มขึ้นได้จริง เพราะผู้คนต่างจ้องมุ่งแสวงหาความอุดมสมบรูณ์มากกว่าจะเที่ยวลำบากบุกเบิกในพื้นที่รกร้างกันดารและยากลำบากและราคาแพง เพราะฉะนั้นจากป่าอันอุดมสมบรูณ์ ก็จะกลายเป็นไร่ เป็นฟาร์มปศุสัตว์ สุดท้ายก็จะกลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ปลูกอะไรไม่ขึ้น คนอยู่ไม่ได้ในที่สุด....