เมื่อก่อนตอนลูกสาวสองคนยังเด็ก ผมจะต้องวุ่นวายกับการหาข้อมูลว่าพรุ่งนี้เราจะไปไหนกันดี ไม่ใช่ว่าเป็นพ่อที่ดีอะไรนักหรอก ตอนลูกผมยังเด็กๆ ผมเองก็ไม่ได้เป็นพ่อที่ดีเท่าไหร่ ไอ้ที่จะหาที่เที่ยววันเด็กให้ลูกก็อาจจะเหมือนเป็นการชดเชยที่ไม่ค่อยได้ดูแลเขาในวันปกติธรรมดา
ถ้าจะว่ากันจริงๆ ผมเองก็เพิ่งจะมาสนิทกับลูกในตอนที่เขาโตขึ้นแล้ว น่าจะช่วงสมัยลูกคนโตประถมปลายๆ ก่อนจะเข้า ม.ต้นนั่นแหละ ก่อนหน้านั้นผมเองก็มีช่วงเวลาที่สำมะเลเทเมา หัวหกก้นขวิดมาพอสมควร นับว่าโชคดีที่สามารถกลับมามีช่วงเวลาที่ดีๆ กับลูกได้
เหตุการณ์หนึ่งที่จำได้ดีคือผมเคยคุยกับลูกเรื่องหนังสือที่อ่าน เพราะบ้านเราชอบอ่านหนังสือ (นี่อาจจะเป็นข้อดีข้อเดียวที่ลูกได้จากผม) แล้วลูกบอกว่าเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเป็นหนังสือของผม ชื่อหนังสือ เจ้าพ่อ-เจ้าเมือง ของคุณวาณิช จรุงกิจอนันต์ ผมก็แปลกใจว่าเคยอ่านเล่มนี้ได้ยังไง เพราะมันเป็นนิยายที่คนโตๆ อ่านกัน - ลูกสาวคนโตบอกผมว่าก็ตอนช่วงนั้นหนูไม่มีอะไรทำ พ่อกลับบ้านดึก แม่ก็ทำงานดึก หนูอยู่บ้านกับน้องกับยายหนูไม่มีอะไรทำ หนูก็หาหนังสือของพ่ออ่านไปเรื่อย
ผมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าแรงๆ ให้รู้สึกตัวว่าก่อนหน้านี้ ผมเอาเวลาไปทำอะไรอยู่ โชคดีแค่ไหนที่ผมมีลูกใฝ่ดีทั้งสองคน ในเวลาที่ไม่มีเราเขายังหาอะไรที่เป็นประโยชน์ทำ อย่างน้อยนิสัยรักการอ่าน ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาทั้งสองคนเป็นเด็กที่เรียนดีและใฝ่หาความรู้ ตอนที่ผมคุยกับลูก เขาน่าจะอยู่ ป.6 ถ้าคิดย้อนกลับไปตอนเขาอ่านหนังสือเล่มนี้ก็น่าจะราวๆ ป.4 จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมรู้ว่า ผมควรจะให้ความสำคัญกับอะไร อะไรเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตผม
ผมเขียนเรื่องนี้ในวันนี้เพราะเรื่องของน้องโยโย่ กระทบจิตใจผมมาก ในฐานะของคนที่มีลูกสาว ผมคงไม่โทษว่าใครถูกใครผิด แต่เสียดายแทนพ่อแม่ของน้องโยโย่ ทีอาจจะมองข้ามอะไรบางอย่างไป จนนำมาซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ รวมไปถึงสงสารน้องคนที่เป็นลูกของพ่อเพื่อนคนนั้นด้วย หลายๆ คนที่มีลูกอาจจะไม่ได้โชคดีอย่างผม ที่กลับตัวทันและสามารถดูแลเขาในช่วงวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อได้อย่างทุกวันนี้
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกไปถึงหนังสือที่ผมเพิ่งอ่านจบคือ How will you measure your life ของ Clayton M. Christensen ในหนังสือพูดว่าหลายๆ คนมุ่งมั่นที่จะทำงาน มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทั้งที่เขาเหล่านั้นบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว แต่กลับให้เวลากับสิ่งที่เขาบอกว่าสำคัญน้อยที่สุด รู้ตัวอีกทีเมื่อลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่น ระยะห่างเนื่องจากไม่เคยให้เวลา ไม่เคยทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน ทำให้สื่อสารไม่ได้ กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
พรุ่งนี้วันเด็ก ใครมีลูกเล็กยังเป็นเด็กน้อยก็พาไปเที่ยว ไปใช้เวลาด้วยกันตามสะดวก แต่อย่าลืมดูแลเขาในอีก 364 วันที่เหลือด้วยนะครับ รู้ตัวอีกทีลูกก็เป็นวัยรุ่นแล้วจะหาว่าไม่เตือน
วันเด็ก.. และวันที่เหลือ (ได้แรงบันดาลใจจากข่าวน้องโยโย่)
ถ้าจะว่ากันจริงๆ ผมเองก็เพิ่งจะมาสนิทกับลูกในตอนที่เขาโตขึ้นแล้ว น่าจะช่วงสมัยลูกคนโตประถมปลายๆ ก่อนจะเข้า ม.ต้นนั่นแหละ ก่อนหน้านั้นผมเองก็มีช่วงเวลาที่สำมะเลเทเมา หัวหกก้นขวิดมาพอสมควร นับว่าโชคดีที่สามารถกลับมามีช่วงเวลาที่ดีๆ กับลูกได้
เหตุการณ์หนึ่งที่จำได้ดีคือผมเคยคุยกับลูกเรื่องหนังสือที่อ่าน เพราะบ้านเราชอบอ่านหนังสือ (นี่อาจจะเป็นข้อดีข้อเดียวที่ลูกได้จากผม) แล้วลูกบอกว่าเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเป็นหนังสือของผม ชื่อหนังสือ เจ้าพ่อ-เจ้าเมือง ของคุณวาณิช จรุงกิจอนันต์ ผมก็แปลกใจว่าเคยอ่านเล่มนี้ได้ยังไง เพราะมันเป็นนิยายที่คนโตๆ อ่านกัน - ลูกสาวคนโตบอกผมว่าก็ตอนช่วงนั้นหนูไม่มีอะไรทำ พ่อกลับบ้านดึก แม่ก็ทำงานดึก หนูอยู่บ้านกับน้องกับยายหนูไม่มีอะไรทำ หนูก็หาหนังสือของพ่ออ่านไปเรื่อย
ผมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าแรงๆ ให้รู้สึกตัวว่าก่อนหน้านี้ ผมเอาเวลาไปทำอะไรอยู่ โชคดีแค่ไหนที่ผมมีลูกใฝ่ดีทั้งสองคน ในเวลาที่ไม่มีเราเขายังหาอะไรที่เป็นประโยชน์ทำ อย่างน้อยนิสัยรักการอ่าน ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาทั้งสองคนเป็นเด็กที่เรียนดีและใฝ่หาความรู้ ตอนที่ผมคุยกับลูก เขาน่าจะอยู่ ป.6 ถ้าคิดย้อนกลับไปตอนเขาอ่านหนังสือเล่มนี้ก็น่าจะราวๆ ป.4 จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมรู้ว่า ผมควรจะให้ความสำคัญกับอะไร อะไรเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตผม
ผมเขียนเรื่องนี้ในวันนี้เพราะเรื่องของน้องโยโย่ กระทบจิตใจผมมาก ในฐานะของคนที่มีลูกสาว ผมคงไม่โทษว่าใครถูกใครผิด แต่เสียดายแทนพ่อแม่ของน้องโยโย่ ทีอาจจะมองข้ามอะไรบางอย่างไป จนนำมาซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ รวมไปถึงสงสารน้องคนที่เป็นลูกของพ่อเพื่อนคนนั้นด้วย หลายๆ คนที่มีลูกอาจจะไม่ได้โชคดีอย่างผม ที่กลับตัวทันและสามารถดูแลเขาในช่วงวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อได้อย่างทุกวันนี้
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมนึกไปถึงหนังสือที่ผมเพิ่งอ่านจบคือ How will you measure your life ของ Clayton M. Christensen ในหนังสือพูดว่าหลายๆ คนมุ่งมั่นที่จะทำงาน มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทั้งที่เขาเหล่านั้นบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว แต่กลับให้เวลากับสิ่งที่เขาบอกว่าสำคัญน้อยที่สุด รู้ตัวอีกทีเมื่อลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่น ระยะห่างเนื่องจากไม่เคยให้เวลา ไม่เคยทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน ทำให้สื่อสารไม่ได้ กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
พรุ่งนี้วันเด็ก ใครมีลูกเล็กยังเป็นเด็กน้อยก็พาไปเที่ยว ไปใช้เวลาด้วยกันตามสะดวก แต่อย่าลืมดูแลเขาในอีก 364 วันที่เหลือด้วยนะครับ รู้ตัวอีกทีลูกก็เป็นวัยรุ่นแล้วจะหาว่าไม่เตือน