วันแรกช่วงค่ำๆ ลงจากรถเมล์ รู้สึกเวียนหัว ปวดหัว นึกว่าเพราะรถเมล์ขับเร็วเลยเมารถ กลับบ้าน ไม่หายแต่ก็ไม่ได้กินยา แต่นอนไวกว่าทุกวัน
วันที่สอง วันต่อมา ตื่นมารู้สึกปวดหัวเหมือนเดิม มีเจ็บคอเพิ่มเข้ามา หาข้าวกิน กินยาพารา 2 เม็ด สักพักน้ำมูกเหนียวๆเริ่มมาจนหายใจทางจมูกไม่ได้ อึดอัด ฟึดฟัด แต่ก็ไปซื้อของที่สำเพ็ง โดนฝนนิดหน่อย หัวเปียก กลับบ้านรีบอาบน้ำสระผม อาการทุกอย่างยังมีเหมือนเดิม เพิ่มเติมมีน้ำมูกข้นเหนียว กินยา นอนหายใจทางปาก...จำได้ว่าคืนนั้นนอนหลับไม่สนิทเพราะรู้สึกหายใจไม่ดี เลยลุกขึ้นมาปิดแอร์ เปิดพัดลมเพื่อระบายอากาศ ตื่นเช้ามารู้สึกไม่อยากลุกขึ้น ไม่สบายตัว พี่มาจับตัวบอกน่าจะเป็นไข้ สักพักวิ่งไปอาเจียณ กินอะไรก็อาเจียณ ตกเย็นทนไม่ไหว ไปหาหมอ โรงพยาบาลรัฐทหาร หมอก็ถามๆ ขีดๆเขียนๆ ลงในใบ ตรวจแค่คอว่าแดงมั้ย ปรากฏว่าคอปกติ ไม่แดง หมอบอกน่าจะไข้หวัดธรรมดา ให้ยาพารา ยาแก้ไอ น้ำเกลือแร่ แก้อาเจียณ แล้วให้กลับบ้าน (ไม่ให้ยาลดน้ำมูก แก้แพ้ ไม่ฟังปอด )
ก็กลับบ้านกินข้าวกินยาปกติ นอน หายใจทางปากเหมือนเดิม ตามหมอสั่ง เช้าต่อมา ดีขึ้น แต่ขึ้นลงบันได ขึ้นลิฟต์ ที่หอ รู้สึกว่าตัวเองอึดอัด หายใจไม่คล่อง ไม่สะดวก เดินขึ้น บันได 4ถึง5 ขั้น รู้สึกว่าเหนื่อย หายใจไม่ทัน น้ำมูกเหนียวเหนอะ เจ็บคอ ไอเสียงดัง นึกขึ้นได้ว่า ตัวเองเป็นโรคหอบ (ที่ไม่ได้เป็นมานานมากๆแล้ว ยาพ่นหายไปไหนแล้วไม่รู้) พยายามนึกว่า เราสามารถกลับมาเป็นหอบได้อีกรึป่าว แต่ ไม่ได้ยินเสียงหายใจหวืดๆ วี๊ดๆ ออกจากการหายใจตัวเอง รู้แค่ว่า หายใจได้ไม่เต็มปอด
คำถามคือ เราควรไปหาหมอ เพื่อพ่นยา หรือเอายามาพ่นดีมั้ย มันไม่มีเสียงวี๊ดๆ เสียงหายใจ แต่เรารู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเวลาเดินขึ้นลง บันได หรือเดินไกลๆ พยายามสูดหายใจลึกๆ แต่มันก็ไม่โล่ง ถ้าไปอีกแล้วหมอตรวจแบบที่ไปหาครั้งแรก เราต้องกินยาไปเรื่อยๆถูกต้องมั้ย
วอนผู้รู้ ช่วยตอบที แบบนี้ใช่อาการหอบกำเริบมั้ยคะ
วันที่สอง วันต่อมา ตื่นมารู้สึกปวดหัวเหมือนเดิม มีเจ็บคอเพิ่มเข้ามา หาข้าวกิน กินยาพารา 2 เม็ด สักพักน้ำมูกเหนียวๆเริ่มมาจนหายใจทางจมูกไม่ได้ อึดอัด ฟึดฟัด แต่ก็ไปซื้อของที่สำเพ็ง โดนฝนนิดหน่อย หัวเปียก กลับบ้านรีบอาบน้ำสระผม อาการทุกอย่างยังมีเหมือนเดิม เพิ่มเติมมีน้ำมูกข้นเหนียว กินยา นอนหายใจทางปาก...จำได้ว่าคืนนั้นนอนหลับไม่สนิทเพราะรู้สึกหายใจไม่ดี เลยลุกขึ้นมาปิดแอร์ เปิดพัดลมเพื่อระบายอากาศ ตื่นเช้ามารู้สึกไม่อยากลุกขึ้น ไม่สบายตัว พี่มาจับตัวบอกน่าจะเป็นไข้ สักพักวิ่งไปอาเจียณ กินอะไรก็อาเจียณ ตกเย็นทนไม่ไหว ไปหาหมอ โรงพยาบาลรัฐทหาร หมอก็ถามๆ ขีดๆเขียนๆ ลงในใบ ตรวจแค่คอว่าแดงมั้ย ปรากฏว่าคอปกติ ไม่แดง หมอบอกน่าจะไข้หวัดธรรมดา ให้ยาพารา ยาแก้ไอ น้ำเกลือแร่ แก้อาเจียณ แล้วให้กลับบ้าน (ไม่ให้ยาลดน้ำมูก แก้แพ้ ไม่ฟังปอด )
ก็กลับบ้านกินข้าวกินยาปกติ นอน หายใจทางปากเหมือนเดิม ตามหมอสั่ง เช้าต่อมา ดีขึ้น แต่ขึ้นลงบันได ขึ้นลิฟต์ ที่หอ รู้สึกว่าตัวเองอึดอัด หายใจไม่คล่อง ไม่สะดวก เดินขึ้น บันได 4ถึง5 ขั้น รู้สึกว่าเหนื่อย หายใจไม่ทัน น้ำมูกเหนียวเหนอะ เจ็บคอ ไอเสียงดัง นึกขึ้นได้ว่า ตัวเองเป็นโรคหอบ (ที่ไม่ได้เป็นมานานมากๆแล้ว ยาพ่นหายไปไหนแล้วไม่รู้) พยายามนึกว่า เราสามารถกลับมาเป็นหอบได้อีกรึป่าว แต่ ไม่ได้ยินเสียงหายใจหวืดๆ วี๊ดๆ ออกจากการหายใจตัวเอง รู้แค่ว่า หายใจได้ไม่เต็มปอด
คำถามคือ เราควรไปหาหมอ เพื่อพ่นยา หรือเอายามาพ่นดีมั้ย มันไม่มีเสียงวี๊ดๆ เสียงหายใจ แต่เรารู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยเวลาเดินขึ้นลง บันได หรือเดินไกลๆ พยายามสูดหายใจลึกๆ แต่มันก็ไม่โล่ง ถ้าไปอีกแล้วหมอตรวจแบบที่ไปหาครั้งแรก เราต้องกินยาไปเรื่อยๆถูกต้องมั้ย