ขอพูดจากใจเลยว่า หลังจากเห็นข่าว "น้องโยโย่" ทำให้รู้ว่าผมไม่ได้คิดไปเองคนเดียวว่า ครอบครัวไม่ใช่ "Comfort Zone" เสมอไป

ตอนแรกผมก็เคยคิดว่าหรือเพราะผมอคติเกินไปเลยมองว่าบ้านหรือครอบครัวไม่ใช่ "Comfort Zone" เสนอไป แต่พอมาเห็นข่าว "น้องโยโย่" แล้ว ได้เห็นความคิดเห็นหลายๆ  ท่านพบว่ามันใช่เลย ทุกคนมีประสบการณ์เหมือนกัน จนผมมาย้อนคิดดู

ขอยืนยันไม่ได้อกตัญญู ไม่ได้จะดิสเครดิต และเรื่องนี้ได้ข้อมูลมาจากจิตแพทย์ด้วย ซึ่งผมยอมรับว่าผมเคยแอบไปปรึกษาโดยไม่กล้าบอกใคร

1. การที่ครอบครัวคาดหวังลูกเกินไป มีข้อมูลสถิติมาแล้วว่ากลายเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี เอาตรงๆ เลยเวลาผมโดนเปรียบเทียบว่าลูกคนอื่นดีกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ (ความจริงทุกคนก็พูดเหมือนผมเลย) แทนที่จะทำให้อยากปรับปรุงตัว กลายเป็นว่ากดดันหนักกว่าเดิม ท้อแท้กับชีวิต จนไม่อยากอยู่แล้วโลกนี้

เหมือนกับว่าเกิดมาแย่ขนาดนี้ทั้งที่เรื่องดีๆ ก็มีเยอะกว่าก็อยากตายให้จบๆ ไปเลย

แต่ยังดีที่ผมยังควบคุมอารมณ์ได้ ถ้าผมหัวร้อนบอกตรงใครมาพูดแบบนี้ผมอยากชกหน้าเลยด้วยซ้ำ น้อยใจ เขาดีกว่าหนักหนาก็ไปหาเขาสิ

หลายครั้งผมเคยจะออกไปเดินให้รถชนเลยด้วยซ้ำที่เจอแบบนี้ ล้มเลิกสิ่งที่ตั้งใจจะทำ คือมันท้อจนเยียวยายาก และสารภาพความจริงเพราะเหตุนี้ผมถึงแอบไปปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งเขาก็บอกเลยว่ามันคือการแสดงความรักลูกที่ผิด

มันกระทบจิตใจลูกมากกว่าที่คิด จนหลายครั้งผมแอบไปร้องไห้คนเดียว น้อยใจสุดๆ เป็นคนดีขนาดนี้แต่ไม่ใช่ The Best Perfect มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ เหมือนคนไร้ค่า อยากตาย

เคสที่ผู้ปกครองคาดหวังว่าอยากให้ลูกมีหน้ามีตามากเกินไป เพราะอยากอวดคนข้างบ้าน อวดเพื่อนนั่นนี่

ลากยาวไปถึงจะขอปรึกษาแต่โดนด่าทันทีทั้งที่ยังไม่ได้บอกเหตุผล ลูกก็กลายเป็นคนชอบโกหกเพื่อตัดปัญหา (ผมเองก็เคยเป็น) และถ้าเป็นหนักก็จะเป็นเคส "บอยสกล" ได้เลย (แต่ผมไม่หนักขนาดนั้น)

2. การเป็นห่วงเกินไปก็ไม่ดี การไม่ให้ลูก (ที่วัยอันควรแล้ว) ได้ตัดสินใจเอง ก็ไม่ดี อันนี้ยอมรับเลยทุกวันนี้ผมไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอะไรเองเพราะกลัวนั่นนี่ไปหมด เวลาทำงานก็เลยกลายเป็นจุดด้อยโดนตำหนิเรื่องนี้ เพึ่งมาหัดได้ช่วงนี้นี่แหละ

เข้าใจว่าควรห่วง แต่การห่วงมากแบบ "ไข่ในหิน" ก็เหมือนกับแค่เห็นข่าว e-banking โดนแฮก ก็เลิกใช้ธนาคารบนมือถือและคอมไปเลย เห็นข่าวอีเมลโดนแฮก ก็กลับมาพิมพ์ดีดส่งจดหมาย และอาจส่งผลให้ทำอะไรไม่เป็นเพราะไม่กล้าทำอะไรเลย

3. สังเกตไหมคนที่เป็นโรคซึมเศร้า ส่วนมากเรียนดี หน้าที่การงานดี ก็เพราะแบกรับความกดดันไม่ไหว พอเจอแบบนี้ก็จะมองได้ว่า ครอบครัวไม่ใช่ comfort zone อีกต่อไป อันนี้ผมยอมรับว่าเคยเป็น ไปอยู่กับเพื่อน หรือยอมอยู่คนเดียวเก็บตัวยังสบายใจกว่า

พอเป็นแบบนี้สะสมนานๆ เข้า มันก็เกิดการอยากหนี อยากแหกกฎ นี่ผมก็ไม่ได้พูดมั่วๆ มีหลักฐานว่าเป็นความจริง หลายๆ คนก็เป็น

เช่นแต่ก่อนผมก็ต้องอ่านหนังสือ ทำงานที่บ้าน เพราะกลัวจะไม่มีสมาธิ แต่พอลองไปอ่านหนังสือ ทำงานนอกบ้าน ปรากฎว่าผลลัพธ์ที่ได้มันดีกว่าเยอะเลย

4. มีคนหลายคนมองว่าผมไม่มีสังคม แต่ผมขอบอกเลย คุณรีบ judge รีบตัดสินใจเกินไป และรู้ไหม เพราะผมออกมาข้างนอกบ่อยๆ นี่แหละเลยมีสังคม เพื่อนมากมาย ซึ่งมันก็รู้ๆ อยู่ว่าก็ยังดีกว่าอยู่แต่บ้าน

5. ในต่างประเทศมีสถาบันที่ดำเนินการเรื่องสิทธิของลูกๆ อย่างจริงจัง และลูกสามารถฟ้องเอาผิดผู้ปกครอง ครอบครัวได้ (แต่ในไทยทำไม่ได้)

6. ผมเองยอมรับว่าพอออกไปโลกภายนอกแล้วสังคมให้การชื่นชมและเข้าใจตัวผมมากกว่าที่บ้าน ปมด้อยก็ไม่เอามาพูดถึง ทำให้ผมอยู่แล้วมีความสุขกายสบายใจมากกว่า (แม้มีความเสี่ยงในการใช้ชีวิตมากกว่าที่บ้าน)

ผมก็รู้สึกว่านี่แหละเป็น Comfort Zone ที่แท้จริง

=================================================================================

หรือว่าผมเป็นคนเลวครับ ผมเลยมองแบบนี้ (และคนอื่นที่มองแบบเดียวกับผมก็เป็นคนเลวหมดเลย?)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่