นายกสมาคม รพ.เอกชน ชี้ กำหนดค่ายา ค่ารักษา เป็นสินค้าควบคุม ภาพรวมไม่ทำให้ราคาถูกลง เหตุทำให้ถูกลงไม่ได้ เพราะมีต้นทุน ทั้งค่าแรงหมอ พยาบาล ต้นทุนอื่นๆ ชี้คำว่าสินค้าควบคุม คือ ต้องเปิดเผยราคา ซึ่งเปิดเผยตามกฎหมายสถานพยาบาลอยู่แล้ว
นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติเห็นชอบให้ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุมว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ถึงที่สุด คำว่าสินค้าที่ต้องมีการควบคุมที่ว่านั้น หมายถึงว่าต้องมีการเปิดเผยรายการราคาของ รพ.เอกชน ซึ่งก็เปิดเผยอยู่แล้ว เพราะตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล กำหนดไว้ เพื่อให้คิดราคาล่วงหน้า ใช้อะไรก็คิดราคาตามที่เขียนล่วงหน้า ถ้าไม่เขียนล่วงหน้าก็คิดเงินไม่ได้ แต่การจะบอกว่าควบคุมไม่ให้ราคาสูงเกินไปนั้นคิดว่าไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเรื่องค่าแรงหมอ พยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนก็ขึ้นทุกปีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหมวดต้นทุนรายการที่ใช้นั้นอาจจะกระจัดกระจายกัน เพราะฉะนั้นภาพรวมไม่ได้ทำให้ถูกลงหรอก ถูกลงไม่ได้ อย่าง รพ.เอกชนที่เห็นว่า มีกำไรหลายพันล้านก็ต้องดูว่าเขาทำงานตั้งเท่าไร ดูคนไข้ตั้งกี่ล้านคน ซึ่งปัจจุบัน รพ.เอกชนทั้งหมดดูคนไข้เกือบๆ 60 ล้านคน ถ้ากำไรคนละ 100 บาท ก็เป็นเงิน 6,000 ล้านบาทแล้ว ถามว่ากำไรมากเกินไปหรือไม่
นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าวว่า หลังจากที่ กกร. มีมติออกมาอย่างนี้ ทำให้คนตกใจ และทำให้หุ้นของโรงพยาบาลเอกชนตกลง ซึ่งอาจจะพูดได้ว่า ยังเป็นผลกระทบในระยะสั้น ต้องดูทิศทางว่ายังอยากมีโรงพยาบาลเอกชนหรือไม่ ถ้ายังอยากมีโรงพยาบาลเอกชนหุ้นก็ตกแค่ระยะสั้น แต่ถ้าอยากเลิกไปเลยหุ้นก็ตกระยะยาว
เมื่อถามว่าจะมีการทำหนังสือคัดค้าน หรือชี้แจงเรื่องนี้ต่อกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะคัดค้านอย่างไร ถ้าอยากจะฟังเราก็ต้องคุยกับเรา เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยทำหนังสือขอเข้าพบ รมว.พาณิชย์ ก็ไม่ให้เราพบแล้วจะให้คุยกับใคร ซึ่งจริงๆ ประเทศนี้ต้องออกแบบร่วมกัน เพราะมีทั้งสิ่งที่ท่านรู้และท่านไม่รู้ สิ่งที่ท่านไม่รู้ก็ต้องฟังคนอื่นด้วย ไม่ใช่ไม่ฟัง
“ถ้าประเทศไทยจะมีแค่ รพ.รัฐก็ได้ เอกชนเป็นกิจการเสรี ถ้าไม่มีเอกชนจะเอาอย่างนั้นหรือไม่ แล้วถ้าไม่มีเอกชน รพ.รัฐไหวหรือไม่ รพ.เอกชนเป็นทางเลือก ถ้าเราไม่แฮปปี้กับการรักษาที่ รพ.รัฐก็ไปเอกชน แต่ถ้าเราไม่มีทางเลือก อย่างเช่นเจ็บป่วยฉุกเฉิน รพ.เอกชนก็ช่วยให้ทั้งที่เอกชนเองก็ขาดทุน ขนาดไม่ใช่วิกฤตสีแดงก็ยังขยับขยายให้” นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าว
ที่มา :
https://mgronline.com/qol/detail/9620000003448
นายกสมาคมร.พ.เอกชนเชื่อคุมค่ายา - ค่ารักษาไม่ได้ทำให้ราคาถูกลง
นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติเห็นชอบให้ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ เป็นสินค้าควบคุมว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ถึงที่สุด คำว่าสินค้าที่ต้องมีการควบคุมที่ว่านั้น หมายถึงว่าต้องมีการเปิดเผยรายการราคาของ รพ.เอกชน ซึ่งก็เปิดเผยอยู่แล้ว เพราะตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล กำหนดไว้ เพื่อให้คิดราคาล่วงหน้า ใช้อะไรก็คิดราคาตามที่เขียนล่วงหน้า ถ้าไม่เขียนล่วงหน้าก็คิดเงินไม่ได้ แต่การจะบอกว่าควบคุมไม่ให้ราคาสูงเกินไปนั้นคิดว่าไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาเรื่องค่าแรงหมอ พยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนก็ขึ้นทุกปีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหมวดต้นทุนรายการที่ใช้นั้นอาจจะกระจัดกระจายกัน เพราะฉะนั้นภาพรวมไม่ได้ทำให้ถูกลงหรอก ถูกลงไม่ได้ อย่าง รพ.เอกชนที่เห็นว่า มีกำไรหลายพันล้านก็ต้องดูว่าเขาทำงานตั้งเท่าไร ดูคนไข้ตั้งกี่ล้านคน ซึ่งปัจจุบัน รพ.เอกชนทั้งหมดดูคนไข้เกือบๆ 60 ล้านคน ถ้ากำไรคนละ 100 บาท ก็เป็นเงิน 6,000 ล้านบาทแล้ว ถามว่ากำไรมากเกินไปหรือไม่
นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าวว่า หลังจากที่ กกร. มีมติออกมาอย่างนี้ ทำให้คนตกใจ และทำให้หุ้นของโรงพยาบาลเอกชนตกลง ซึ่งอาจจะพูดได้ว่า ยังเป็นผลกระทบในระยะสั้น ต้องดูทิศทางว่ายังอยากมีโรงพยาบาลเอกชนหรือไม่ ถ้ายังอยากมีโรงพยาบาลเอกชนหุ้นก็ตกแค่ระยะสั้น แต่ถ้าอยากเลิกไปเลยหุ้นก็ตกระยะยาว
เมื่อถามว่าจะมีการทำหนังสือคัดค้าน หรือชี้แจงเรื่องนี้ต่อกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะคัดค้านอย่างไร ถ้าอยากจะฟังเราก็ต้องคุยกับเรา เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยทำหนังสือขอเข้าพบ รมว.พาณิชย์ ก็ไม่ให้เราพบแล้วจะให้คุยกับใคร ซึ่งจริงๆ ประเทศนี้ต้องออกแบบร่วมกัน เพราะมีทั้งสิ่งที่ท่านรู้และท่านไม่รู้ สิ่งที่ท่านไม่รู้ก็ต้องฟังคนอื่นด้วย ไม่ใช่ไม่ฟัง
“ถ้าประเทศไทยจะมีแค่ รพ.รัฐก็ได้ เอกชนเป็นกิจการเสรี ถ้าไม่มีเอกชนจะเอาอย่างนั้นหรือไม่ แล้วถ้าไม่มีเอกชน รพ.รัฐไหวหรือไม่ รพ.เอกชนเป็นทางเลือก ถ้าเราไม่แฮปปี้กับการรักษาที่ รพ.รัฐก็ไปเอกชน แต่ถ้าเราไม่มีทางเลือก อย่างเช่นเจ็บป่วยฉุกเฉิน รพ.เอกชนก็ช่วยให้ทั้งที่เอกชนเองก็ขาดทุน ขนาดไม่ใช่วิกฤตสีแดงก็ยังขยับขยายให้” นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าว
ที่มา : https://mgronline.com/qol/detail/9620000003448