"รอแสงตะวันส่องมาที่ฉัน EP5 " เรื่องเล่าจากชีวิตจริงของเด็กบ้านแตกอดทนสู้จนมีอาชีพที่มั่นคงและครอบครัวที่อบอุ่น

ฝึกวิทยายุทธตอนยังเด็ก
    พอขึ้นป.2 ผมอายุได้ 7 ขวบ ช่วงเวลานี้มีกิจกรรมให้ผมได้เริ่มทำมากมายเลย ผมเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันคัดลายมือสวยตอนนั้นได้อันดับสามของอำเภอ การแข่งขันครั้งแรกในชีวิตความภูมิใจเล็กๆของเด็กน้อย ช่วงนั้นมักจะสร้างความเด่นตามประสาเด็กเพื่อให้สาวมองนิดนึง นอกจากนั้นแล้วผมก็จะเป็นแชมป์เป่าหนังยางระดับเทพของชั้นเรียน ใครมาแข่งกับผม ผมกินเรียบหมด ใครใส่หนังยางที่ข้อมือเยอะแสดงว่าเทพมาก แต่เรื่องการเรียนผมอยู่กลางๆไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ตอนนั้นผมชอบสาวคนนึง เธอเป็นคนดูดีที่สุดในห้องเลย ใครๆก็ชอบเธอ ผมก็จะชอบแซวเธอ แต่เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจผมหรอก เธอมักจะเชิดใส่เวลาผมแซวเธอ เพื่อนในห้องก็จะชอบแซวผมกับเธอว่าชอบกัน ผมนี่ชอบเลยแต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยชอบ ก็เลยได้แค่แซว ได้แค่มอง ได้แค่ยิ้มให้ไปทุกวัน

    ช่วงนี้มีน้องสาวมาอยู่ที่บ้านตากับยายคนนึง น้าสาวผมมาฝากไว้ เธอมาเข้าเรียนอนุบาล ผมเริ่มรับบทพี่ชายอีกครั้ง ตาผมจะเริ่มฝึกวิทยายุทธให้ผม เริ่มจากการฝึกขี่ควาย ฝึกเลี้ยงควาย ดูแลควาย เอามันไปกินหญ้า ไปอาบน้ำ พาเข้าคอก ฝึกหาปลาตามแบบ วิธีต่างๆที่ตาทำประจำ ฝึกขี่ม้า เลี้ยงม้า การขี่รถม้าได้ มันเป็นอะไรที่ดูเท่มากสำหรับเด็กรุ่นผม ตอนตาไปส่งโรงเรียนผมขี่รถม้าผ่านบ้านสาวคนที่ผมชอบทุกวัน ผมขอตาขี่เอง แต่ตาจะนั่งไปด้วย อย่างว่าล่ะนะคนไม่ใช่ทำไรก็บ่แม่น เธอไม่สนใจมองเลย ช่วงหลังตาคงขี้เกียจมาส่ง เลยซื้อจักรยานให้ผมหนึ่งคัน แต่เป็นจักรยานผู้ใหญ่ ขาผมก็ไม่ถึง ต้องยืนปั่น  โอ้พ่อตา... ตาบอกให้ผมเข็นขึ้นเนิน แล้วก็ปล่อยตัวลงมาจากเนิน เมื่อลงจากเนินมาตรงไปคือสามแยกเข้าบ้านตายาย เลี้ยวซ้ายขวาเป็นถนน แต่มีเสาที่มุมซ้ายมุมขวา พื้นถนนเป็นดิน  จักรยานคันแรกของผมก็ไม่ธรรมดาซะแล้วสำหรับเด็กน้อยอย่างผม ผมฝึกปล่อยตัวลงเนินทุกวันเวลาว่าง ปล่อยลงมาแค่ยืนบนบันไดจักรยานประคองตัวไม่ให้ล้มปล่อยจักรยานให้ไหลไป แต่ผมยังปั่นไม่เป็น พยายามจะเลี้ยวขวาออกถนน ชนเข้ากับเสามุมขวา ลงไปนอนกลิ้ง  พี่ป้าน้าอากองเชียร์ทั้งหลาย หัวเราะกันสนุกสนาน บางคนก็บอกตาโหดจังให้หลานปั่นคันใหญ่เลย ผมฝึกทุกวันอย่างไม่ยอมแพ้ เพื่อจะเอาชนะจักรยานคันนี้ให้ได้ ผมต้องเป็นฝ่ายควบคุมมันให้ได้ และแล้วผมประคองตัว แตะเบรกเล็กน้อย เลี้ยวขวาผ่านเสาอย่างสวยงาม และก็ยืนปั่นอย่างภูมิใจ ใบหน้าผมอมยิ้มอย่างมีความสุขมาก  ผมปั่นไปยิ้มไป ผมดีใจมาก แล้วปั่นกลับบ้านไปหยุดอยู่ตรงหน้าตา ตายิ้มและลูบหัวผม แล้วพูดว่าดีมาก ผมพึ่งมารู้ว่าตากำลังฝึกจิตใจผมให้ก้าวผ่านความกลัว ความกดดันไปให้ได้  แล้วผมจะแข่งแกร่ง เมื่อผมปั่นจักรยานแข็ง ตาให้ผมปั่นไปโรงเรียน มีน้องสาวซ้อนท้ายไปด้วย   ไปกลับวันละ 4 กิโลเมตร ที่แท้แล้วตาขี้เกียจไปส่งนั้นเอง กลยุทธ์ของตาแยบยลมาก

    ช่วงเย็นหลังเลิกเรียนผมไม่ค่อยได้เล่นกีฬาหรอกครับ ผมเคยนั่งมองพวกรุ่นพี่ในโรงเรียนเตะบอลกันหลังเลิกเลย แต่ผมก็ไม่รู้สึกอยากจะเล่นอะไร วิถีชีวิตของผมในทุกวันผมใช้พลังานมากแล้วล่ะ เพราะผมต้องปั่นพาน้องกลับบ้าน แล้วไปช่วยตากับยายที่นา ไปดูแลควาย และเหล่าบรรดาสัตว์ที่น่ารักในทุ่งนา ในบ้าน แค่นี้พลังงานของผมในแต่ละวันก็หมดแล้วครับ การเรียนรู้ชีวิตของผมเกิดขึ้นมากมายหลายอย่างในนาข้าว สมัยที่อยู่กับตายายผมอาจจะเล่าได้ไม่หมด มันนานมากแล้วจำได้บ้างไม่ได้บ้าง และผมก็ยังเด็กเวลานั้น

    มีอีกเรื่องนึงที่ผมจำได้ไม่ลืมเกี่ยวกับตา ตาเป็นใจดีก็ดีมาก ดุก็ร้ายมาก และตาก็ติดเหล้า ช่วงเย็นวันหนึ่งผมกลับจากโรงเรียน ไปหาตายายตามปกติที่นาข้าว แบงค์สิบบาททำพิษผม ตาให้เงินผมสิบบาทใช้ผมไปซื้อเหล้า  ผมเดินไปตามคันนาสูง ช่วงนั้นฤดูฝนบรรยากาศมีลมโชยเย็นสบาย นากำลัง    ไถคาด มีน้ำเต็มแปลงนา ผมทำแบงค์สิบปลิวหาย ผมยืนมองหาไม่เจอ ตาถามว่าทำไมยังไม่ไปอีก ตาเดินมาหาผม ผมบอกตาว่าเงินหาย ตาเริ่มโกรธ    ผมเริ่มหน้าเสียกลัวตา ตายืนมองหา จนเจอแบงค์สิบลอยอยู่ในน้ำ ตาบอกนั้นไงอยู่ในนาข้าวลอยอยู่ในน้ำ ตาจับผมอุ้ม แล้วโยนลงไปในน้ำ ผมยืนน้ำตาไหล ผมรู้สึกเสียใจทำไมตาต้องทำกลับผมแบบนี้ ทำไมเหล้าถึงทำให้คนเมา แล้วยังมาทำร้ายคนรอบข้างอีก ผมเริ่มรู้สึกไม่ชอบตา  ผมจำได้แค่ภาพนั้น บางทีอารมชั่ววูบของผู้ใหญ่ที่ควบคุมอารมไม่ได้ก็ทำให้กลายเป็นภาพความทรงจำในด้านลบของเด็กๆไปตลอดชีวิต ตรงนี้ผู้ใหญ่ควรต้องระวัง

    หลังจากนั้นมาผมเริ่มติดยาย ผมไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้ตา ตากินเหล้าหนักขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร บางที่ก็ใช้ยายไปซื้อเหล้าให้ตอนดึกดืน บางทียายไม่อยู่ก็ใช้ผม เดินไปมืดค่ำ คนเดียวไปซื้ออีกฝากของหมู่บ้าน ผมรู้สึกกลัว แต่ก็ต้องไปเพราะกลัวตาจะตี ตาใช้วิธีไม่ให้ผมกลัวบอกให้พาหมาเดินไปเป็นเพื่อน หรือวิธีไสยศาสตร์ ตาดึงขนหน้าแข้งตัวเองแล้วท่องคาถาอะไรไม่รู้ แล้วก็ส่งขนหน้าแข้งให้ผม เอาขนหน้าแข้งตาไปไม่ต้องกลัว ป้องกันผีได้ ผมก็เชื่อถือเดินชูไปตามทางเปลี่ยวๆมืดๆ กับไฟฉายหนึ่งกระบอก ตาผมก็มองไปรอบๆตัวด้วยความกลัว จนถึงร้านขายของชำ ซึ่งเจ้าของร้านก็เป็นป้าผมลูกสาวตานั้นเอง “ป้าครับตาให้มาเอาเหล้า” ป้าผมก็บ่นว่า “ตาเอ็งนี่กินเหล้าอีกแล้วเหรอ แล้วให้หลานเดินมาคนเดียวดึกดื่นมืดค้ำ เอาเดี๋ยวป้าให้พี่ไปส่ง” ป้ามีลูกชายกับลูกสาวที่สนิทกับผม พี่ชายคนโตก็เลยไปส่งผมที่บ้าน บางครั้งไม่มีเงินซื้อเหล้าก็ให้ยายไปติด ไปยืมลูกหลานให้ บางครั้งเวลาเมา ตาก็อาละวาดจนบางครั้งยายพาผมกับน้องสาวหนี ไปหลบอยู่บ้านลูกหลาน ทำไมชีวิตผมต้องมาเจอแบบนี้อีกแล้ว...................(รอติดตามตอนต่อไป)

ใกล้จันทร์moonstar
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่