10 หนังสายลับเกาหลีชั้นเยี่ยม (Korean Spy Film) แห่งศตวรรษที่ 21


'สปายฟิล์ม' ใช้เรียกกลุ่มหนังที่เล่าเรื่องราวการทำงานของตัวละครที่ต้องปกปิดตัวตนแท้จริงและเข้าแฝงตัวไปในกลุ่มคนหรือองค์กรเพื่อสืบเสาะข้อมูลบางอย่างดังที่ถูกมอบหมาย และโดยทั่วไปสายลับจะทำงานขึ้นตรงกับรัฐบาลและหน่วยความมั่นคงของชาติ เหมือนที่พบเห็นได้ส่วนใหญ่ในหนังเกาหลีที่มักเซ็ทตัวเอกให้เป็นสายลับฝั่งเหนือหรือใต้เพื่อเข้าไปสืบข้อมูลในอีกพรหมแดน และอาจตามมาด้วยสถานการณ์ที่ตัวเอกต้องถูกไล่ล่าหรือแปรพักตร์ แต่ท้ายที่สุดหนังสายลับเกาหลีที่เล่นเนื้อหาความขัดแย้งต่างพรหมแดนก็มักจะทิ้งบทสรุปของการหลอมชาติเพื่อจุดมุ่งหมายในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข…
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

10. Commitment (2013)

อาจเรียกได้ว่าเป็น The Man from Nowhere ในเวอร์ชันสายลับ ด้วยลักษณะโทนหนังที่ดูเท่ห์ เข้มขรึม ซึ่งถูกขับจากบุคลิกตัวเอกสไตล์เพชฌฆาตเงียบที่รับบทโดย TOP แห่งวง Bigbang เรียกว่าเป็นการแคสติ้งที่ชาญฉลาดมาก เพราะการสื่ออารมณ์ผ่านใบหน้าและภาษากายที่แสดงออก มันสอดรับกับบทของตัวเอกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งความคล้ายคลึงของพล็อตที่วางเงื่อนไขบางอย่างเพื่อดึงมุมอ่อนไหวและความเป็นมนุษย์ของตัวสายลับเกาหลีเหนือ 'มยองฮุน' ที่ต้องถูกส่งตัวไปค่ายกักกันพร้อมกับน้องสาว และด้วยข้อตกลงในการช่วยชีวิตน้องสาว เขาจึงต้องปฏิบัติภารกิจสำคัญในการแฝงตัวไปอยู่เขตแดนใต้ ขณะเดียวกันเขาก็ต้องระวังภัยคุกคามจากฝั่งเหนือที่หมายมั่นจะเอาชีวิต








9. Secretly, Greatly (2013)

หนังสายลับสไตล์แอคชั่น-คอมเมดี้ ที่โทนและเนื้อหาได้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยส่วนแรกจะเน้นโทนคอมเมดี้ที่โฟกัสไปยัง 'ดงกู' หรือ 'รยูฮวาน' ซึ่งเป็นชื่อจริงในฐานะของทหารเกาหลีเหนือที่ต้องแฝงตัวมาเป็นสายลับในเขตแดนใต้เพื่อสืบเสาะข้อมูลบางอย่าง โดยตัวตนที่เขาสร้างขึ้นเป็นเด็กพิเศษที่มีปัญหาด้านสมองและพักอาศัยกับคุณยายเจ้าของร้านชำแห่งหนึ่ง ซึ่งทาง Kim Soo-hyun ก็สามารถสวมคาแรคเตอร์ดังกล่าวได้อย่างไร้ที่ติและกลายส่วนสำคัญในการสร้างโมเมนต์เพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากคนดู ก่อนที่ครึ่งหลังภาพลักษณ์ดังกล่าวจะถูกลบทิ้งเมื่อการปรากฏตัวของสายลับอีกสองคนกับภารกิจสำคัญที่มอบถูกหมาย จะทำให้โทนหนังกลายเป็นแอคชั่น-ทริลเลอร์อย่างเต็มตัว








8. Master (2016)

ผลงานจากผู้กำกับ Cold Eyes หนังทริลเลอร์ชั้นเยี่ยมที่พูดถึงการทำงานของทีมสะกดรอย และการกลับมาครั้งนี้ก็ยังคงแนวทางเฉกเช่นเดิม กับเนื้อหาของการหักเหลี่ยม เชือดเฉือนคม ที่ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยโมเมนต์พลิกผันที่ก้าวนำความคิดคนดูอยู่ขั้นหนึ่งเสมอ ซึ่งปมเรื่องพูดถึงตำรวจหนุ่มที่วางแผนจับตัวประธานบริษัทขายตรงที่ต้มตุ๋นเงินผู้คนในเกาหลีเป็นจำนวนมาก โดยใช้หนุ่มแฮกเกอร์เข้าไปเป็นสายลับเพื่อหาหลักฐานในการเอาผิด ซึ่งความน่าสนใจจะอยู่ที่ตัวสายลับรายนี้มีพฤติกรรมที่ชวนสงสัยที่อาจแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ตลอดเวลา และทาง Kim Woo-Bin ที่รับบทเป็นตัวละครนี้ก็แสดงออกมาได้ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ที่คนดูไม่อาจคาดเดาอะไรจากผู้ชายคนนี้ได้เลย








7. The Berlin File (2013)

หนังสายลับที่เปี่ยมด้วยรสสัมผัสของ Jason Bourne ทั้งการใช้มุมกล้อง ดีไซน์แอคชั่นซีน และการเซ็ทตัวเอกที่ดูจะช่ำชองศิลปะการป้องกันตัวและการใช้อาวุธแทบทุกชนิด ซึ่งในแอคชั่นซีนวันบายวันจะแสดงให้เห็นถึงปฏิภาณ ไหวพริบในการประยุกต์ใช้สิ่งของต่างๆรอบตัวมาเป็นอาวุธ ดังที่คุ้นชินในหนังสายลับเจสัน บอร์น อีกทั้งส่วนสำคัญอย่างพล็อตเรื่องก็ทำได้ตามมาตรฐานและชวนติดตาม โดยวางปมให้ 'จงซอง' สายลับเกาหลีเหนือ ที่อยู่ดีๆก็โดนหักหลังและถูกตามล่าจากพวกเดียวกัน ทั้งยังได้รู้ว่าภรรยาสุดที่รัก 'รยอนจองฮี' ที่ทำงานเป็นล่ามในสถานทูต แท้จริงแล้วเป็นสายลับที่ถูกส่งมาสืบเสาะข้อมูลจากตัวเขา ซึ่งเรื่องราวก็โยงใยกันไปสู่สถานการณ์ที่ตัวเอกต้องเลือกระหว่างหน้าที่หรือคนรัก








6. The Secret Reunion (2010)

การโคจรพบกันของสายลับเกาหลีเหนือและใต้ จนเกิดเหตุจับพลัดจับผลูที่ทั้งสองต้องใช้เวลาร่วมกัน ลักษณะพล็อตดังกล่าวเป็นที่คุ้นชินของหนังสายลับเกาหลีที่พูดถึงประเด็นการหลอมชาติ ซึ่งเรื่องนี้ก็นับว่าทำได้อย่างโดดเด่นในแง่ของการผูกปมและสร้างสถานการณ์เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ก่อนนำไปสู่โมเมนต์แห่งความซาบซึ้ง กินใจเพื่อให้คนดูได้ตระหนักถึงสิ่งที่เรียกว่ามิตรภาพและการเสียสละ โดยหนังวางปมให้ 'ซองจิวอน' อดีตสายลับเกาหลีเหนือ และ 'อีฮันคยู' นักสืบเกาหลีใต้ สองตัวเอกที่เคยพบกันในฐานะของผู้ล่าและผู้ถูกล่า ก่อนหนังจะตัดมายังหกปีต่อมาที่ทั้งสองต้องมาเจอกันอีกครั้ง ทว่าความน่าสนใจอยู่ที่ต่างฝ่ายพยายามแสร้งตนว่าจำอีกฝ่ายไม่ได้ เพื่อหวังที่จะล้วงข้อมูล ก่อนที่ทั้งสองจะใช้เวลาร่วมกันและก่อเป็นความสัมพันธ์ฉันพี่น้องต่างพรหมแดน








5. Steel Rain (2017)

หนังการเมืองสุดเข้มข้นที่วางปมด้วยความขัดแย้งภายในชาติ เพื่อสะท้อนบทสรุปของการหลอมชาติที่ต่างฝ่ายพยายามหาจุดยืนร่วมกันเพื่อข้อตกลงด้านสันติภาพ ที่มาพร้อมโมเมนต์การเสียสละในการสร้างอารมณ์ร่วมของคนดูตามสไตล์หนังเกาหลี โดยหนังเซ็ทตัวอยู่ในสภาวะคุกรุ่นทางการเมืองที่ 'คิมดูวอน' บุคคลเบื้องสูงฝั่งเกาหลีเหนือกำลังจะจุดชนวนก่อรัฐประหารที่อาจขยายสู่สงครามระหว่างประเทศ ซึ่งตัวเอกอย่าง 'ออม' ที่เป็นสายลับเกาหลีเหนือไม่อาจทำภารกิจลอบสังหารคิมดูวอนได้สำเร็จ ก่อนจะหลบหนีไปยังเขตแดนใต้พร้อมกับผู้นำสูงสุดที่กำลังบาดเจ็บสาหัส โดยส่วนสำคัญของหนังจะอยู่ที่การโคจรพบกันของ 'ออม' และ 'กวัก' ผู้ที่ทำงานขึ้นตรงกับรัฐบาลเกาหลีใต้ ที่ต่างฝ่ายได้รับรู้และแลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นสหายต่างพรหมแดนที่นำพาชาติไปสู่บทสรุปแห่งสันติ








4. Assassination (2015)

บล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ที่เปี่ยมด้วยนักแสดงคุณภาพและตัวบทที่อิงเค้าโครงประวัติศาสตร์ของต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อกลุ่มผู้เคลื่อนไหวฝั่งเกาหลีต้องการปลดแอกหลังตกอยู่ภายใต้อาณานิคมของญี่ปุ่นมาหลายทศวรรษ โดยทำการจัดตั้งทีมลอบสังหารเพื่อวางแผนปลิดชีพเหล่าผู้นำญี่ปุ่น ซึ่งความน่าสนใจอยู่ที่โมเมนต์เชือดเฉือนคมของทั้งสองฝั่ง และการแฝงตัวของสายลับที่แอบขายข่าวให้ญี่ปุ่นจนกลายเป็นหนึ่งอุปสรรคสำคัญในการบรรลุภารกิจ อีกทั้งยังใช้ลูกเล่นการสวมรอยที่มือสังหารสาวได้มาพบกับแฝดของตนที่เคยพลัดพราก เพื่อต่อยอดไปยังพิธีแต่งงานที่รวมเหล่าทหารและบุคคลชั้นสูงของญี่ปุ่นซึ่งเปรียบได้กับไคลแม็กซ์ที่มาพร้อมแอคชั่นซีนกับการสาดกระสุน ยิงกันหูดับตับไหม้ที่มีความยาวกว่า 15 นาที








3. New World (2013)

การมองหาไอเดียชั้นดีและปรุงแต่งให้เกิดความสดใหม่โดยใส่เอกลักษณ์ความเป็นตัวเองเข้าไป นั่นเป็นกลวิธีทำหนังเกาหลีที่ใช้แล้วประสบผลสำเร็จตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยหนังเรื่องนี้เสมือนเป็นส่วนผสมระหว่าง Infernal Affairs หนังสายลับหักเหลี่ยมที่พูดถึงการแทรกซึมสองขั้วปรปักษ์ทั้งฝั่งตำรวจและกลุ่มโจร กับ Election รูปลักษณ์หนังแก๊งสเตอร์ที่เล่นเนื้อหาการเปลี่ยนแปลงและการช่วงชิงขั้วอำนาจ อีกทั้งยังได้แอคชั่นซีนที่ดิบเถื่อนสไตล์หนังเกาหลีมาสร้างความต่างได้อย่างลงตัว โดยปมเรื่องพูดถึงการเสียชีวิตของเจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจครั้งใหม่ ซึ่งตัวเอกอย่าง 'แจงซุง สายลับตำรวจที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มโจรเป็นระยะเวลานาน ก็ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญที่คาบเกี่ยวกับชีวิตตนเอง








2. The Spy Gone North (2018)

ยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อนสำหรับ Yoon Jong-Bin ที่หลายคนรู้จักในฐานะผู้กำกับจาก Nameless Gangster ที่ในครั้งนี้กลับมาในรูปโฉมหนังสายลับที่เต็มไปด้วยกลอุบายทางการเมือง ขับเคลื่อนด้วยบทสนทนา การเจรจาต่อรอง เกิดโมเมนต์พลิกผันทางความคิดอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าได้รสสัมผัสที่เยือกเย็น ตึงเครียด ไม่น่าไว้วางใจลักษณะเดียวกับ Tinker Tailor Soldier Spy หรือ The Age of Shadow โดยเซ็ทโครงเรื่องในต้นยุค 90 ที่ฝั่งเกาหลีใต้ได้รับข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองว่าฝั่งเหนือกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อเหตุผลบางประการ ทำให้ฝั่งใต้ต้องส่งสายลับ 'พาร์ค ซัคยอง' ไปสืบเสาะข้อเท็จจริง ซึ่งกลวิธีที่ตัวเอกใช้จะเป็นการสวมรอยเป็นนักธุรกิจที่เดินทางไปปักกิ่งและพยายามหาลู่ทางทำการค้ากับเกาหลีเหนือ ก่อนเหตุการณ์หลายๆอย่างจะนำไปสู่การสั่นคลอนอุดมการณ์เเละความเชื่อมั่นทางการเมือง








1. The Age of Shadows (2016)

บริบทที่อิงเนื้อหาทางประวัติศาสตร์และการแทรกสอดแนวคิดปลุกระดมรักชาติที่ตรงจริตกับหนังออสการ์ ตลอดจนคุณภาพในงานโปรดักชั่น และที่สำคัญการลงรายละเอียดตัวบทในฐานะหนังสายลับที่ทำได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งความซับซ้อนของเนื้อหาและการสร้างโมเมนต์หักเหลี่ยม ชิงไหวชิงพริบได้อย่างลุ้นระทึก ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่หนังจะถูกส่งไปเป็นตัวแทนเข้าชิงออสการ์หนังภาษาต่างประเทศ โดยเรื่องราวเซ็ทตัวอยู่ในต้นศตวรรษที่ 20 ที่เกาหลีตกเป็นเบี้ยล่างญี่ปุ่น และทางกลุ่มผู้ต่อต้านก็ได้วางแผนในการระเบิดจุดยุทธศาสตร์เพื่อนำไปสู่การปฏิวัติ ซึ่งหนังจะขับเคลื่อนผ่านสองตัวละครหลักอย่าง 'วูจิน' ผู้นำกลุ่มต่อต้านที่แฝงตัวในสถานะพ่อค้าของเก่า และ 'จุงโชล' ตัวละครที่เต็มไปด้วยมิติทางความคิดที่น่าสนใจเพราะมีสถานะเป็นตำรวจที่ทำงานรับใช้ญี่ปุ่น ขณะเดียวกันก็คอยให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ต่อต้านกันอย่างลับๆ
.
.
.
.
.
.
.

ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังทั่วไปเเละซีรีส์(โดยเฉพาะฝั่งเกาหลี)



ขออนุญาตฝากเพจนะครับ

https://www.facebook.com/Criticalme



เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่