10 ซีรีส์สืบสวนเกาหลี (Korean Suspense) ชั้นเยี่ยมแห่งศตวรรษที่ 21

กระทู้สนทนา

ซีรีส์สืบสวนเป็นอีกรูปแบบงานคุณภาพจากเกาหลี ที่น่ายกย่องและมีการผลักดันไม่แพ้กลุ่มหนังที่คนส่วนใหญ่คุ้นชินกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผลงานของนักเขียนบทอย่าง 'อีซูยอน' (Stranger, Life) 'คิมอึนฮี' (Signal, Kingdom, Ghost) 'พัคเฮรยอน' (I Can Hear Your Voice, Pinocchio, While You Were Sleeping) ที่แสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมของการลงรายละเอียด และเป็นความสร้างสรรค์ที่ดูแตกต่าง…

สำหรับลิสต์นี้จะเน้นซีรีส์ที่โทนขึงขัง จริงจัง ไม่เน้นเลิฟไลน์ ยกเว้น Nine: 9 Times Time Travel ที่มีไอเดียที่น่าสนใจ ผสมการไขความจริงและเลิฟไลน์อย่างลงตัว…
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

10. Voice (2017)
(มีทั้งหมด 16 ตอน รับชมได้ทาง Viu)

ไอเดียที่น่าสนใจของซีรีส์เกาหลีที่ใช้กลวิธีสืบสวนผ่านเสียงแวดล้อม หรือคำให้การของผู้เคราะห์ร้ายที่ติดต่อมายังทีมสืบสวนพิเศษ ที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยชีวิตคนในช่วงเวลากระชั้นชิด ซึ่งนำทีมโดย 'คังควอนจู' โปรไฟล์เลอร์ที่ใช้เสียงในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ และ 'มูจินฮยอก' ตำรวจฝีมือดีที่มีปมฝังใจต่อการจากไปของคนรัก โดยซีรีส์จะแบ่งคดีเป็น 2 รูปแบบคือ รู้ตัวคนร้าย แต่ยังไม่ทราบตำแหน่งที่แน่ชัด เพื่อเล่นกับความลุ้นระทึก ความเป็นตายของเหยื่อ กับอีกรูปแบบคือ ยังไม่รู้ตัวคนร้าย แต่ทราบตำแหน่งที่แน่ชัด เพื่อเล่นกับความใคร่รู้ของคนดูและมักจะตามด้วยจุดทวิสต์ที่เหนือคาด

9. Three Days (2014)
(มีทั้งหมด 16 ตอน รับชมได้ทาง Viu)

นับเป็นซีรีส์สืบสวนการเมืองชั้นเยี่ยมจากงานเขียนบทของ 'คิมอึนฮี' ที่อิงเค้าโครงบางส่วนจากเหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีเกาหลีใต้ 'พัคชองฮี' และ 'ชอนดูฮวาน' ' ที่พาคนดูไปค้นหาความจริงภายในไทม์ไลน์สามวัน ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวพลิกผันและการเฉือนเชือดคม โดยโฟกัสไปที่ปมการหายตัวอย่างปริศนาของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ขณะที่ตัวเอกอย่าง 'ฮันแทคยอง' กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม ที่เขาต้องสืบความจริงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากผู้ที่อยู่เบื้องหลังจากลอบสังหารประธานาธิบดี

8. Defendant (2017)
(มีทั้งหมด 18 ตอน รับชมได้ทาง Viu)

เป็นซีรีส์เกาหลีแนวกฎหมายเพียงไม่กี่เรื่องที่ทำออกมาในโทนซีเรียส เน้นปมดราม่า การชิงไหวพริบ และไขความจริงของตัวเอก 'พัคจองอู' อัยการฝีมือดีที่ตื่นขึ้นมาและกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมลูกเมียตนเอง อีกทั้งความทรงจำบางส่วนที่อาจเป็นกุญแจไขปริศนาก็เลือนหายไป ซึ่งเขาต้องร่วมมือกับทนายในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ขณะเดียวกัน 'ชามินโฮ' ชายที่ฆาตกรรมและสวมรอยเป็นพี่ชายฝาแฝดตัวเอง ก็ถูกเซ็ทเป็นคู่ปรับที่ดูสมน้ำสมเนื้อของตัวเอก

7. Nine: 9 Times Time Travel (2013)
(มีทั้งหมด 20 ตอน รับชมได้ทาง Netflix)

กลไกการท่องเวลาที่ส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์บางอย่างทั้งในอดีตและปัจจุบัน เป็นหัวใจสำคัญของหนังอย่าง Butterfly Effect หรือ The Time Traveler's Wife โดยเรื่องนี้ใช้ส่วนผสมดังกล่าวผูกเข้ากับซีรีส์เมโลดราสไตล์เกาหลี แล้วโฟกัสไปยัง 'พัคซันวู' ตัวเอกที่กำลังสืบหาความจริงต่อเสียชีวิตปริศนาของพี่ชาย ก่อนที่ทุกอย่างจะเชื่อมโยงไปยังธูปและการท่องเวลา 9 ครั้ง ซึ่งจุดน่าสนใจของซีรีส์จะเป็นการเฝ้าดูความลับบางอย่างที่ค่อยๆถูกเปิดออก ควบคู่ไปกับผลกระทบการท่องเวลาที่ย้อนถามตัวเอกถึงความถูกต้องต่อการตัดสินใจ

6. Two Weeks (2011)
(มีทั้งหมด 16 ตอน รับชมได้ทาง Viu)

นับว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีสำหรับคอหนังแนว The Fugitive หรือ North by Northwest ที่ตัวเอกถูกป้ายสีให้เป็นผู้ร้าย และระหว่างทางต้องคอยสืบความจริง คู่ขนานไปกับการหลบหนีจากการตามล่าโดยกลุ่มคนที่หมายจะเอาชีวิต โดยตัวเอกอย่าง 'ชังแทซัน' ชายผู้ถูกป้ายสีให้ต้องโทษคดีฆาตกรรม และต้องหลบหนีจากการตามล่าของตำรวจและกลุ่มผู้ร้ายในเงามืด ขณะเดียวกันก็ต้องหาหนทางไปปลูกถ่ายไขกระดูกให้ลูกสาวที่กำลังผ่าตัดภายใน 2 อาทิตย์

5. Missing Noir M (2015)
(มีทั้งหมด 10 ตอน ช่องทางรับชมลองเสิร์ชหาดูนะครับ)

เอกลักษณ์สไตล์หนังฟิล์มนัวร์ๆ ทั้งงานภาพหม่นๆ คดีที่ซับซ้อน รุนแรง สะท้อนสภาพสังคมอันโสมม และความดำมืดของจิตใจมนุษย์ เป็นองค์ประกอบที่ช่วยขับความดิบและสมจริงของซีรีส์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเนื้อหาถูกขับเคลื่อนผ่าน 'กิลซูฮยอน' อดีตเอฟบีไอ ที่กลับมารับตำแหน่งหน่วยสืบสวนพิเศษของเกาหลีใต้ ที่มุ่งเน้นคดีสืบสวนคนหาย และประสานงานร่วมกับคู่หูอย่าง 'โอเเดยัง' นักสืบมากประสบการณ์ เป็นคนที่ช่างสังเกตและปฏิภาณไหวพริบเป็นเลิศ

4. Phantom / Ghost (2012)
(มีทั้งหมด 20 ตอน ช่องทางรับชมลองเสิร์ชหาดูนะครับ)

ไอเดียที่สดใหม่กับกลวิธีสืบสวนที่ถูกรองรับด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำ ตลอดจนสะท้อนการคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นในแวดวงการเมืองและตำรวจ เป็นการเขียนบทอันน่าสนใจที่ทำให้ชื่อของ 'คิมอึนฮี' กลายเป็นที่จับตามองของคอซีรีส์เกาหลีทั่วโลก โดยเนื้อหาถูกขับเคลื่อนผ่านตัวเอกอย่าง 'คิมวูฮยอน' สารวัตรมือปราบ ผู้มีไหวพริบและสติปัญหาอันเฉียบแหลม เป็นที่หนึ่งมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียน ซึ่งเขาต้องผนึกกำลังกับหน่วยสืบสวนไซเบอร์ในการไขอาชญากรรมที่ซุกซ่อนในโลกออนไลน์

3. Tunnel (2017)
(มีทั้งหมด 16 ตอน ช่องทางรับชมลองเสิร์ชหาดูนะครับ)

เค้าโครงจากเรื่องจริงของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องฮวาซองในปลายยุค 80 โดยการสืบสวนจะใช้ข้อมูลจากอดีตและปัจจุบันที่คล้ายคลึงกับ Signal ที่แลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านวิทยุ แต่เรื่องนี้จะให้ตัวละครจากอดีตที่เคยมีประสบการณ์ในคดีนี้อย่าง 'พัคกวางโฮ' หลุดเข้ามาในยุคปัจจุบัน เพื่อผนึกกำลังกับตำรวจและโปรไฟล์เลอร์อย่าง 'คิมซันเเจ' และ 'ชิมเเจยิ' ในการไขตัวตนอันซับซ้อนของฆาตกรที่หลบซ่อนในเงามืดกว่า 2 ทศวรรษ

2. Signal (2016)
(มีทั้งหมด 16 ตอน รับชมได้ทาง Viu)

การพลิกแฟ้มคดีปริศนาที่ในอดีตไม่อาจหาข้อสรุปได้ โดยใช้การสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ซึ่งนำโดย 'อีเเจฮัน' ตำรวจตงฉินที่คอยส่งข่าวจากอดีตให้กับ 'พัคเฮยอง' ตำรวจยุคปัจจุบัน ที่ทำงานเป็นโปรไฟล์เลอร์ ในการวิเคราะห์อุปนิสัยและลักษณะของคนร้าย โดยซีรีส์จะมุ่งไปยัง 5 คดีหลักๆที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงในเกาหลี ทั้งคดีลักพาตัวเด็กสาว คดีฆาตกรรมต่อเนื่องหญิงสาวที่ฮวาซอง คดียกเค้าบ้านเศรษฐี คดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยถุงดำ และคดีกระทำชำเราหญิงสาวในโรงเรียนมัธยมปลาย

1. Stranger / Secret Forest (2017)
(มีทั้งหมด 16 ตอน รับชมได้ทาง Netflix)

การสืบสวนที่ขยายจากปมเล็กๆไปสู่โครงสร้างต่างๆที่มีผลต่อความมั่นคงของชาติ เป็นการลงรายละเอียดที่แยบคายของ 'อีซูยอน' ในการสำรวจการคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นในเกาหลีได้อย่างสมจริง โดยผ่านการสืบสวนของ 'อัยการฮวัง' และคู่หูอย่าง 'หมวดฮัน กับการเปิดเรื่องด้วยคดีฆาตกรรมพัคมูซอง และเชื่อมโยงไปถึงคดีพยายามฆาตกรรมคิมกายอง ที่ค่อยๆเผยความจริงอันเน่าเฟะในแวดวงอัยการ ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล ขณะเดียวกันการคาดเดาถึงตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังก็ทำได้ยาก เพราะทุกตัวละครต่างมีด้านสีขาวและสีดำที่กลายเป็นสิ่งที่สร้างความเคลือบแคลง คนที่ดูไม่มีพิษภัยก็ยังเก็บซ่อนด้านมืดบางอย่างไว้ ทำให้ตลอดการสืบสวนคนดูจะไม่สามารถก้าวนำความคิดของตัวเนื้อหาได้เลย
.
.
.
.
.
.