ขอเเค่ได้ระบาย ช่วงชีวิตที่ตกงาน เเฟนทิ้ง เงินหมด หนี้สินรออยู่ ....

กระทู้คำถาม
ตอนนี้ จขกท. พยายามเข้มเเข็งเเละมองหาวิธีที่จะเดินหน้าชีวิตต่ออยู่ โดยการพยายามหาอ่านเรื่องราวชีวิตของคนที่เค้าเเย่เเละลำบากกว่าเรา เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง   ต้องบอกก่อนว่านี้คือการตั้งกะทู้ครั้งเเรกค่ะ  เเละ จขกท. ไม่มีเพื่อนสนิท บางทีก็ไม่รู้จะระบายหรือปรึกษาใคร  เพราะเป็นคนไม่ชอบเอาความทุกข์ไปให้คนอื่นรับฟัง จึงอยากขอระบายเเละรับฟังความคิดเห็น เเละข้อคิดกำลังใจดีๆจาก พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคนนะค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอเล่าชีวิตของตัวเองตั้งเเต่ยังเด็กนะค่ะ

จขกท. มีพี่น้องด้วยกัน 2 คน โดยจขกท. เป็นคนสุดท้อง เเละมีพี่ชาย 1 คน  เเละขอเเทนตัวเองว่า  เรา นะค่ะ   

เราเกิดบนครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง  เเละเป็นคนที่ตั้งใจเรียนมาก มีคะเเนนเป็นอันดับต้นๆ เสมอ สอบได้ที่1 เกือบทุกปี ( สมัยเรียนปฐม)  จึงเป็นที่ภูมิใจของคุณเเม่ ไปที่ไหนก็จะชมให้คนอื่นฟังตลอดว่า ลูกชั้นเรียนเก่ง บลาๆๆๆ   จนมาได้ถึงช่วงจะขึ้นมัธยมที่ 1  เรามีความตั้งใจมากที่จะสอบเข้า ร.ร. หญิงล้วน ซึ่งต้องเดินทาง 1 ชั่วโมงกว่าจะถึง  เเละเเล้วเราก็สอบได้ตามความตั้งใจ  เเต่มีเหตุที่ทำให้เราไม่ได้เรียนที่นี้เพราะ  พ่อกับเเม่กำลังมีปัญหากัน  เเม่จับได้ว่าพ่อมีเมียน้อย เเละเเม่ก็เป็นเเม่บ้านไม่ได้ทำงานประจำ  จึงทำให้เราไม่มีเงินไปจ่ายค่าเรียนเเรกเข้า ค่าเสื้อผ้า ค่าหนังสือ เพราะตั้งเเต่เเม่จับได้ว่าพ่อมีเมียน้อย พ่อก็เริ่มไม่กลับบ้าน  ไม่ให้เงินเเม่ จนทำให้ชีวิตเราต้องลำบากมาก  เราเสียดายที่ไม่ได้เรียน ร.ร. ที่อยากเรียน เเต่ก็ยอมรับสภาพตัวเอง จนสุดท้ายเมื่อถึงช่วง ร.ร ใกล้เปิดเทอม เเม่ก็ได้พาเราไปสมัครเรียนมัธยมที่ใกล้บ้าน ที่ค่าเทอมถูกเเละน่าจะไม่มีค่าใช่จ่ายเยอะ  เราจึงยังคงได้เรียนหนังสือ  ซึ่งบางวันก็มีเงินไปโรงเรียนบ้าง  ไม่มีบ้าง เพราะเเม่ทำงานหาเลี้ยงคนทั้งบ้าน ด้วยเงินเดือน 6พันบาทในสมัย 15 ปีที่เเล้ว  มีคุณยาย,พี่ชาย เเละเราด้วยกันทั้งหมด 4 ท้อง ที่เเม่ต้องหาเลี้ยง เเละพ่อก็ยังไปๆมาๆ หาเเม่ ทั้งๆที่ก็มีเมียน้อย  เป็นเพราะเเม่เรารักพ่อมาก ยอมให้พ่อกลับมาบ้าน จันทร์ , อังคาร ,พุธ 3วัน  ส่วน4 วันที่เหลือก็อยู่บ้านเมียน้อย  เรายอมรับว่า ตอนนั้นเราคิดกับพ่อเราไม่ดีเลย  เราเกลียดพ่อเรามาก  เราเเค้นที่มาทำเเบบนี้  ทำให้ครอบครัวลำบาก เเละไม่เคยช่วยเหลือส่งเสียลูกเลยตั้งเเต่มีเรื่อง เเต่ก็ยังกลับมาบ้าน  กลับมาก็กลิ่นเหล้าเมาเเละเหม็น   เเถมชอบพูดจาไม่ดีด่าเราบ่อยๆโดยไม่มีเหตุผล  เราเกลียดพ่อเรามากตอนนั้น  เเละเเอบร้องไห้บ่อยๆสงสารเเม่ จนกระทั้งขึ้น ม. 2  เราก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมเรียนหนังสือ ซึ่งตอนนั้นก็ไม่น่าจะเกิน 2,000 เท่าที่จำได้นะค่ะ  เพราะเเม่ก็ต้องส่งพี่ชายเรียนพร้อมเราด้วย ซึ่งเราเรียนห่างกันเเค่ 2 ปี จึงต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ  เราจึงเครียดเเละซึมเศร้า เพราะพ่อเเม่คนอื่นเค้ามาลงทะเบียนพร้อมจ่ายเงินกันหมด เเต่เราไม่มี จนสุดท้ายวันเรียนวันเเรกก็มาถึงตามปกติ  เรารอให้เพื่อนๆเปลี่ยนคาบเรียนเเล้วเดินไปเรียนที่ห้องอื่นจะได้ไม่เห็นเราว่าเราไปคุยกับคุณครู  เพราะตอนนั้นเรายอมรับว่าเราอายที่ไม่มีเงินเรียน จนสุดท้ายเดินเข้าไปหาคุณครูที่ปรึกษาในตอนที่ไม่มีเพื่อนอยู่ด้วย  เราสวัสดีเเละพูดกับคุณครูว่า  “ครูค่ะ พอมีทุนเรียนฟรีให้นู๋ขอได้ไหมค่ะ  “ เท่านั้นเเระ คุณครูก็พูดว่า  “ เออลูก  ครูว่าจะถามอยู่ว่าทำไมยังไม่มาซื้อหนังสือ มาลงทะเบียนจ่ายค่าเทอม ที่บ้านมีปัญหาอะไรหรอลูก “ เท่านั้นเเละฮ่ะ  เรานี้บ่อน้ำตาเเตกเลย ร้องไห้โฮ เเละเล่าความจริงให้คุณครูฟัง จนสุดท้ายคุณครูก็เมตตา หาทุนให้เราได้เรียนจนจบ ม. 3  ทุกวันนี้ยังไม่เคยลืมพระคุณท่านเลย เเละระหว่างที่เรียนทุกช่วงปิดเทอม เเม่ก็จะให้เราหางานทำรับจ้างเสมอๆ เพื่อหารายได้ ทุกครั้งที่เราได้เงินเราก็จะเอาให้เเม่ เรามีความสุขนะเวลาเห็นเเม่ภูมิใจในตัวเรา เเละเราก็มีความสามารถขับรถมอเตอร์ไซค์ได้ตั้งเเต่ ม.1  ที่ขับเป็นไว เพราะเราต้องขับรถไปรับเเม่ที่ทำงานหลังเลิกงานสลับกับพี่ชาย  ( ขับบนถนนใหญ่เข้าใจกลางเมือง ซึ่งอันตรายมาก ) เพื่อที่จะรีบกลับมาตั้งร้านขายของขายเสื้อผ้าตลาดนัดให้ทันเวลากับเเม่  ทั้งๆที่มันเเสนอันตราย ทำเเบบนี้ตั้งเเต่ ม. 1 ซึ่งมองย้อนกลับไปเเล้วเออ  โคตรอันตรายเลยเด็กผู้หญิงขับรถมอไซค์ 555 เเต่มันก็ผ่านมานานเเล้ว จนสุดท้ายเราก็กำลังจะจบมัธยมต้น  เเละเราก็คิดว่าเราต้องเรียนต่อ ปวช. คงดีกว่า เพราะถ้าเรียนม.ปลายก็ต้องต่อมหาลัยซึ่งทางครอบครัวคงไม่มีเงินเเน่นอน  เเละเเล้วอยู่มาวันนึง พ่อซึ่งไม่ได้กลับมาบ้านมานานเเรมปี  ก็กลับมาเที่ยวที่บ้าน เเล้ววันนั้นเป็นวันที่เรากำลังคุยกับเเม่อยู่เรื่องเรียนพอดี ว่าเเม่นู๋อยากเรียนที่นี่ อยากไปเรียนกับเพื่อน ซึ่งมันเป็นวิทยาลัยเอกชน เเม่จึงปรึกษาพ่อเพราะพ่อมาบ้านพอดี  เเล้วเราก็ได้ยินคำพูดนึง ที่เราฟังไม่มีวันลืมว่า “ ไม่ต้องเรียนเเล้ว ออกมาทำงานได้เเล้ว จบ.เเค่ม.3ก็พอ ไม่มีใครเค้ามีปัญหาให้เรียนหรอก”   เราทั้งเเค้นเเละเสียใจมาก โกรธที่ไม่ได้ส่งเสียเราเเล้วยังบอกให้เเม่ไม่ต้องให้เราเรียนอีก  เเต่สุดท้ายเเม่เราก็ไม่เชื่อพ่อ เเม่เราสงสารเรา จึงหาเงินพาเราไปสมัครเรียนจนได้ ตอนนั้นเราดีใจมาก เเต่ในระหว่างที่เราเรียนเราก็พยายามรับจ้างทำงานทุกอย่าง จนเราได้เจอเเฟนคนเเรกในชีวิต ที่บ้านเเฟนเค้าค่อนข้างมีฐานะเลยทีเดียว ระหว่างที่เรียนเราก็ต้องเจอสภาพเดิมคือไม่มีค่าเทอมอีกเเล้ว เเละทุกครั้งที่เข้าสอบปลายภาค ถ้านักเรียนคนไหนยังไม่มีค่าเทอมจ่าย ทาง ร.ร. ก็จะไม่ให้เข้าสอบ จะต้องหาเงินมาจ่ายก่อนสอบเท่านั้นโดยจ่ายมาส่วนนึงก่อนก็ได้  นั่นเเละฮะ เรานี้ขาประจำเลยไม่เคยได้สอบปกติ วิ่งวุ่นหาเงินทุกครั้ง ซึ่งบางทีก็ขอคุณเเม่บ้าง บางทีท่านก็ไม่มี ก็ต้องหาขอยืมทางบ้านเเฟนบ้าง  เเต่ก็ช่วยงานกิจการบ้านเค้าเป็นค่าใช้หนี้  ก็ต้องขอบคุณพี่ๆเค้าด้วยที่เมตตา จนสุดท้ายก็เรียนจบ. ปวช. มาได้อย่างวุดวิดเเบบลำบาก เเต่ก็ไม่เคยคิดน้อยใจชีวิตเลยตอนนั้น เพราะใจสู้มาตลอด  จนได้สมัครเรียน ปวส. ภาคเสาร์อาทิตย์เพราะรู้ว่าตัวเองต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเท่านั้น เเละเเล้วช่วงนั้นก็ได้เลิกลากับเเฟนคนเเรกเพราะความเจ้าชู้ของเเฟน  จึงทำให้เรามีความคิดที่ผิดๆต่อผู้ชายว่า ผู้ชายมันเลวกันทุกคน เพราะเราก็มีเรื่องฝังใจกับพ่อมาก  เออ ลืมบอกไปค่ะว่าเเม่ตัดพ่อออกจากชีวิตได้ตอนเราเรียน ปวช.2 ค่ะ เเล้วเเม่ก็เเต่งงานใหม่กับนายทหารที่เป็นคนดีเลยทีเดียว เเละชีวิตเเม่ก็ดูมีความสุขขึ้นกว่าเดิม  ////  

ช่วงที่เราเรียนปวส. เราก็ได้ไปสมัครเป็นเเคดดี้ สนามกอล์ฟ เพราะวุฒิตอนนั้นยังไม่ค่อยมีใครรับ เเละเราก็คิดว่าเงินก็คงจะดี เเต่ต้องตากเเดดเเลกกับความเหนื่อยมาก ซึ่งเราก็ส่งตัวเองเรียนจนจบ มีเงินก็ให้เเม่บ้างค่ะเเล้วเเต่มีเยอะมีน้อยก็ให้  จนเราได้ลาออกจากเเคดดี้ค่ะ ออกอีกทีตอนเรียนจบปวส. เเละได้เรียนต่อ ป. ตรี  ตอนนั้นเรามีความคิดอยากค้าขายค่ะ เคยขายหลายอย่างตามตลาดนัดนะค่ะ ขายลูกชิ้นปลาระเบิดบ้าง ขายพิซซ่าบ้าง ขายเสื้อผ้ามือสองก็ขาย เเต่สุดท้ายก็ต้องไปไม่รอดค่ะ เพราะทำเลของเราไม่ดีเราไม่มีที่ประจำขาย จะไปขายก็ต้องคอยจับฉลากว่าได้ทำเลตรงไหน บางทีก็ได้ที่สุดท้ายตลาดที่คนไม่ค่อยไปเดิน บางวันฝนก็ตกขายของไม่ได้ ยิ่งของกินนี้เเทบเเย่เลย เพราะมันขายไม่ออกก็จะเสียไงค่ะ สู้ล้มๆ ลุกๆ มาเป็นปี จนสุดท้ายไม่ได้เรียนต่อเพราะช่วงนั้นการเงินเเย่ ไม่มีตังจ่ายค่าเทอม T_T  จนเราต้องเลิกขายของ  เเละเงินก็เเทบไม่เหลือ  ช่วงนั้นก็ทั้งตกงาน ทั้งทะเลาะกับคุณเเม่ เเต่เเล้วก็ได้กลับมาพบกับผู้ชายคนนึง คือเเฟนของเราคนปัจจุบัน  ซึ่งรู้จักกันมานานเเล้ว เเต่เพิ่งมาเจอกันอีกทีตอนโตก็ได้มีโอกาสคุยกัน ก็ได้เล่าเรื่องชีวิตว่าตอนนี้ตกงานเเล้วก็ลำบาก บลาๆๆๆ  เค้าก็รับฟังเเละปลอบใจบอกให้เราสู้  จนเราก็ผ่านมาได้ เเละได้เข้าทำงานบริษัทเอกชนเเห่งนึงในตำเเหน่งบัญชี  ซึ่งงานค่อนข้างยากเเละหนักเอาเรื่อง เเต่เงินเดือนค่อนข้างโอเคกับวุฒิที่เรามีคือ ปวส.  ประมาณ25k++
เเละช่วงเเรกที่ไปทำงานเเฟนก็ให้เงินไปทำงานทุกวัน จนเราตั้งตัวได้ เเละย้ายออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียวเพราะอยากได้ความเป็นส่วนตัวเเละอยากได้ที่พักใกล้ที่ทำงาน  จนใช้ชีวิตเเบบนี่อยู่ประมาณ3 ปี มีเงินก็หมดไปกับการช๊อปปิ้ง เล่นหวย เล่นเเชร์ ยอมรับเลยว่าเป็นคนที่ไม่มีระเบียบวินัยเลยสักนิดกับการใช้เงิน  เเต่ตรงกันข้ามกับเเฟน เเฟนเราเป็นคนที่ใช้เงินประหยัดเเละเก็บเงินเก่งมาก  เงินเดือนน้อยกว่าเราเเต่เค้าสามารถซื้อรถมือสองโดยไม่ต้องผ่อน ให้เงินเราใช้ต่อเดือนเฉลี่ย 3 -4 พัน เเล้วเเต่เราจะขอ เราก็เคยตัวเพราะมีเเฟนซัพพรอตเสมอเวลาช็อตเงิน  บางทีเงินเดือนออกมาเหลือไม่กี่พันก็ไม่ซีเรียส  เพราะความนิสัยเสียเเละเคยตัว ตามใจปากตามใจตัวเอง ช็อปออนไลน์นี้เป็นประจำ ของที่ไม่จำเป็นก็ซื้อ เก็บเงินได้ไม่เคยนาน พอจะมีเป็นเงินก้อนก็คิดหาเรื่องซื้อของ ใครมายืมใครเดือดร้อน เราช่วยเหลือหมด มีไม่มีก็หาช่วยเค้า น่าใหญ่ใจใหญ่ กับพ่อเราก็ช่วยเหลือนะค่ะ เราผ่อนมอไซค์ให้พ่อด้วย เพราะพ่อชีวิตเค้าตอนนี้ลำบากมาก  เมื่อก่อนเราไม่ชอบพ่อเราเลย  เเต่พอเราผ่านอะไรมาเยอะ เราก็ปล่อยวางเเละคิดว่าเค้าคือพ่อของเรา  จนวันนึงช่วงปีทีเเล้ว เดือนกันยายน ปี 61 ที่ผ่านมา เราอิ่มกับงานที่เราทำเเละปัญหางานก็มีมากจนท้อ  เราจึงลาออกอย่างไม่คิดดีๆ ว่าจะมาช่วยงานกิจการของเเม่ที่บ้าน เพราะคิดว่ามันน่าจะไม่มีปัญหาอะไรเพราะมันคือกิจการของเเม่เรา ซึ่งกิจการก็ยังไม่โตเท่าไหร่ยังคงต้องหมุนๆเงินอยู่  ซึ่งนิสัยของเเม่เราท่านค่อนข้างใจร้อนมาก เอาเเต่ใจเเต่ก็ออกเเนวปากร้ายใจดี ......  

ช่วงทำงานกับที่บ้านเเรกๆ อยู่ดีๆเเฟนเราก็ทิ้งเราไปค่ะไม่รับสายเรา ไม่คุยกับเรา  เราคิดว่าเค้าน่าจะทนกับเราไม่ได้เรื่องใช้เงิน เรายอมรับว่าเสียใจมาก เราเเอบตรอมใจเงียบๆเเต่ก็ไม่เคยโทษเค้าเลย  โทษเเต่ตัวเองที่ไม่ได้เป็นเเฟนที่ดีให้เค้าภูมิใจสักเท่าไหร่ เราจึงได้เเต่ก้มรับความเสียใจนี้ไป  จนเราทำงานได้1 เดือน เเต่ยอมรับว่ายังไม่ได้ทำเต็มที่สักเท่าไหร่ เพราะมั่วเเต่ซึมเศร้าเรื่องเเฟน ระหว่างนั้นเราก็เริ่มมีปัญหากับเเม่ เพราะเราไม่มีอารมณ์เต็มที่กับงานจนเเม่เราบ่นเรา เเต่เราก็น่าด้านให้เค้าด่าบ่นไป 55 เพราะเค้าคือเเม่ของเรา เราคิดเเค่นี้ เเต่เเล้ววันนึง ปลายปีที่ผ่านมา เราก็ได้ทะเลาะกับเเม่เราอย่างหนัก  เราขอไม่บอกนะค่ะว่าเรื่องอะไร เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ดีของพฤติกรรมเเม่เรา  ซึ่งเราเสียใจมากกับเรื่องนี้ เราทะเลาะกับเค้าเพราะเค้าไม่ฟังความรู้สึกเราว่าเราเป็นห่วงเค้ารักเค้าไม่อยากให้เค้าทำเเบบนั้น  เเต่เค้าก็พูดเดิมๆว่า ชีวิตกูเรื่องของกูอย่ายิ้ม  ถ้าเเน่ก็ไปหางานทำที่อื่นไม่ต้องมาทำงานกับกู  เรานี้ช็อคเลย ทั้งๆที่เราต้องทิ้งงานที่มั่นคงเพื่อมาดูเเลกิจการเเม่  เพราะตอนนั้นเเม่ก็เร่งๆเราให้ลาออก บอกไม่ไหวอยากให้มาช่วย เเต่พอเวลานี้ เเม่กลับไล่เราง่ายๆ  เเละพูดหลายครั้งมาก เราก็เป็นคนที่เเย่ตรงที่ไม่ง้อไม่ยอมซะด้วย  เราก็รับปากว่าเราจะไปหางานทำที่อื่นในวันนั้นเลย โดยที่เดือนนั้นก็ไม่ได้เงินเดือนสักบาท  จนวันนี้ผ่านมา 2เดือนกว่าเเล้ว  เเม่ก็รับคนอื่นมาช่วยงานเเทนเราเป็นที่เรียบร้อย  เเต่เราก็คุยกับท่านได้นะค่ะ  เเต่เเค่ไม่ได้ยุ่งหรือทำงานด้วยอีก  เพราะเราเจ็บจริงๆกับปัญญาหาระหว่างเรากับเเม่ เเต่เราก็ได้ขอโทษท่านไปเเล้วที่วันนั้นเคยทำอะไรหรือพูดอะไรไปไม่ดีค่ะ....

ณ ตอนนี้เรานอนจมกับความทุกข์ เฝ้าถามตัวเองว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร  หนี้บัตรเคดิต หนี้เเชร์ก็ต้องส่ง ค่างวดรถพ่อก็ต้องหาจ่าย จนตอนนี้เเทบไม่เหลือเงินสักบาท ของมีค่าก็ขายเกือบหมด มาคิดที่หลังว่าทำไมตัวเองไม่เก็บเงิน T_T  ขอความช่วยเหลือใครก็ไม่เคย เพราะมีเเต่คนเดือดร้อน ส่วนมากมีเเต่เราที่ช่วยคนอื่น พยายามถามตัวเองว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร  เเฟนทิ้ง  ตกงาน เงินหมด หนี้ยังคงอยู่ หันไปหาใครก็ไม่มี อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ สัญญากับตัวเองว่าจะผ่านมันไปให้ได้  ไล่หาสมัครงานถ้ามีโอกาสจะเรียนต่อ เเต่กว่าจะผ่านมันไปได้ก็คงลำบากเลยเเระเนอะเพราะทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งนั้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่