ซาอุฯไม่ติดใจ สาวขอลี้ภัย! เรื่องส่วนตัว-ชื่นชม "บิ๊กโจ๊ก"
จบลงด้วยเสียงปรบมือจากคนทั่วโลก “บิ๊กโจ๊ก” เผยผลการเข้าพบอุปทูตซาอุฯประจำประเทศไทยได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทางการซาอุฯชื่นชม ทางการไทยแก้ไขสถานการณ์ได้ดีและไม่ติดใจสงสัย เพราะถือเป็นเรื่องภายในครอบครัวของหญิงสาวซาอุฯจะตัดสินใจเอาเอง ระบุพ่อกับพี่ชายกำลังบินมาไทยเพื่อให้ข้อมูลตามจริง ขณะที่เจ้าตัวอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ยูเอ็นเอชซีอาร์แล้ว รอลุ้นผลอีก 5 วัน จะได้ลี้ภัยไปประเทศที่ 3 หรือไม่
ทั่วโลกพากันโล่งใจและประเทศไทยได้รับคำชื่นชม หลังคลี่คลายสถานการณ์ร้อนได้รวดเร็ว กรณีน.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน อายุ 18 ปี ชาวซาอุดีอาระเบีย หลบหนีการถูกบังคับแต่งงาน และ ขอเลิกนับถือศาสนาอิสลามเข้ามาในไทย แต่ถูกทางการไทยกักตัวรอส่งกลับประเทศต้นทาง ทำให้น.ส.อัล-กูนุน ขังตัวอยู่ในห้องพักโรงแรมในสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้ทวิตเตอร์แจ้งขอความช่วยเหลือ อ้างหากถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดจะโดนฆ่า กลายเป็นข่าวโด่งดังทั่วโลก องค์กรสิทธิมนุษยชนออกโรงเรียกร้องรัฐบาลไทยยุติการส่งตัวหญิงสาวรายนี้กลับซาอุฯเกรงไม่ปลอดภัย ต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. นำเจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เข้าเจรจาหาทางออกกับน.ส.อัล-กูนุน กระทั่งได้ข้อสรุปว่าอนุญาตให้พำนักในเมืองไทยชั่วคราวเพื่อรอลี้ภัยไปประเทศที่ 3
ความคืบหน้าของเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 8 ม.ค. ที่สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 เดินทางเข้าพบนายอับดุลลอฮ์ มูฮัมหมัด อัลชุเอบี อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย เพื่อหารือกรณี น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน หญิงชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ที่หลบหนีการแต่งงานเข้ามาในประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า จากการพูดคุยหารือผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ จุดยืนของทั้ง 2 ประเทศได้มุ่งหมายในลักษณะเดียวกันคือเน้นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยอุปทูตซาอุดี-อาระเบียได้กล่าวชมว่า ในการทำงานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย รัฐบาลไทย และกระทรวงการต่างประเทศของไทย เมื่อวานนี้ถือเป็นที่น่าพึงพอใจ อีกทั้งเห็นด้วยกับแนวทางที่ทำมา เพราะรัฐบาลซาอุดีอาระเบียมีความประสงค์เหมือนกันที่ต้องการดูแลความปลอดภัยให้สาวชาวซาอุดีอาระเบียมีความสบายใจ ความปลอดภัย และไม่เกิดความกังวลใจ อะไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจนถึงขณะนี้ เป็นความประสงค์ของหญิงสาวชาวซาอุฯที่ต้องการให้ยูเอ็นเอชซีอาร์เข้ามาดูแล เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางการเมืองหรือรัฐบาล มองในส่วนของความปลอดภัยของสาวซาอุฯเป็นหลัก
“จากคำสัมภาษณ์ของ น.ส.ราฮาฟได้บอกว่าจะเข้ามาหาเพื่อนในประเทศไทย ส่วนสาเหตุที่ระบุตอนแรกว่าต้องการไปประเทศที่ 3 นั้นตนก็ไม่ทราบ แต่วันนี้ความจริง คือ มุ่งหน้ามาประเทศไทยอย่างเดียว เพราะมีเพื่อนเป็นชาวอเมริกันอยู่ที่นี่ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ทันได้สอบถามว่าเพื่อนอยู่ที่ใดก็มาเกิดเหตุการณ์เสียก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ น.ส.ราฮาฟต้องการให้ยูเอ็นเอชซีอาร์เข้ามาดูแล เราก็ทำตามที่ร้องขอ” ผบช.สตม.กล่าว
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ในวันนี้พ่อและพี่ชายของ น.ส.ราฮาฟ จะเดินทางมายังประเทศไทย ตนจะทำหน้าที่ในการประสานผ่านทางยูเอ็นเอชซีอาร์ เพื่อที่จะให้เข้าไปพูดคุยกับ น.ส.ราฮาฟ ส่วนจะคุยได้หรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ของหญิงสาว พ่อและพี่ชายคงอยากให้ยูเอ็นเอชซีอาร์ ฟังข้อมูลทั้งสองด้านเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ในส่วนของทั้ง 2 ประเทศได้ให้ข้อสรุปตรงกันว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นเรื่องของทางครอบครัวที่ครอบครัวต้องพูดคุยกันและหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน หลังจากนี้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติจะดำเนินการพิจารณาโดยใช้กรอบระยะเวลา 5 วันเพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ได้มีแถลงการณ์ระบุว่า จากกรณี ของ Ms.Rahaf Mohammed Al-Qunun ทางสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียขอชี้แจงว่า เนื้อหาที่มีการเผยแพร่สื่อโซเชียลมีเดียว่าสถานทูตฯได้ยึดหนังสือเดินทางของ Ms.Rahaf Mohammed Al-Qunun ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตามที่ทางการไทยได้ชี้แจงว่า Ms.Rahaf Moham-med Al-Qunun ถูกกักตัวนั้น เนื่องจากไม่สามารถแสดงเอกสารสำคัญที่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ สถานทูตฯขอยืนยันว่าราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียมิได้ร้องขอให้นำตัว Ms.Rahaf Mohammed Al-Qunun กลับประเทศแต่อย่างใด สถานทูตฯขอ เรียนว่ากรณีนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่สถานทูตฯ ยินดีให้ความดูแลและห่วงใยต่อเรื่องดังกล่าว
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันเดียวกันนี้ว่า กระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลีย แถลงว่า รัฐบาลออสเตรเลียรู้สึกยินดีที่คำร้องขอเพื่อรับการคุ้มครองของ น.ส.ราฮาฟ ได้รับการประเมินโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เมื่อกระบวนการดังกล่าวได้บทสรุป ออสเตรเลียจะพิจารณาการขอลี้ภัยและวีซ่าเพื่อมนุษยธรรมของ น.ส.ราฮาฟ อย่างรอบคอบ เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียคนหนึ่งระบุด้วยว่า ออสเตรเลียกดดันเจ้าหน้าที่ไทยอย่างเงียบๆเพื่อเปิดทางให้ยูเอ็นเข้าถึง น.ส.ราฮาฟ และตอนนี้ต้องการให้พิจารณาคำร้องของเธอโดยเร็ว
ขณะที่บีบีซีรายงานด้วยว่า UNHCR รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ไทยไม่ส่งตัว น.ส.ราฮาฟ กลับประเทศซาอุฯ และว่าจะใช้เวลาหลายวันในการประเมินคำร้องขอลี้ภัยของ น.ส.ราฮาฟ ด้านสถานทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเทพฯออกมาปฏิเสธแล้ว หลังมีข่าวว่า รัฐบาลซาอุฯร้องขอให้ส่งตัว น.ส.ราฮาฟกลับไปให้
https://www.thairath.co.th/content/1465063
พรรคอนาคตไหม้ หวังผลทางการเมืองโจมตีการทำงานของรัฐบาลไทย
เป็นพรรคที่เกาะกระแสเพื่อประโยชน์ของตนเอง ไม่ห่วงภาพลักษณ์บ้านเมืองอย่างแท้จริง
ไม่น่าจะทำงานที่เป็นอนาคตที่ดีของประเทศไทยได้
🎾มาลาริน/ดูอีกกันค่ะพรรคอนาคตไหม้เงิบแล้วเงิบอีก..ซาอุฯไม่ติดใจ สาวขอลี้ภัย! เรื่องส่วนตัว-ชื่นชม "บิ๊กโจ๊ก"
ซาอุฯไม่ติดใจ สาวขอลี้ภัย! เรื่องส่วนตัว-ชื่นชม "บิ๊กโจ๊ก"
จบลงด้วยเสียงปรบมือจากคนทั่วโลก “บิ๊กโจ๊ก” เผยผลการเข้าพบอุปทูตซาอุฯประจำประเทศไทยได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทางการซาอุฯชื่นชม ทางการไทยแก้ไขสถานการณ์ได้ดีและไม่ติดใจสงสัย เพราะถือเป็นเรื่องภายในครอบครัวของหญิงสาวซาอุฯจะตัดสินใจเอาเอง ระบุพ่อกับพี่ชายกำลังบินมาไทยเพื่อให้ข้อมูลตามจริง ขณะที่เจ้าตัวอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ยูเอ็นเอชซีอาร์แล้ว รอลุ้นผลอีก 5 วัน จะได้ลี้ภัยไปประเทศที่ 3 หรือไม่
ทั่วโลกพากันโล่งใจและประเทศไทยได้รับคำชื่นชม หลังคลี่คลายสถานการณ์ร้อนได้รวดเร็ว กรณีน.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน อายุ 18 ปี ชาวซาอุดีอาระเบีย หลบหนีการถูกบังคับแต่งงาน และ ขอเลิกนับถือศาสนาอิสลามเข้ามาในไทย แต่ถูกทางการไทยกักตัวรอส่งกลับประเทศต้นทาง ทำให้น.ส.อัล-กูนุน ขังตัวอยู่ในห้องพักโรงแรมในสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้ทวิตเตอร์แจ้งขอความช่วยเหลือ อ้างหากถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดจะโดนฆ่า กลายเป็นข่าวโด่งดังทั่วโลก องค์กรสิทธิมนุษยชนออกโรงเรียกร้องรัฐบาลไทยยุติการส่งตัวหญิงสาวรายนี้กลับซาอุฯเกรงไม่ปลอดภัย ต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. นำเจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เข้าเจรจาหาทางออกกับน.ส.อัล-กูนุน กระทั่งได้ข้อสรุปว่าอนุญาตให้พำนักในเมืองไทยชั่วคราวเพื่อรอลี้ภัยไปประเทศที่ 3
ความคืบหน้าของเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 8 ม.ค. ที่สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบก.ตม.2 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 เดินทางเข้าพบนายอับดุลลอฮ์ มูฮัมหมัด อัลชุเอบี อุปทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย เพื่อหารือกรณี น.ส.ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-กูนุน หญิงชาวซาอุดีอาระเบีย วัย 18 ปี ที่หลบหนีการแต่งงานเข้ามาในประเทศไทย ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า จากการพูดคุยหารือผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ จุดยืนของทั้ง 2 ประเทศได้มุ่งหมายในลักษณะเดียวกันคือเน้นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยอุปทูตซาอุดี-อาระเบียได้กล่าวชมว่า ในการทำงานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย รัฐบาลไทย และกระทรวงการต่างประเทศของไทย เมื่อวานนี้ถือเป็นที่น่าพึงพอใจ อีกทั้งเห็นด้วยกับแนวทางที่ทำมา เพราะรัฐบาลซาอุดีอาระเบียมีความประสงค์เหมือนกันที่ต้องการดูแลความปลอดภัยให้สาวชาวซาอุดีอาระเบียมีความสบายใจ ความปลอดภัย และไม่เกิดความกังวลใจ อะไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดจนถึงขณะนี้ เป็นความประสงค์ของหญิงสาวชาวซาอุฯที่ต้องการให้ยูเอ็นเอชซีอาร์เข้ามาดูแล เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับทางการเมืองหรือรัฐบาล มองในส่วนของความปลอดภัยของสาวซาอุฯเป็นหลัก
“จากคำสัมภาษณ์ของ น.ส.ราฮาฟได้บอกว่าจะเข้ามาหาเพื่อนในประเทศไทย ส่วนสาเหตุที่ระบุตอนแรกว่าต้องการไปประเทศที่ 3 นั้นตนก็ไม่ทราบ แต่วันนี้ความจริง คือ มุ่งหน้ามาประเทศไทยอย่างเดียว เพราะมีเพื่อนเป็นชาวอเมริกันอยู่ที่นี่ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ทันได้สอบถามว่าเพื่อนอยู่ที่ใดก็มาเกิดเหตุการณ์เสียก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ น.ส.ราฮาฟต้องการให้ยูเอ็นเอชซีอาร์เข้ามาดูแล เราก็ทำตามที่ร้องขอ” ผบช.สตม.กล่าว
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ในวันนี้พ่อและพี่ชายของ น.ส.ราฮาฟ จะเดินทางมายังประเทศไทย ตนจะทำหน้าที่ในการประสานผ่านทางยูเอ็นเอชซีอาร์ เพื่อที่จะให้เข้าไปพูดคุยกับ น.ส.ราฮาฟ ส่วนจะคุยได้หรือไม่นั้นก็เป็นสิทธิ์ของหญิงสาว พ่อและพี่ชายคงอยากให้ยูเอ็นเอชซีอาร์ ฟังข้อมูลทั้งสองด้านเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ในส่วนของทั้ง 2 ประเทศได้ให้ข้อสรุปตรงกันว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นเรื่องของทางครอบครัวที่ครอบครัวต้องพูดคุยกันและหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน หลังจากนี้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติจะดำเนินการพิจารณาโดยใช้กรอบระยะเวลา 5 วันเพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ได้มีแถลงการณ์ระบุว่า จากกรณี ของ Ms.Rahaf Mohammed Al-Qunun ทางสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียขอชี้แจงว่า เนื้อหาที่มีการเผยแพร่สื่อโซเชียลมีเดียว่าสถานทูตฯได้ยึดหนังสือเดินทางของ Ms.Rahaf Mohammed Al-Qunun ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตามที่ทางการไทยได้ชี้แจงว่า Ms.Rahaf Moham-med Al-Qunun ถูกกักตัวนั้น เนื่องจากไม่สามารถแสดงเอกสารสำคัญที่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ สถานทูตฯขอยืนยันว่าราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียมิได้ร้องขอให้นำตัว Ms.Rahaf Mohammed Al-Qunun กลับประเทศแต่อย่างใด สถานทูตฯขอ เรียนว่ากรณีนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่สถานทูตฯ ยินดีให้ความดูแลและห่วงใยต่อเรื่องดังกล่าว
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันเดียวกันนี้ว่า กระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลีย แถลงว่า รัฐบาลออสเตรเลียรู้สึกยินดีที่คำร้องขอเพื่อรับการคุ้มครองของ น.ส.ราฮาฟ ได้รับการประเมินโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เมื่อกระบวนการดังกล่าวได้บทสรุป ออสเตรเลียจะพิจารณาการขอลี้ภัยและวีซ่าเพื่อมนุษยธรรมของ น.ส.ราฮาฟ อย่างรอบคอบ เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียคนหนึ่งระบุด้วยว่า ออสเตรเลียกดดันเจ้าหน้าที่ไทยอย่างเงียบๆเพื่อเปิดทางให้ยูเอ็นเข้าถึง น.ส.ราฮาฟ และตอนนี้ต้องการให้พิจารณาคำร้องของเธอโดยเร็ว
ขณะที่บีบีซีรายงานด้วยว่า UNHCR รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่เจ้าหน้าที่ไทยไม่ส่งตัว น.ส.ราฮาฟ กลับประเทศซาอุฯ และว่าจะใช้เวลาหลายวันในการประเมินคำร้องขอลี้ภัยของ น.ส.ราฮาฟ ด้านสถานทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงเทพฯออกมาปฏิเสธแล้ว หลังมีข่าวว่า รัฐบาลซาอุฯร้องขอให้ส่งตัว น.ส.ราฮาฟกลับไปให้
https://www.thairath.co.th/content/1465063
พรรคอนาคตไหม้ หวังผลทางการเมืองโจมตีการทำงานของรัฐบาลไทย
เป็นพรรคที่เกาะกระแสเพื่อประโยชน์ของตนเอง ไม่ห่วงภาพลักษณ์บ้านเมืองอย่างแท้จริง
ไม่น่าจะทำงานที่เป็นอนาคตที่ดีของประเทศไทยได้