เปิดตำนานสะพานนวลฉวี หมอฆ่าพยาบาล หมออธิป - นวลฉวี

ตำนาน สะพานนวลฉวี

ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2501 นวลฉวีได้เดินทางเที่ยวทางเหนือกับเพื่อนชื่อโมทนี และพบรักกับหมอคนนี้ชื่อ หมออธิป สุญาณเศรษฐกร และหมออธิป สุญาณเศรษฐกร นี้แหละคือคนที่เปลี่ยนชีวิตของนวลฉวีให้อยู่ในรูปของตำนาน!


ภาพจาก weekendhobby.com


ภาพจาก thairath.co.th

ประวัติหมออธิป
หมออธิป สุญาณเศรษฐกร เกิดและโตในกรุงเทพฯ เป็นบุตรคนสุดท้องในลูก 5 คน ในครอบครัว (พ่อแม่เป็นข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์ อดีตเคยเป็นคนในจังหวัดฉะเชิงเทรา)

หมออธิปเป็นหนุ่มที่หน้าตาค่อนข้างดี ใจเย็น และฉลาดเฉลียว เขาสามารถศึกษาชั้นเตรียมวิทยาศาสตร์ จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จนจบเมื่อ พ.ศ. 2494 โดยช่วงเวลาว่างหมออธิปจะสมัครทำงานที่อู่รถใกล้บ้าน เพื่อเก็บเงินซื้อหนังสือเรียนและซื้อขนมกิน

ในปี พ.ศ. 2500 หมออธิปจบการศึกษาแพทย์ศาสตร์ จากศิริราชพยาบาล ได้รับหมายเกณฑ์เข้าประจำสำรองราชการ กรมกำลังพลทหารอากาศ ได้รับว่าที่เรืออากาศโท เข้ารับราชการเป็นนายแพทย์อยู่โรงพยาบาลรถไฟ

ในปี พ.ศ. 2501 หมออธิปย้ายไปเป็นแพทย์รถไฟ หัวหน้าเขต 4 จังหวัดลำปาง จนพบรักกับนวลฉวีในเวลาต่อมา…


หมอ อธิป สุญาณเศรษฐกร


นางพยาบาล นวลฉวี เพชรรุ่ง


ด้วยความเปล่าเปลี่ยวของหนุ่มเมืองที่ต้องห่างไกลความเจริญ มาอยู่ท่ามกลางความสงบเงียบแห่งบ้านป่า เมื่อมีโอกาสได้ทำความใกล้ชิดกับหญิงสาวที่มีเสน่ห์ และรู้จักเอาใจอย่างนวลฉวี ทำให้หมออธิปมีความสุขและมีชีวิตชีวา ความรักใคร่ที่ค่อย ๆ ก่อเกิด ชั่วระยะเวลาไม่นานที่ได้อยู่ด้วยกันนี้ สองคนหนุ่มสาวก็ผูกจิตปฏิพัทธ์ และต่างรู้ว่าอีกฝ่ายก็มีใจให้เช่นกัน

หมออธิปได้ทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ พาหญิงสาวทั้งสองเที่ยวด้วยกันประมาณ 3-4 วัน หลังจากนั้นนวลฉวีกับเพื่อนก็อำลาหมอเดินทางไปที่เชียงใหม่ต่อ ทิ้งความหลังอันหวานชื่นไว้ที่นครลำปาง ดินแดนแห่งการคร่ำครวญหวลหาของนวลฉวี เธอพบชายหนุ่มในดวงใจเข้าแล้ว

ติดต่อกันทางจดหมาย แต่ต่างอำพรางธาตุแท้ของตน
ต่อมามีจดหมายจากกรุงเทพฯ ของนวลฉวี ถูกส่งไปถึงมือหมออธิปที่นครลำปางเป็นระยะๆ จนกระทั้งผ่านไป 6 เดือน หมออธิปย้ายกลับโรงพยาบาลดังเดิม เขาทำการติดต่อนวลฉวี โดยใช้สื่อทางจดหมายแทนโทรศัพท์เป็นระยะ ความรักทั้งสองยิ่งแน่นแฟ้นจนกลายเป็นสามีภรรยาโดยพฤตินัย โดยใช้บังกะโล และโรงแรม เป็นเรือนหอชั่วคราว

ความรักของคนสองคนดำเนินไปอย่างหวานชื่น โดยต่างฝ่ายปิดบังอำพรางธาตุแท้ของตนเอง…

เดือนกุมภาพันธ์-ธันวาคม 2501 นวลฉวีล้มป่วยในโรงพยาบาลยาสูบ 1 เดือน หมออธิปไปเยี่ยมนวลฉวีหลายครั้ง อาการของเธอบ่งบอกว่าตกเลือดมาก แต่เธอไม่บอกใครว่าเธอป่วยเป็นโรคอะไร แต่ดูจากอาการหมออธิปรู้ทันทีว่าเธอคงแท้งลูก

ผู้หญิงอีกคนในชีวิตหมอ..
ชีวิตของหมออธิปเริ่มยุ่งเหยิงขึ้น เนื่องจากการมีผู้หญิงเข้ามาในหัวใจของหมอ นางสาวสมบูรณ์ สืบสมาน นักศึกษาสาวแห่งมหาวิทยาลัยเทคนิคทุ่งมหาเมฆ ปีสุดท้าย เธอเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของหมออธิป เธอสวยเหลือเกิน

สอบได้ทุนไปเรียนต่อที่เยอรมนี
ต่อมาหมออธิปสอบได้ทุนฮุมโบลก์ไปเรียนต่อที่ประเทศเยอรมนี เนื่องจากโรงพยาบาลรถไฟจะเป็นแผนกใหม่ พอกลับมาหมออธิปก็เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกตาที่นี่

ในเดือนมกราคม 2502 ทางการรถไฟส่งหมออธิปไปฝึกงาน โรคหู ตา จมูก ที่โรงพยาบาลศิริราช 6 เดือน ตอนเย็นก็ไปเรียนภาษาเยอรมันที่เลขาทูต ทำให้เวลาที่หมอได้เจอนวลฉวียิ่งหดหายไป

ฝึกงาน งานเยอะ เวลาเจอกันน้อยลง
ฝ่ายนวลฉวีเริ่มระแคงระคายความรักของหมออธิป ด้วยความหึงหวง เธอถึงกับใช้วิธีต่างๆ เพื่อจับหมออธิปให้อยู่หมัด ไม่ว่านั่งเฝ้าหมอในที่ทำงาน ตามทุกหนทุกแห่งเหมือนเงาตามตัว แทนที่หมออธิปจะรัก กลับเพิ่มความรำคาญแก่หมออธิปมากขึ้น “มีอย่างที่ไหนตามอย่างกับเป็นเมียเรานี้แหละ”

หมออธิปจดทะเบียนสมรสกับนวลฉวี
11 มีนาคม 2502 หมออธิปจดทะเบียนสมรสกับนวลฉวี เพชรรุ่ง ที่ อำเภอยานนาวา

หมออธิปกล่าวถึงวันนั้นว่า “ที่จริงผมไม่อยากจดทะเบียนกับเธอหรอก เพราะอะไรเหรอ มันก็พูดยาก หลายเรื่องบอกไม่ถูก คือเขาชอบตามผมทุกวันทุกคืน งานการเขาก็ไม่ทำ มานั่งเฝ้า ผมนี้รำคาญสุดๆ ผมไม่อยากจดหรอก แต่จดก็จด มันอยากให้จดก็จดไป จะได้ตัดปัญหาซะที”

และจดทะเบียนกับนางสมบูรณ์
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม 17 มีนาคม 2502 หมออธิปจดทะเบียนสมรสกับ นางสมบูรณ์ สืบสนาม ที่อำเภอพระเนตร

สมรสซ้อน!??
“….พอผมจดทะเบียนกับนวลฉวี สมบูรณ์เขารู้ ขอจดทะเบียนกับเขาอีก ผมก็ตัดปัญหานี้ไป อยากให้เรื่องมันเงียบหาย จะได้ไม่ไปบอกใครให้เป็นขี้หูคนอื่น”

แต่กระนั้นนวลฉวีและสมบูรณ์ก็มีเรื่องระหองระแหงกัน นับตั้งแต่จดทะเบียนกับหมออธิป ถึง 7 ครั้ง เคยทะเลาะกันในโรงพยาบาลที่หมออธิปทำงานอยู่ จนหมออธิปเคยขอผู้หลักผู้ใหญ่ ของผู้หญิงให้ออกคำสั่ง ห้ามไม่ให้ผู้หญิงสองคนนี้เข้าในโรงพยาบาลอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ นวลฉวีเคยไปฟ้องอาจารย์ที่วิทยาลัยเทคนิคทุ่งมหาเมฆหลายครั้ง

หมอไม่ใส่ใจนวลฉวี
แม้ว่านวลฉวีจะจดทะเบียนสมรส แต่เธอยังไม่ได้แต่งงานกับหมออธิปสักที แถมหมอก็ไม่เอาใจใส่ตนเหมือนครั้งก่อนๆ เธอต้องการแต่งงานกับเขา “ฉันต้องใช้วิธีต่างๆ ให้เขาอยู่ในใจฉันให้ได้”

และนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่นวลฉวีก้าวผิดจังๆ
พฤษภาคม 2502 นวลฉวีบอกครอบครัวว่า เธอกับหมออธิปจะแต่งงานกัน ครอบครัวเลยเชิญให้หมออธิปมากินข้าวเย็นด้วยกัน เพื่อคุยเรื่องแต่งงาน แต่หมออธิปไม่รู้เรื่อง “ผมไม่ได้บอกเธอครับ เธอคิดไปเอง”

4 มิถุนายน 2502 พ่อของนวลฉวี มาพบนวลฉวีที่กรุงเทพฯ นวลฉวีบอกพ่อว่าเธอได้เสียกับหมอแล้วตอนทำงานที่โรงพยาบาลรถไฟ หมออธิปรู้ข่าวเลยบอกว่าจะเลี้ยงดูนวลฉวีให้ แต่เรื่องก็เงียบหายไป

5 มิถุนายน 2502 นวลฉวีพบหมออธิปอยู่กับผู้หญิงในโรงพยาบาลรถไฟ เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้น

11 หรือ 12 มิถุนายน 2502 นวลฉวีบอกกับพี่เขยว่าจะไปอยู่กับหมออธิปนี้ไงเตรียมขนของแล้วนะ ส่วนหมออธิปรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ไม่รู้สิ เขาคงไม่รู้มั้ง?

13 มิถุนายน 2502 นวลฉวีถูกไล่จากครอบครัวหมออธิป (ตอนนั้นหมออธิปไม่อยู่บ้าน) มันน่าไล่จริง ๆ นี่มารอตั้งแต่เช้าจนถึงตี 1 ไม่ยอมกลับ พอหมออธิปกลับมาบ้านก็โดนครอบครัวด่า “เมียแกคนบ้าหรือเปล่าเนี้ย”

สมุดบันทึก หลักฐานชิ้นสำคัญ
เหตุการณ์ครั้งนี้นวลฉวีได้ระบายเรื่องทั้งหมดลงใน “สมุดบันทึก” ซึ่งภายหลักสมุดนี้กลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ(ได้ไง?) ที่ใช้สืบหาฆาตกรที่ก่อคดีฆ่าเธอยกแก๊ง ปัจจุบันหลักฐานนี้อยู่ในการดูแลของห้องพิพิธภัณฑ์นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช เคียงข้างกับร่างสงบนิ่งของฆาตกรใจโหดนาม “ซีอุย”

13 กรกฎาคม 2502 เวลา 11.30 น. นวลฉวีเข้ามาโรงพยาบาลดุ่มๆ หาคุณหมออธิป เหตุการณ์ครั้งนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในสมุดบันทึกดังนี้…

“ดิฉันพบนายแพทย์อธิปสามีฉันที่โรงพยาบาลรถไฟ จากนั้นก็คุยเรื่องปัญหาชีวิตของเราทั้งสอง….”

หมออธิปเริ่มระงับอารมณ์ไม่อยู่ นี่ผมทำต้องทำงานนะ มากวนอยู่ได้ .. ว่าแล้วหมอก็กำหมัด ต่อยไปที่ใบหน้านวลฉวีจังๆ นวลฉวีกรีดร้อง “ช่วยด้วย หมอรังแกผู้หญิง” , “หมอจะฆ่าเมีย ช่วยด้วยหมอจะฆ่าเมีย” จนหมออธิปเข้ามาปลอบและพาไปยังห้องคนไข้ พร้อมสายตาคนเกือบทั้งโรงพยายามที่มองไปยังคนทั้งสอง

13 กรกฎาคม 2502 นวลฉวี แจ้งความตำรวจว่าถูกหมออธิป ทำร้ายร่างกายตน

14 กรกฎาคม 2502 หมออธิปตกลงเงื่อนไขนวลฉวีให้ปรองดองกัน เพราะเป็นสามีภรรยากันแล้ว เรื่องเลยจบลงที่การบันทึกประจำวัน

15 กรกฎาคม 2502 บาดแผลที่หมออธิปชกหน้านวลฉวีลุกลาม และเจ็บปวดมาก แต่นวลฉวีขอตำรวจไม่เอาผิดหมออธิปเพิ่ม เพราะกลัวเขาเสียอนาคต เธอบันทึกเรื่องราวนี้ในสมุดบันทึกอย่างละเอียด…เรื่องนี้ส่งผลให้นวลฉวีต้องเข้านอนโรงพยาบาล โดยนวลฉวีขอให้หมออธิปเป็นผู้รักษาเธอ แต่ถึงกระนั้นหมออธิปก็ไม่มาหาเธอมากนัก

เรื่องนี้หมออธิปเดือดดานสุดๆ ถึงกับระบายเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า “อยากจะบ้าตาย ถูกมาบังคับให้นอนเฝ้าด้วย โอ๊ย! ผมต้องทำงานนะ บางคืนก็เฝ้าทั้งที่ทำงานอยู่ ไปเฝ้านานก็ไม่ได้ เดี๋ยวสมบูรณ์เข้าไปอาละวาดอีกเรื่องมันจะวุ่น”

17 กรกฎาคม 2502 พ่อของนวลฉวีมาเพื่อเอาเรื่องกับหมออธิป ช่วงนี้หมออธิปดูแปลกๆ ไป ไม่สนใจเรื่องนี้มานัก เขาพูดสั้นๆ ว่า “แล้วแต่ศาล”

นวลฉวีบันทึกเหตุการณ์นี้ลงสมุดบันทึก ด้วยคำสาปแช่งถึงหมออธิป .. “เชิญแกไปหาเมียใหม่ตามสบายเถอะ ฉันรู้นะว่าปีศาจในตัวแกจะแสดงบทบาทอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้…….”

22 กรกฎาคม 2502 นวลฉวีทำหนังสือร้องเรียนให้สารวัตฝ่ายสืบสวน เล่าว่าหมออธิปไม่ทำตามทัณฑ์บนที่ทำไว้ให้ นอกจากนั้นยังทำทารุณกับเธออีก โดยดึงสะโพกไปกระแทกกับก๊อกน้ำและเลือดไหล ความเจ็บปวดยากจะบรรยาย จึงอยากขอให้พิจารณาดำเนินคดีใหม่อีกครั้ง

28 สิงหาคม 2502 หมออธิปไปที่โรงพัก เพื่อการทำการสอบสวน เขาสารภาพทุกอย่างตามที่กล่าวหา

31 สิงหาคม 2502 หมออธิปได้รับโทรศัพท์จากนวลฉวีให้ไปหานายธวัชเพื่อนของเธอ และเป็นที่ปรึกษาคดีทำร้ายร่างกายชองเอด้วยในครั้งนี้ หมออธิปไปตามที่นวลฉวีที่ทำการรถไฟสทานกษัตริย์ศึกเวลา 10.00 น. นายธวัชแนะนำให้หมอกับนวลฉวีคืนดีกัน  หมออธิปรับปาก จึงได้เขียนจดหมายใส่ซองปิดผลึกให้ พ.ต.อ. เจ้าของคดีนี้ ใจความว่า

“เราจะคืนดีกันแล้ว…..”


++++++++ อ่านต่อ +++++++

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/5568.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่