รายละเอียดของเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เรือฟริเกตสมรรถนะสูงของไทยโดยกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ

กระทู้คำถาม

กองทัพเรือได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเรือลำนี้ว่า เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช อันเป็นพระนามของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งมีความหมายของ ภูมิพล หมายถึง “พลังแห่งแผ่นดิน” อดุลยเดช หมายถึง “อำนาจที่ไม่อาจเทียบได้” ครั้งนี้ นับเป็นสิริมงคลและยังความปลาบปลื้มมาสู่กองทัพเรือและกำลังพลทุกคน อย่างหาที่สุดมิได้ โดยเรือฟริเกตลำนี้เป็นเรือฟริเกตสมรรถนะสูงเทียบเท่าชั้นเรือพิฆาต ที่ได้มีการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของกองทัพเรือตามแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์หลัก ภายใต้ยุทธศาสตร์กองทัพเรือ พุทธศักราช ๒๕๕๑ – ๒๕๖๐ แบบของเรือจึงได้รับการพัฒนามาจากแบบเรือพิฆาต ชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) และสร้างโดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือเกาหลีใต้ จึงถือได้ว่าเป็นเรือฟริเกตที่มีความทันสมัยและเป็นเรือที่มีคุณค่าทางยุทธการสูงซึ่งจะเป็นกำลังรบทางเรือที่สำคัญตามยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือดังกล่าว
เรือฟริเกต คือ เรือรบที่มีความเร็วสูง ที่มีหลายประเภทตามอาวุธประจำเรือ มีระวางขับน้ำประมาณ ๑๕๐๐–๓๕๐๐ ตัน แบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามระบบอาวุธประจำเรือ อาทิ เรือฟริเกตต่อสู้อากาศยานเรือฟริเกตควบคุมอากาศยาน เรือฟริเกตปราบเรือดำน้ำ และเรือฟริเกตอเนกประสงค์ เป็นต้น และสำหรับ เรือฟริเกตที่ได้จะเข้ามาประจำการใหม่นี้เป็นการจัดหาเพื่อทดแทนเรือที่ปลดระวางประจำการออกไป ซึ่งจัดเป็นเรือฟริเกตขีดสมรรถนะสูง มีศักยภาพทางการรบสูง จัดได้ว่าเป็นเรือรบที่มีศักยภาพในการทำการรบและความทันสมัยระดับนำของชาติอาเซียน
เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ กองทัพเรือได้ลงนามกับบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering CO., LTD. (DSME) จำกัด สาธารณรัฐเกาหลี สร้างเรือฟริเกตที่มีโครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบและการปนเปื้อนทางนิวเคลียร์ เคมี ชีวะ ทนทะเลได้ถึงสภาวะทะเลระดับ ๖ ขึ้นไป พร้อมระบบ อุปกรณ์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีระวางขับน้ำสูงสุด ๓,๗๐๐ ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง ๓๐ น็อต ระยะปฏิบัติการประมาณ ๔,๐๐๐ ไมล์ทะเล กำลังพล ๑๔๑ นาย ในวงเงิน ๑๔,๖๐๐ ล้านบาท กำหนดส่งมอบเรือใน ๑,๙๖๓ วัน หรือภายใน ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ ออกแบบเรือโดยใช้ Stealth Technology สามารถปฏิบัติการรบได้ ๓ มิติ ได้แก่ การปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ สามารถตรวจจับเป้าหมายระยะไกลด้วยโซนาร์ลากท้ายและโซนาร์ติดใต้ท้องเรือ แล้วต่อตีเรือดำน้ำด้วยตอร์ปิโด และอาวุธระยะไกล การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ ใช้เรดาร์ตรวจการณ์ ๓ มิติระยะไกล และระยะปานกลางในการค้นหา ตรวจจับ และติดตามเป้าข้าศึก รวมทั้งแลกเปลี่ยนและประสานการปฏิบัติกับเรือและอากาศยานที่ร่วมปฏิบัติการ แล้วโจมตีเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ แบบ ESSM และอาวุธปืนของเรือ และการปฏิบัติการสงครามเรือผิวน้ำ โดยมีระบบการรบ (Combat System) ที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบการรบของเรือฟริเกต ชุด ร.ล.นเรศวร และ ร.ล.จักรีนฤเบศร ได้ในลักษณะกองเรือ (Battle Group) รวมทั้งปฏิบัติการรบร่วมกับ เครื่องบินขับไล่ ของกองทัพอากาศเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถโจมตีเป้าพื้นน้ำและใต้น้ำด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ ในส่วนการป้องกันตนเองประกอบด้วยอาวุธปล่อยนำวิถี ปืนใหญ่เรือ และปืนรองต่อสู้อากาศยาน ระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด (CIWS) หรือที่รู้จักในชื่อฟาลังซ์ ระบบลวงทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเสียหายแบบรวมการที่สั่งการได้จากศูนย์กลางหรือแยกสั่งการ มีระบบควบคุมการแพร่สัญญาณออกจากตัวเรือ อีกทั้งสามารถตรวจจับ ดักรับ วิเคราะห์ และก่อกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าของเป้าหมายได้ ด้วยขีดสมรรถนะที่ล้ำสมัยของเรือฟริเกตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ณ ขณะนี้ กองทัพเรือจะนำไปใช้ในภารกิจเพื่อป้องกันอธิปไตยทางทะเลของชาติ ดูแลรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล พิทักษ์รักษาสิทธิอธิปไตยทางทะเล ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ โดยเรือจะเข้าประจำการที่ กองเรือฟริเกตที่ ๑ กองเรือยุทธการ และจะได้ขอพระราชทานขอพระมหากรุณาธิคุณให้มีพิธีขึ้นระวางเรือ และเจิมเรือ ขึ้นอีกครั้ง ในห้วงระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป

รายละเอียดสมรรถนะที่สำคัญของเรือฟริเกตลำนี้

ขนาดของเรือ
- ความยาวตลอดลำ ๑๒๔.๑ เมตร
- ความกว้างกลางลำ ๑๔.๔๐ เมตร
- ความลึก ๘.๐ เมตร
- ระวางขับน้ำ ๓,๗๐๐ ตัน

ระบบขับเคลื่อน
- แบบ Combine Diesel and Gas turbine (CODAG)
- เครื่องจักรใหญ่ดีเซล ตราอักษร MTU รุ่น 16V1163 M94 5,920 kW จำนวน ๒ ชุดเครื่อง
- เครื่อง Gas Turbine ตราอักษร GE รุ่น LM 2500 21,600 kW จำนวน ๑ ชุดเครื่อง

ขีดความสามารถ
- ความเร็วสูงสุดต่อเนื่องไม่น้อยกว่า ๓๐ นอต ที่ระวางขับน้ำเต็มที่
- ระยะปฏิบัติการ ๔,๐๐๐ ไมล์ทะเล ด้วยความเร็วมัธยัสถ์ (๑๘ นอต) ที่ระวางขับน้ำเต็มที่
- มีดาดฟ้าเฮลิคอปเตอร์ พร้อมโรงเก็บอากาศยาน สามารถรองรับ S-70B/Sea Hawk และ MH-60S/Knight Hawk
- มีระบบป้องกันสงครามนิวเคลียร์/เคมี/ชีวะ (NBC Protection)
- โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์จำนวน ๑ โรง สำหรับเก็บ ฮ. S-70b
- ดาดฟ้าเฮลิคอปเตอร์รองรับอากาศยานหนัก ๑๐ ตัน พร้อมระบบชักลาก ฮ.
- ขีดความสามารถการปฏิบัติการร่วมกับ ฮ. ระดับ Level 2 class 2A
- ติดตั้งระบบ Visual Landing Aid (VLA) สามารถรับส่งอากาศยานได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน
- มีระบบเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้อากาศยาน พร้อมถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ระบบอาวุธ
- ปืนหลัก 76/62 Oto-melera แบบ SR MF (V) จำนวน ๑ แท่น สามารถยิงลูกปืน Vulcano ได้
- ปืนรอง ๓๐ มม. MSI จำนวน ๒ แท่น
- ปืนกลขนาด .๕๐ นิ้ว จำนวน ๒ แท่น
- เครื่องยิงตอร์ปิโดจำนวน ๒ แท่น แท่นละ ๓ ท่อยิง สามารถยิงลูกตอร์ปิโดแบบ MK54
- เครื่องยิงอาวุธปล่อยนำวิถีทางตั้ง (Vertical Launch System : Mk 41) สามารถยิงลูกอาวุธนำวิถีแบบอากาศสู่อากาศ แบบ ESSM ได้
- เครื่องยิงอาวุธปล่อยนำวิถีแบบพื้นสู่พื้นฮาร์พูน แบบ Advance Harpoon Weapon Control System : AHWCS จำนวน ๒ แท่น แท่นละ ๔ ท่อยิง สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูนแบบ Block 2 ได้
- ปืนกลป้องกันตนเองระยะประชิด (CIWS) แบบ Phalanx Block 2B
- ระบบอำนวยการรบ ตราอักษร Saab แบบ 9LV Mk4
- เรดาร์ควบคุมการยิงแบบ CEROS 200
- ระบบนำวิถี CWI สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถี ESSM
- Electro-Optical Director แบบ EOS500
- ระบบ Target Designation Sight รุ่น Bridge Pointer

ระบบตรวจการณ์
- เรดาร์ตรวจการณ์อากาศระยะไกล ๓ มิติ แบบ Sea Giraffe AMB ER
- เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ ระยะกลาง ๓ มิติ แบบ Sea Giraffe AMB EP with Radome and Dual TWT
- มีโซนาร์
- มีระบบหมายรู้พิสูจน์ฝ่าย
- มีระบบนำทางอากาศยาน
- ระบบกล้องตรวจการณ์กลางคืน
- ระบบ Communication ESM (CESM)
- ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์
- ระบบ Communication ESM
- ระบบเครื่องยิงเป้าลวง ตลอดจนเป้าลวงตอร์ปิโดแบบ ระบบเดินเรือแบบรวมการ (Integrated Bridge System : IBS)

- บริษัท Naval Group เป็นผู้บูรณาการระบบ IBS โดยใช้อุปกรณ์ของบริษัท Wartsila เชื่อมต่อกับเครื่องมือเดินเรืออื่นๆ แบบ Ethernet Network มีฟังก์ชั่นการใช้งานและระบบสำรองตามมาตรฐาน IMO ได้รับการรับรองจาก DNVGL สามารถส่งเป้า และสัญญาณ Radar Video ให้ระบบ CMS และสามารถแสดงค่าระบบขับเคลื่อน (รอบเครื่อง และพิทช์ใบจักร) ได้ ประกอบด้วยอุปกรณ์ และเครื่องมือเดินเรือดังนี้
- เรดาร์เดินเรือ X
- เรดาร์เดินเรือ S แบบ IP Radar
- จอแสดงภาพแบบ Multi Function Display
- ระบบ Warship Electronic Chart and Display System (WECDIS)
- Echo Sounder

ใช้เทคโนโลยีในการออกแบบเพื่อลดค่าอิทธิพลตัวเรือ ได้แก่
- ลดค่า Radar Cross Section, Under Water Radiated Noise
ลดค่า Infra-Red ด้วยการลดความร้อนจากท่อแก๊สเสีย, ลดค่า Magnetic Signature ด้วยการติดตั้งระบบ Degaussing ตราอักษร SAM Electronic
- มีระบบ IPMS
- สามารถทำหน้าที่ควบคุมเครื่องจักร ระบบขับเคลื่อน ระบบไฟฟ้า ระบบป้องกันความเสียหาย ระบบดับไฟอัตโนมัติ และป้องกันสงครามนิวเคลียเคมีชีวะ (NBC)
Firefighting system
- Damage control system –IPMS (Integrated Platform Management System)
- ติดตั้งระบบ NBC protection ตราอักษร Bruker และระบบชำระล้าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติการในพื้นที่สงครามนิวเคลียร์ เคมี ชีวะ ได้

ระบบสื่อสาร
- เป็นแบบรวมการ (Integrated Communication System : ICS)

ระบบถือท้าย
- เป็นแบบ Rotary Vane Type มีจำนวน ๒ ระบบ ซ้าย และขวา มอเตอร์ไฮโดรลิก, ระบบถือท้ายเป็นแบบ Rudder Roll Stabilizer ( RRS) ทำหน้าที่เป็นระบบกันโคลงในเวลาเดียวกัน
- ระบบถือท้ายแบบอัตโนมัติ
- สามารถใช้งานได้แบบ Emergency, Non Follow up, Follow up, Couse Control, Heading Control และ Heli Ops mode

ระบบรับส่งสิ่งของ และรับส่งน้ำมันในทะเล (RAS & FAS)
- มีสถานีรับส่งสิ่งของในทะเล ทำการรับส่งสิ่งของได้ด้วยวิธี Manila Highline และ Stream STAR Method
- มีสถานีรับน้ำมันในทะเล (FAS) จำนวน ๒ สถานี และสามารถรับส่งสิ่งของทางดิ่ง (VERTREP) ได้

นาวาเอก สมิทนัท คุณวัฒน์ ผู้บังคับการเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช
กำลังพลประจำเรือ ๑๔๑ นาย จะเข้าประจำการใน กองเรือฟริเกตที่ ๑ กองเรือยุทธการ


ที่มา กองประชาสัมพันธ์ สำนักจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ
https://www.facebook.com/RoyalThaiNavyFanpage/posts/2457576647603171
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่