จิตลับ...คนอำมหิต ตอนที่2 โดย:ธีร์ วรรณกร "จะเป็นอย่างไรเมื่อความรักกำลังจะก่อเกิดเหตุแห่งความตาย!!"

จิตลับ...คนอำมหิต(ตอนที่2)
โดย:ธีร์ วรรณกร

              จักรหน้าแดงเลือดในกายสูบฉีดเกิดอาการหนาวๆร้อนๆอยู่วูบวาบ หัวใจก็ตุ๊มๆต่อมๆ เขารู้สึกเขินและนึกไม่ถึงว่าวิภาวัลย์จะยังกล้าทำกับเขาแบบนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว แต่...ก็ช่างเถอะมัน....มันรู้สึกดีจะตายไป เหมือนเขาได้กลับมาสู่ห้วงแห่งความสุขอีกครั้ง  ความสุขที่มีเพียงเธอคนเดียวที่มองเห็นคุณค่าและเข้าใจเขาอยู่ ณ ตอนนี้
ไม่ใช่ความสุขที่เสเพลในกามรมย์ไม่รู้จักพอ เจ้าชู้หลายนารีอย่างที่เขาเคยเป็นและเกิดความทุกข์ทั้งกับตัวเองและคนรอบข้างอย่างนิดา อย่างเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้

“วิภาวัลย์....เธอยังเป็นนางฟ้าที่แสนดีของฉันเสมอมา...โอ้..(อดีต)ที่รัก..” เขารำพึงอยู่ในห้วงของความคิด
ชายหนุ่มวางหน้าไม่ถูกเมื่อถูกหยอก แบบแกล้งสะกิดต่อมรักในใจแบบนี้ เขาเพียงแต่ยิ้มแหยๆและหัวเราะแห้งๆไปกับเธออยู่อย่างนั้นพูดอะไรไม่ออก

“จักร....” อยู่ๆหญิงสาวก็เอ่ยชื่อเขาแผ่วเบาเหมือนจะถามอะไรสักอย่างอีก
“อะไรเหรอ?”
“มีแฟนรึยัง?”
ชายหนุ่มผงะสะกิดใจลึกๆ เหมือนไม่แน่ใจในสิ่งที่หูของตนเองได้ยิน
“ฮะ..!!?เธอ...เธอว่าอะไรนะวิ? เราเหมือนจะได้ยินไม่ชัด...?” เขาเอียงคอหน้าเบ้ถาม
“ฉันถามว่า...จักรมีแฟนหรือยัง...?” วิภาวัลย์ตอบมาเนิบๆแต่แน่นหนักในน้ำเสียง
ชายหนุ่มหัวหมุนติ้วคิดหาประโยคที่จะเป็นคำตอบที่ดีและเหมาะสมอยู่สารพัด และถกเถียงกับตัวเองในห้วงภวังค์อยู่เป็นการใหญ่... เธอถามเราแบบนี้เธอหมายความว่าอย่างไรกันแน่?  เธอถามเพราะอยากรู้หรือเธอยังมีใจให้เราอยู่อย่างนั้นเหรอ?
ถ้าตอบเธอว่ามีแล้วเธอจะรู้สึกอย่างไร? ตอบว่ายังไม่เข้าใจกันเธออาจจะคิดกลับมารักเราแต่เมื่อได้ยินแบบนั้นเธออาจจะถอยห่างออกไปก็ได้ เหมือนตัดโอกาสอันสำคัญของเราออกไปโดยใช่เหตุ ทำยังไงดีๆ? คิดสิวะคิด...ไอ้จักรคิดคำตอบวิให้ออกเดี๋ยวนี้...!!  เขาโพล่งลั่นอยู่กับตนเองอยู่อึดใจ ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วตัดสินใจตอบไปแต่โดยดีว่า....

“วิ....คือเรา.....เราคงไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนหรือคนรักกับเขาคนนั้นได้อีกแล้วล่ะมั้ง...” เขาตอบเศร้าๆจากความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจ  มันคงจะอธิบายได้ประมาณนี้กระมังสำหรับเขา เพราะมันเจ็บ... เจ็บปวดเกินจะอธิบายไปให้ได้ดีกว่านี้เช่นไรเป็นอื่นอีกแล้ว
“โถ....จักร....” วิภาวัลย์อุทานเบาๆ แล้วเอื้อมมือมาจับที่ไหล่ด้านซ้ายของจักรพงษ์ บีบหนักแน่น ส่งสายตามาที่เขาด้วยอาการกังวลและเป็นห่วงชัดเจน อย่างคนที่เคยรู้ใจกันมาก่อน ซึ่ง...มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
“ชีวิตเธอ...มีปัญหารุมเร้าเยอะแบบนี้...ฉันชักจะสงสารเธอซะแล้วสิ... อย่าคิดมากนะจักร มีอะไรปรึกษา “วิ” ได้นะ”

              จักรพงษ์ตาเบิกกว้างด้วยอาการที่ปลื้มใจอยู่ในๆพิลึก เพราะเขาเพิ่งจะมาสังเกตเอาได้ก็เมื่อตะกี้นี้ว่า บัดนี้วิภาวัลย์ได้ใช้คำนามแทนตัวของเธอเองว่า “วิ” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของเธอเองแล้ว จากที่เคยใช้คำว่าเธอกับฉันมาเมื่อพักใหญ่ๆ ซึ่งเขาเองคิดว่ามันดูห่างไกลกันอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเพื่อนสาวหันมาใช้ชื่อเล่นของตนเองแทนคำเหล่านั้น เมื่อคุยกับเขา มันดูใกล้ชิดและสนิทกันมากขึ้น  ทำให้ใจชื้นขึ้นมาอีกครั้งเสียแล้ว
“ขอบใจมากนะวิ....ที่วิยังคอยปลอบใจเราเสมอ และรู้อะไรเกี่ยวกับเราเหมือนรู้ใจอยู่ในๆทุกครั้ง เราดีใจนะที่ได้พบกับวิที่นี่เหมือนวิดึงเราจากความทุกข์เข้ามาหาความสุขที่วิสร้างขึ้นให้กับเราโดยเฉพาะ ไม่ต่างจากตอนที่เราเคย.....เอ่อ....เคยเรียนด้วยกันตอนสมัยมัธยมเลย วิเป็นคนดีจริงๆ....”  จักรเอ่ยตอบจากใจจริง แล้วยิ้มละมัยส่งให้เจ้าหล่อนซึ่งเธอก็ยิ้มตอบกลับ หวาน....ราวกับน้ำผึ้งเดือนห้าก็ไม่ปาน

              เขาไม่คิดจะถามคำถามเดียวกันนั้นกลับไปหาเธอ เพราะเขาคิดว่า การที่เธอจะมีคนรักหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ขอแค่เพียงยามที่เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต และท้อถอยทุกข์ใจ หรือ...คิดถึง เขาจะต้องมาหาและมาพบกับเธอได้คุยกับเธอที่นี่ทุกวันเป็นพอ  แค่นี้ชายหนุ่มที่คิดว่าตัวเอง เลวทราม และ “ยิ้ม” ก็มีกะจิตกะใจดำเนินชีวิตต่อไปในสังคมที่เลวร้ายระคนจอมปลอมในเรื่องบางเรื่องหรือหลายๆเรื่องได้โดยสุขสมแล้ว

              พระอาทิตย์ยามเย็นเริ่มคล้อยต่ำลงเป็นลำดับๆ ท้องฟ้าเริ่มมีแสงสลัวๆ ฝูงนกที่แลดูเป็นเงาดำกำลังกระพือปีกจับกลุ่มกันบินเป็นรูปหัวลูกศรบินกลับรังอยู่เบื้องบน  นาฬิกาข้อมือของจักรบอกเวลาว่าถึงหกโมงเย็นสมควรจะลาจากกันเสียทีเพื่อจะได้มาพบกันในวันใหม่กับหญิงสาวที่ตนเคยผูกพันอย่างคนรัก   เขากล่าวลาและเหมือนเป็นการนัดหมายว่าหากเวลาดีๆโอกาสเหมาะสม(ทุกวัน) เขาจะมาพบปะและพูดคุยถามไถ่กับเธออีกเช่นวันนี้ คำว่าเรากลับก่อนนะวิ คือคำสุดท้ายที่เขาใช้อำลาหญิงสาว ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินแยกกันไปคนละทางกลับสู่ที่พักของตนตามปกติวิสัย

จักรพงษ์ขับรถกลับห้องพักของตนด้วยอาการที่สบายใจขึ้นกว่าเดิม ต่างจากขามาโดยสิ้นเชิง เขาเปิดเพลงจากแผ่นซีดีซึ่งเป็นเพลงโปรดฟัง ดนตรีออกในแนวบลูส์ร็อค ท่วงทำนองเร้าใจ เขาร้องตามอย่างสนุกสนาน  วิภาวัลย์....การที่โชคชะตาหรือไม่แน่อาจจะเป็นพรหมลิขิตที่กำหนดให้เขาได้มาพบเธอได้ครั้งนี้นั้น มันเปรียบเสมือนยางลบที่ลบล้างสิ่งมัวหมองเลวร้ายในใจ ทำให้จักรลืมเรื่องการทะเลาะวิวาทจนถึงขั้นลงมือทำร้ายนิดาเมื่อไม่นานมานี้เสียแทบหมดสิ้น  เขายิ้มกรุ้มกริ่มหัวใจพองโต นึกภาพถึงแต่นางฟ้าในดวงใจอันเป็นอดีตคนรักของเขาในสมัยตอนเรียนมัธยมที่พบมาวันนี้ โอ้...วิภาวัลย์จ๋า...

              หลังจากที่ชายหนุ่มทำกิจวัตรประจำวันเสร็จสรรพเปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนนุ่งสบาย เสื้อกล้ามสีขาวกางเกงขาสั้นเนื้อผ้าบางสีน้ำตาลแล้ว ทันทีนั้นเขาก็กระโดดขึ้นบนแท่นบรรทม ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนสปริงอันนุ่มนิ่มน่าสัมผัสนั้นโดยแรง  ก่อนจะหลับตามือทั้งสองประสานกุมกันไว้แนบอก แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นึกถึงภาพวันวาน อันเป็นภาพความทรงจำอดีตรักที่สุดแสนจะหวานชื่น....ของวิภาวัลย์กับเขา ซึ่งมันเป็นช่วงความรักในวัยเรียนของชีวิตเด็กมัธยมปลาย....

              ภาพของความทรงจำในอดีตปรากฏขึ้นมาในห้วงภวังค์ของจักรอย่างชัดเจน ภาพของวิภาวัลย์ที่รวบผมยาวผูกโบสีน้ำเงินมัดเรียบร้อย สวมเครื่องแต่งกายในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลาย กระโปรงสีกรมท่า ดวงหน้าเปล่งปลั่งขาวเนียน แน่นอน.. เธอเป็นคนสวย...สวยแบบหน้าสดโดยที่ไม่ต้องเติมแต่งอะไรมากเหมือนผู้หญิงคนอื่น นัยน์ตาของเธอแลดูหวานซึ้ง รอยยิ้มมีเสน่ห์ดึงดูดใจชายเป็นอันพร้อมแน่นอนอยู่แล้ว   จักรหลงเสน่ห์เธอตั้งแต่แรกพบ  โดยหนแรกจักรแค่อยากเข้าไปทักและรู้จักไว้ในฐานะเพื่อนร่วมห้อง แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกันมากขึ้นได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น มันกลับทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอเริ่มขยับก้าวระดับไปสู่ในทางที่ดีขึ้นๆทีละน้อยๆ   จนสุดท้ายวิภาวัลย์เห็นความดีของจักรที่เขามักจะคอยช่วยเหลืองานเธออยู่ตลอด จนกระทั่งไปรับไปส่งกันบ้างในบางเวลาที่เธอไม่ได้ขับรถมาเพราะที่บ้านจำเป็นต้องใช้ แม้บ้านของเธอและเขานั้น ระยะทางไม่ใช่เล่นห่างกันคนละฟากตำบล แต่จักรก็ยังเต็มใจไปรับและส่งเธอเสมอ เขาไม่นึกว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยากเสียด้วยซ้ำ กลับมีความสุขเสียมากกว่าที่ได้ทำมัน
และจนกระทั่งวันหนึ่งจักรได้สารภาพรักกับเธออย่างเปิดเผยและจริงใจ เธอเองก็ไม่ขัดข้องกังขาใดๆทั้งสิ้นที่จะตอบรับคำขอของชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนที่สนิท...สนิทจนมากกว่าคำว่าเพื่อนจะให้กันได้  ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเลื่อนขึ้นมาอยู่ที่การคบหาเป็นแฟนกันนั่นเอง

              การหยอกล้อเล่นหัวการกระเซ้าเย้าแหย่กันตามประสาหนุ่มสาวที่คบกันในวัยเรียนเด่นชัดอยู่ในหัว มันทำให้จักรพงษ์ที่กำลังนอนหงายมือประสานกันอยู่บนเตียงอยู่ตอนนี้ หลับตาพริ้มยิ้มหวาน...ราวกับเขาได้ฝันดี....ดีที่สุดในสามโลก
เขามักชอบเขกหัวและหยิกแก้มวิภาวัลย์เบาๆเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว วิภาวัลย์ก็มักใช้มือตบไปที่ไหล่หรือตามตัวเขาบ้างเป็นการแก้เขิน ทั้งสองยิ้มให้แก่กันในยามท้อ จับมือกันเมื่อคราวทุกข์มาเยี่ยมเยือน และมีสุขด้วยกันอยู่ทุกเวลาแล้วแต่ว่าจะมีสถานการณ์ไหนเข้ามาในช่วงระยะเวลาของการที่เขาและเธอกำลังคบกันอยู่   แต่ความสุขและสถานะของแฟนระหว่างคนทั้งสองอาจไม่ได้ยาวนานนักสักเท่าไหร่ เมื่อถึงปีสุดท้ายที่ใกล้จบเต็มทีอยู่แล้ว ในเทอมแรกเลยนั้นวิภาวัลย์ได้ย้ายสำมโนครัวจากถิ่นที่เคยพำนัก ไปอาศัยอยู่ในเมืองตามพ่อที่ได้เลื่อนตำแหน่งในหน้าที่การงานที่สูงขึ้น  หลังจากนั้นจักรก็พยายามติดต่อกับเธออยู่เรื่อยๆ แต่ก็ขาดการตอบรับจากฝ่ายของคนรัก... เธอเงียบหายไปเสียดื้อๆ ไม่กล่าวคำอำลาใดๆ
แต่ก็เหมือนได้กล่าว ความสัมพันธ์ของเธอและเขาสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น โดยมีสาเหตุเพียงแค่ว่าครอบครัวเธอย้ายเข้าไปอาศัยในตัวเมืองและขาดการติดต่อ จนเขาท้อใจและคิดว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไปเธอคงจะลืมเขาแล้ว แต่เขาก็กลับได้รู้ว่าเธอเองก็ไม่เคยลืมเขาเลยเมื่อได้มาพบกับเธอโดยบังเอิญในวันนี้  มันทำให้จักรปลื้มใจและรู้สึกดีเป็นที่สุด  และ....ความสัมพันธ์ครั้งเก่าๆจะกลับมาได้หรือไม่นั้น จักรพงษ์ก็รอแค่ให้กาลเวลาของปัจจุบันมันพิสูจน์ให้เห็นแค่นั้น แล้วจะรู้ว่าเธอกับเขาจะสามารถโคจรกลับเข้ามาสู่ความสัมพันธ์แบบคนรักกันอย่างราบรื่นได้อีกครั้งหรือเปล่า....?

                       ชายหนุ่มนอนหลับตาเคลิบเคลิ้มไปกับภาพของวันวานที่แสนหวานนั้นจนผล็อยหลับเข้าสู่นิทราไปโดยไม่รู้ตัว เขามีความสุขเหลือที่จะกล่าวเมื่อได้มาพบกับอดีตสุดที่รักในวัยเรียนของเขาในวันนี้ และหวังว่าพรุ่งนี้ที่เก่าเวลาเดิมเขาจะได้พบกับเธออีกครั้งตามที่ได้เปรยๆเหมือนตกลงนัดหมายกันเอาไว้แล้ว เขา....เขาชื่นใจเสียเหลือเกิน
และนับจากวันนั้นเป็นต้นมาที่เขาได้พบกับวิภาวัลย์คนรักเก่า จักรพงษ์ก็มมักจะมาหาเธอคุยกับเธอเสมออยู่ที่สวนสาธารณะที่เดิมใกล้สถานศึกษาที่วิภาวัลย์ได้ทำการสอนอยู่  เขากลายเป็นคนรักกีฬาจ๊อกกิ้งไปโดยปริยาย เมื่อหญิงสาวชักชวนให้เขาวิ่งเป็นเพื่อน   เขาสุขใจอยู่ลึกๆเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอทุกครั้ง ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ได้หยุดพักคุยกันป้อนน้ำท่าให้เธอเวลาเธอรู้สึกเหนื่อย ได้ซับเหงื่อให้เธอ ได้คุยหยอกล้อกันอย่างสนิทใจ มันเหมือนเมื่อตอนที่เขาได้คบกับเธอเมื่อครั้งอยู่มัธยมปลายไม่มีผิด....  
เขามีความสุขอยู่กับการหวังรักอย่างลึกๆกับวิภาวัลย์อยู่ประมาณสองอาทิตย์เห็นจะได้จนกระทั่งวันหนึ่ง....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่