ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับรูมเมท

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ ที่มาเขียนเพราะอยากระบาย เราเป็นคนที่เครียดกับเรื่องเล็กๆน้อยๆมากังวลว่าคนอื่นจะคิดอะไรคิดยังไงกับเรา เราเป็นคนชอบแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากๆ ถึงขั้นเก็บมาคิดเอามาสงสาร และเรื่องนี้มันก็้กิดความความขี้เกรงใจขี้สงสารปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น จนทำให้เสียความรู้สึก เกิดความรู้สึกผิดกับเพื่อนคนนึงอยู่ตลอด คิดเสมอว่าเราไม่น่าเชื่อคนง่ายเลย เข้าเรื่องเลยนะคะ
      คือเรื่องมีอยู่ว่า ตอนจบม.6เตรียมเข้ามหาลัย เราได้คุยกับเพื่อนต่างห้องไว้ว่าจะหารค่าหอกัน (ขอแทนชื่อเพื่อนต่างห้องว่าAนะคะ) เราเป็นคนหาหอ แต่เมื่อใกล้เปิดเทอม เพื่อนในกลุ่มเราจากห้องเดียวกัน เรียนที่เดียวกัน แต่คนละคณะ นางมานอยด์เราค่ะ(ขอเรียกแทนนางว่าB) ว่าทำไมเราไม่ชวนนางมาอยู่ด้วย **เหตุผลที่ไม่ชวนแต่แรกเพราะคิดว่ากลัวจะเกิดปัญหาตามมาแบบนี้แหละค่ะ พ่อแม่นางเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนู ขึ้นรถแดงไม่เป็น รถเมย์ไม่ได้ รอรถก็ต้องคุยเป็นเพื่อน ทุกไอย่างต้องพึ่งเพื่อนๆๆๆซึ่งตัวเราเองเป็นคนลุยๆเลยคิดว่าจะอยู่กับเราได้หรอ? แต่นางร้องคร่ำครวญค่ะว่าฉันอยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไปไหนก็ไปอยู่ได้หมด บางบอกนางไม่มีใคร ก็มีแค่เรา เราก็เออเพื่อนกันก็สงสาร เลยไปคุยกับAว่า
เรา:ขอให้เพื่อนฉันมาอยู่ด้วยได้ไหมแต่ห้องมันเล็กนิดนึง มันไม่มีใครไม่รู้จักใครเลยเค้าขอโทษเค้าไม่คิดว่ามันจะอยู่ด้วย เลยไม่ได้บอกล่วงหน้าก่อน
A:ไม่เป็นไรๆเองอยู่เลยเดี๋ยวเค้าหาหอใหม่ก็ได้ไม่มีปัญหาไม่เป็นอะไรจริงๆเพราะ3คนมันจะอึดอัดไป
เรา:ขอโทษด้วยนะขอโทษจริงเค้าก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วเราก็ยังรู้สึกผิดตลอดมาจนถึงตอนนี้ถึงแม้เพื่อนจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ก็รู้สึกผิดที่เราตัดสินใจแบบนั้น งั้นเราก็คงไม่ต้องเจออะไรแบบนี้
แล้วเราก็ไปอยู่กับB แรกก็โอเคไม่มีอะไรเกรงใจ กันดี หลังๆมาเริ่มไม่ค่อยโอเค นางเป็นคนนอนดึกแล้วหอคือแบบเป็นแค่ห้องธรรมดามีโล่งๆ มีแค่เตียง ห้องน้ำ ทีวีและตู้เย็น กผ้ต้องนอนเตียงเดียวกันแล้วคือวันบางตี2เพื่อนยังคุยโทรศัพท์อยู่เลย เราก็นอนไม่ค่อยหลับ แล้วเรื่องตู้เย็นค่ะแม่นางชอบทำกับข้าวมาฝาก นางก็จะแช่ตู้เย็นไว้แช่จนเสีย จนขึ้นราไม่ยอมเอาไปทิ้ง ตู้เย็นก็เหม็น เราต้องเป็นคนเอาไปทิ้งเอง(ถามนางบอกไม่กินแล้วทิ้งได้เลย) บางอย่างคืออยู่ในตู้เย็นนานมาก นานจนตู้เย็นขึ้นรา ตัวเราเองไม่ค่ิยได้แช่อะไร นอกจากน้ำค่ะ แต่เราคืออีแจ๋วผู้ที่ล้างตู้เย็นขึ้นรานี้ แต่เพียงผู้เดียวค่ะ หลายครั้งที่เรากำลังล้างคู้เย็นแล้วนางอยู่ด้วย นางไม่เคยช่วยเราหรือถามอะไรเราเลยค่ะ! แล้วอีกอย่างคือเรื่องห้องน้ำ นางจะกินข้าวกินอะไรก็ตาม นางจะแช่ไว้ในห้องน้ำก่อน ฟังไม่ผิดค่ะแค่ถ้วยชามจานไว้ในห้องน้ำ!! และล้างในนั้น เศษอาหารก็จะเต็มพื้นเกลื่อน นางไม่เคยล้างห้องน้ำซักครั้งค่ะ เท่าที่สังเกตคือไม่เลย เราล้างคนเดียวมาตลอด เราทนอยู่ตรงนี้ซักพัก เราก็รู้สึกเหนื่อยมาก งานและกิจกรรมก็เหนื่อยพอแล้ว เราเลยตัดสินใจยกตู้เย็นในห้องเรา ให้กับเพื่อนห้องตรงข้ามไปเลย เพื่อตัดปัญหาตู้เย็นขึ้นรา เราไม่กล้าพูดไปตรงๆว่าทำอะไรให้สะอาดบ้างได้ไหม เลยใช้วิธีบอกไปว่าตู้เย็นกินไฟทำให้ค่าไฟแพงค่ะ
  แต่ปัญหาก็ยังไม่จบเพราะยังมีเรื่องความสกปรกในห้องน้ำตามมาคือเศษอาหาร ซึ่งมันก็ทำให้ห้องเรามีปีเตอร์(แมลงสาบ)เข้ามากินเศษอาหารอีกหลายตัว นางกงเจอก็จะโวยวายเราต้องเป็นคนไปไล่ทุกที เราทนอยู่แบบนี้มาจนจบเทอม ระหว่างนั้นก็มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นมากมายทำให้เราต้องคิดหนักเกี่ยวกับคนๆนี้ อย่างเช่น ยืมรถเราไปล้มบอกว่าเห็นรถเบรกแล้วมันก็ล้ม รถไม่เป็นอะไรมากค่ะมีรอยนิดหน่อย แต่ความรู้สึกเราเป็นมากค่ะ กลับมานางไม่เคยขอโทษเราซักคำ นางเป็นคนขับ แต่คนซ้อนนี่รู้สึกผิดมากขอโทษเราแทบจะกราบ เข้าใจว่าที่บ้านอาจจะอบรมสั่งสอนมาไม่เหมือนกัน รอยแค่นั้นไม่ต้องมาทำอะไรให้เราหรอกค่ะเราอยากได้คำขอโทษมากกว่า หลังจากเกิดเรื่องนางก็ตึงใส่เราเป็นอาทิตย์ไม่คุยกับเราเลยค่ะ แทนที่จะมาขอโทษกันก็จบแล้ว มารู้ทีหลังว่าไม่กล้าคุยเห็นเราโกรธ อ่าวก็ต้องโกรธสิ่ทำรถเราบ้มแล้วไม่ขอโทษซักคำ!!  แต่เพราะคำว่าเพื่อนเราก็อยู่ต่อไป อยู่จนหมด1ปี ถึงคราวต่อสัญหาใหม่ เราเลยคิดว่าจะย้ายไปอยู่บ้านเช่า ที่เพื่อนเราแนะนำมา เราก็บอกนางก็ชวนนาง นางก็มาค่ะ คิดในใจว่าฉันไม่น่าชวนเธอมาเลย!! จริงไเราย้ายมาอยู่กับเพื่อนที่ชวนเราก็ได้นะ แต่เพราะคำว่าเพื่อนค่ะ เพื่อนอีกแล้ว นึกไปก็อยากจะด่าตัวเองเหมือนกัน ว่าจะชวนมาทำไมให้เหนื่อยให้ยุ่งยากถ้าสักวันจะต้องแยกกันอยู่ดี
   เมื่อมาอยู่ที่ใหม่ หอว่างแค่ที่เดียวแต่เป็นบ้านแฝด เราได้มา1ฝั่งแต่ต้องนอนห้องเดียวกันบนเตียงแคบๆ เราบอกกับเพื่อนแล้วว่า ทนๆอยู่กันไปก่อนนะ ที่นี่มันถูกกว่า พอมีบ้านอื่นย้ายออกเราค่อยไปแทนที่บ้านนั้นจะได้สบาย มีห้องแยกมีพื้นที่กว้างขึ้น นางก็โอเค ทำเป็นโอเคมาตลอด ลับหลังเราก็ไม่รู้ว่าพูดถึงเรากับเพื่อนคนอื่นว่าอย่างไรบ้าง!! จนในที่สุดก็มีบ้านแบบธรรมดาว่าง เราบอกนางล่วงหน้าเกือบเดือนเพื่อให้นางเตรียมตัวบอกพ่อแม่ นางก็โอเคได้ๆๆ ต่อมาเราก็คุยวันย้ายกับเจ้าของหอ ตกลงกันเรียบร้อย แต่!!นางพึ่งบอกพ่อแม่ ซึ่งท่านก็อยากมาดูก่อน เราก็เออโอเคมาดูก่อนก็ได้ พอมาดูจ้าก็เกิดปัญหา เมื่อพบว่าบ้านข้างๆหลังนี้เป็นบ้านเพื่อนเอกอื่น ที่เป็นผู้ชาย พ่อแม่เลยไม่โอเค แล้วเราล่ะแล้วทีนี้ จะทำยังไงคุยอะไรหมดเรียบร้อยแล้ว เหตุผลที่ไม่ให้ย้ายเพราะ นางบอกว่าเจ้าของหอมาบอกแม่นางว่าข้างบ้านเป็นผู้ชาย เห็นลูกเธอชอบอยู่คนเดียว เจ้าของหอบอกว่าบ้านนี้ชอบไปเปิดหน้าต่าง ซึ่งเราก็งงว่าเปิดหน้าต่างอะไร เค้ามาเปิดหน้าต่างบ้านคนอื่นหรอ หรือยังไง ลักษณะบริเวณรอบบ้านคือมีหลายหลังค่ะติดกันเป็นแถวไม่มีรั้วกั้น แต่มีที่ข้างๆบ้านไว้สำหรับที่จอดรถ ไม่ย้ายพ่อแม่เป็นห่วง คราวนี้กลับมามองว่าเราอ่ะเป็นตัวปัญหาที่อยากย้าย เหตุผบที่อยากย้ายก็คือที่เล่าไปข้างต้นแหละค่ะ นางนอนดึก บ้านใหม่มีห้องแยกมันก็ดีกว่าถูกไหมคะ และบ้านใหม่มีห้องครัวมีที่สำหรับล้างจาน นางจะได้ไม่เอาไปแช่ห้องน้ำอีก และคนล้างห้องน้ำอย่างเราก็จะไม่เหนื่อยกับพวกเศษอาหารมาก
  ไม่มีใครเข้าใจเราเลยค่ะ เราทนเราอยู่มาเท่าไร เราทำทุกอย่าง เราทนๆเพื่อที่ตั้งใจว่าจะได้บ้านที่ดีกว่า ทนนอนเบียดทนอยู่กับอะไรมากมาย ไม่มีใครเห็นใจเราบ้างเลย...ตอนนี้เราคิดอยู่ว่าเราจะย้ายไปอยู่หอคนเดียวที่ถูกกว่าหรือจะ ขี่รถไปกลับจากบ้านดี ขอบคุณที่อ่านจนจบ หากพิมพ์พลาดพิมพ์ผิดไป แท็กห้องผิดก็ขออภัยด้วยนะคะ เราพิมพ์ในโทรศัพท์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่