รีวิว Green Book : หนังดีที่อยากให้ดู (10/10)
เล่นประเด็นเหยียดผิวได้ดี ดูง่าย และอบอุ่นหัวใจ
[**No Spoil ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ]
ไม่คิดว่าเริ่มปีใหม่มา จะให้คะแนนหนัง 10 คะแนนเต็มถึง 2 เรื่องด้วยกัน สำหรับเรื่อง Green Book นี้บอกก่อนเลยว่าอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่ส่วนตัวแล้วค่อนข้างอินกับประเด็นการ "เหยียด" ทุกประเภท และหนังเรื่องนี้ก็นำเสนอออกมาได้ดีมากๆ แถมยังดูง่าย เข้าถึงง่ายกว่าหนังรางวัลอื่นๆ ทั่วไปอีกด้วย
หนังเล่นประเด็นเหยียดผิวหนักมากๆ แต่กลับนำเสนอให้ดูแล้วรู้สึก Feel Good และอบอุ่นหัวใจไปในตัวได้ ด้วยการทำให้เราเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร ถ้าใครที่คิดจะสร้างหนังเพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติคน เปลี่ยนแปลงโลก ควรทำหนังที่ดูแล้วให้ความรู้สึกเป็น Positive แบบนี้นี่แหละ !!
[ เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร.. ]
..หนังสร้างโดยอ้างอิงจากเรื่องจริง ในยุค 60 เป็นเรื่องราวของ "โทนี่ ลิป" การ์ดขาใหญ่เฝ้าผับ ชาวอิตาเลียน-อเมริกัน ที่กำลังร้อนเงินเพราะที่ทำงานถูกปิดปรับปรุง ได้รับข้อเสนอให้ออกเดินทางเป็นคนขับรถให้กับนักเปียโนผิวสีอย่าง "ดอน เชอร์ลีย์" ทั้งๆ ที่ตัวโทนี่เอง เป็นคนที่เกลียดคนผิวสีเข้าไส้ !!
โดยพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันเป็นระยะเวลา 2 เดือน ในการทัวร์แสดงดนตรีทางตอนใต้ของอเมริกา ที่ขึ้นชื่อว่าเหยียดผิวแบบสุดๆ ถึงขนาดต้องมี "Green Book" ที่เป็นหนังสือไกด์สำหรับคนผิวสีว่าพักโรงแรมไหน เดินทางอย่างไรถึงจะปลอดภัย..
[ ความรู้สึกหลังสดับรับชม.. ]
..เป็นเรื่องที่ดูตัวอย่างแล้วรู้สึกเฉยๆ มาก มีความรู้สึกว่ามันจะโอเคหรอว้าาาา ทำไมคะแนนรอบสื่อ คะแนนนักวิจารณ์มันดีจัง แต่หนังกลับทำงานกับเราได้อย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเสมือนการมี sex ที่นิ่มนวล เริ่มต้นด้วยการเล้าโลมเบาๆ ก่อนจะเข้าจังหวะแบบรู้ใจ ไม่ต้องรุนแรงมากนัก แต่ก็ทำให้ถึงจุดสุดยอดได้เหมือนกัน.. (เค้าขอโทดดด ไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไงดี 5555555)
หนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวานักแต่น่าติดตาม จนเรารู้สึกว่าเวลา 2 ชั่วโมงผ่านไปเร็วมาก คือรู้ตัวอีกทีหนังก็จะจบแล้ว เป็นหนัง Road trip ที่พาผู้ชมออกเดินทางและเติบโตไปพร้อมๆ กับตัวละครได้ดีมากๆ รู้สึกเหมือนได้ดูหนัง Coming of age ในแบบฉบับของผู้ใหญ่
ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังดูสนุกคือ.. ตัวละครหลักทั้งสองคน ไม่ได้มีแค่สีผิวที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอุปนิสัย ทัศนคติในการดำเนินชีวิตก็แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ทำให้เราได้เห็นการแลกเปลี่ยนมุมมองกันผ่านบทสนทนาของทั้งคู่ แถมนักแสดงหลักทั้งสอง ยังมีเคมีที่เข้ากั๊นเข้ากัน พาให้เราเพลิดเพลินไปกับหนังได้จริงๆ โดยเฉพาะมุกตลก แนวตลกหน้าตายชวนให้เราอมยิ้ม ไม่ตึงเครียดกับเนื้อหาเรื่องการเหยียดผิวมากเกินไป
ประเด็นหนึ่งที่เราอยากจะเอ่ยถึง คือเราดูแล้วรู้สึกว่าคนเราทุกคนล้วนมีความรู้สึก "เหยียด" ผู้อื่นและ "ตัดสิน" ผู้อื่นจากภายนอกอยู่ลึกๆ ในใจเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่แค่เรื่องสีผิว แต่รวมไปถึงชนชั้น ฐานะทางสังคม ความคิดทัศนคติที่แตกต่างกันด้วย ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะแสดงออกมายังไง และเมื่อความคิดนั้นแว้บเข้ามาในหัวเรามีวิธีจัดการกับมันแบบไหน ให้เกียรติผู้อื่นมากน้อยเพียงใด..
สุดท้ายขอชมสั้นๆ คือคนแปลซับเรื่องนี้แปลออกมาได้ดี ใช้ภาษาที่สละสลวยมาก ทั้งๆ ที่บทสนทนาบางช่วงคือแปลยากมาก !! อันนี้ชื่นชมจากใจจริงๆ ครับ เสียดายที่อ่านชื่อไม่ทัน จำไม่ได้ เพราะเป็นชื่อที่ไม่คุ้นตาเลย :'(
สรุป.. ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ อยากเชียร์ให้เข้าไปดูกันเยอะๆ วิธีการดำเนินเรื่องอาจไม่ใช่แนวหนังตลาดซะทีเดียว แต่ถือว่าเป็นหนังรางวัลที่ดูง่ายมาก คุณจะได้แง่คิดและมุมมองต่างๆ จากหนังไม่น้อยทีเดียวครับ
ปล. เพลงประกอบก็ดีงาม ฟังแล้วเคลิ้มจริงๆ ^^
.
.
.
#ก็แค่คนชอบดูหนัง
#GreenBook
เจอกันในเพจ "ก็แค่คนชอบดูหนัง" ได้นะคร้าบบบ ><
บางเรื่องขี้เกียจลงบอร์ด ลงแค่ในเพจก็มี 5555555 ^^'
https://www.facebook.com/JustAManLikeToWatchMovie
[CR] [ก็แค่คนชอบดูหนัง] Green Book : เล่นประเด็นเหยียดผิวได้ดี แถมดูง่าย และอบอุ่นหัวใจ (10/10)
รีวิว Green Book : หนังดีที่อยากให้ดู (10/10)
เล่นประเด็นเหยียดผิวได้ดี ดูง่าย และอบอุ่นหัวใจ
[**No Spoil ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ]
ไม่คิดว่าเริ่มปีใหม่มา จะให้คะแนนหนัง 10 คะแนนเต็มถึง 2 เรื่องด้วยกัน สำหรับเรื่อง Green Book นี้บอกก่อนเลยว่าอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน แต่ส่วนตัวแล้วค่อนข้างอินกับประเด็นการ "เหยียด" ทุกประเภท และหนังเรื่องนี้ก็นำเสนอออกมาได้ดีมากๆ แถมยังดูง่าย เข้าถึงง่ายกว่าหนังรางวัลอื่นๆ ทั่วไปอีกด้วย
หนังเล่นประเด็นเหยียดผิวหนักมากๆ แต่กลับนำเสนอให้ดูแล้วรู้สึก Feel Good และอบอุ่นหัวใจไปในตัวได้ ด้วยการทำให้เราเติบโตไปพร้อมกับตัวละคร ถ้าใครที่คิดจะสร้างหนังเพื่อเปลี่ยนแปลงทัศนคติคน เปลี่ยนแปลงโลก ควรทำหนังที่ดูแล้วให้ความรู้สึกเป็น Positive แบบนี้นี่แหละ !!
[ เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร.. ]
..หนังสร้างโดยอ้างอิงจากเรื่องจริง ในยุค 60 เป็นเรื่องราวของ "โทนี่ ลิป" การ์ดขาใหญ่เฝ้าผับ ชาวอิตาเลียน-อเมริกัน ที่กำลังร้อนเงินเพราะที่ทำงานถูกปิดปรับปรุง ได้รับข้อเสนอให้ออกเดินทางเป็นคนขับรถให้กับนักเปียโนผิวสีอย่าง "ดอน เชอร์ลีย์" ทั้งๆ ที่ตัวโทนี่เอง เป็นคนที่เกลียดคนผิวสีเข้าไส้ !!
โดยพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันเป็นระยะเวลา 2 เดือน ในการทัวร์แสดงดนตรีทางตอนใต้ของอเมริกา ที่ขึ้นชื่อว่าเหยียดผิวแบบสุดๆ ถึงขนาดต้องมี "Green Book" ที่เป็นหนังสือไกด์สำหรับคนผิวสีว่าพักโรงแรมไหน เดินทางอย่างไรถึงจะปลอดภัย..
[ ความรู้สึกหลังสดับรับชม.. ]
..เป็นเรื่องที่ดูตัวอย่างแล้วรู้สึกเฉยๆ มาก มีความรู้สึกว่ามันจะโอเคหรอว้าาาา ทำไมคะแนนรอบสื่อ คะแนนนักวิจารณ์มันดีจัง แต่หนังกลับทำงานกับเราได้อย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเสมือนการมี sex ที่นิ่มนวล เริ่มต้นด้วยการเล้าโลมเบาๆ ก่อนจะเข้าจังหวะแบบรู้ใจ ไม่ต้องรุนแรงมากนัก แต่ก็ทำให้ถึงจุดสุดยอดได้เหมือนกัน.. (เค้าขอโทดดด ไม่รู้จะเปรียบเทียบยังไงดี 5555555)
หนังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวานักแต่น่าติดตาม จนเรารู้สึกว่าเวลา 2 ชั่วโมงผ่านไปเร็วมาก คือรู้ตัวอีกทีหนังก็จะจบแล้ว เป็นหนัง Road trip ที่พาผู้ชมออกเดินทางและเติบโตไปพร้อมๆ กับตัวละครได้ดีมากๆ รู้สึกเหมือนได้ดูหนัง Coming of age ในแบบฉบับของผู้ใหญ่
ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังดูสนุกคือ.. ตัวละครหลักทั้งสองคน ไม่ได้มีแค่สีผิวที่แตกต่างกันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอุปนิสัย ทัศนคติในการดำเนินชีวิตก็แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ทำให้เราได้เห็นการแลกเปลี่ยนมุมมองกันผ่านบทสนทนาของทั้งคู่ แถมนักแสดงหลักทั้งสอง ยังมีเคมีที่เข้ากั๊นเข้ากัน พาให้เราเพลิดเพลินไปกับหนังได้จริงๆ โดยเฉพาะมุกตลก แนวตลกหน้าตายชวนให้เราอมยิ้ม ไม่ตึงเครียดกับเนื้อหาเรื่องการเหยียดผิวมากเกินไป
ประเด็นหนึ่งที่เราอยากจะเอ่ยถึง คือเราดูแล้วรู้สึกว่าคนเราทุกคนล้วนมีความรู้สึก "เหยียด" ผู้อื่นและ "ตัดสิน" ผู้อื่นจากภายนอกอยู่ลึกๆ ในใจเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่แค่เรื่องสีผิว แต่รวมไปถึงชนชั้น ฐานะทางสังคม ความคิดทัศนคติที่แตกต่างกันด้วย ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะแสดงออกมายังไง และเมื่อความคิดนั้นแว้บเข้ามาในหัวเรามีวิธีจัดการกับมันแบบไหน ให้เกียรติผู้อื่นมากน้อยเพียงใด..
สุดท้ายขอชมสั้นๆ คือคนแปลซับเรื่องนี้แปลออกมาได้ดี ใช้ภาษาที่สละสลวยมาก ทั้งๆ ที่บทสนทนาบางช่วงคือแปลยากมาก !! อันนี้ชื่นชมจากใจจริงๆ ครับ เสียดายที่อ่านชื่อไม่ทัน จำไม่ได้ เพราะเป็นชื่อที่ไม่คุ้นตาเลย :'(
สรุป.. ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ อยากเชียร์ให้เข้าไปดูกันเยอะๆ วิธีการดำเนินเรื่องอาจไม่ใช่แนวหนังตลาดซะทีเดียว แต่ถือว่าเป็นหนังรางวัลที่ดูง่ายมาก คุณจะได้แง่คิดและมุมมองต่างๆ จากหนังไม่น้อยทีเดียวครับ
ปล. เพลงประกอบก็ดีงาม ฟังแล้วเคลิ้มจริงๆ ^^
.
.
.
#ก็แค่คนชอบดูหนัง
#GreenBook
เจอกันในเพจ "ก็แค่คนชอบดูหนัง" ได้นะคร้าบบบ ><
บางเรื่องขี้เกียจลงบอร์ด ลงแค่ในเพจก็มี 5555555 ^^'
https://www.facebook.com/JustAManLikeToWatchMovie
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้