เครดิตข่าว นสพ.ข่าวสด
สี จิ้นผิง ลั่น! ไต้หวัน ต้องรวมชาติกับจีน-หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ตัดทางเลือกใช้กำลังทหาร
ไต้หวัน – เมื่อวันที่ 2 ม.ค. เอเอฟพีรายงานสถานการณ์คุกรุ่นระหว่างทางการจีนและไต้หวัน ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวย้ำถึงการผนึกรวมไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมเตือนถึงความพยายามที่ไต้หวันจะแยกตัวเป็นอิสระจากจีน ว่าจะไม่ตัดทางเลือกการผนึกรวมไต้หวันเข้ากับจีนด้วยการใช้แสนยานุภาพทางทหารออกไป
คำกล่าวของผู้นำจีนมีขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี สารที่ทางการจีนส่งไปยังไต้หวันในปี 2522 เพื่อเรียกร้องให้ไต้หวันยอมจำนนและเป็นส่วนหนึ่งของจีน รวมทั้งยุติความเสี่ยงในการเผชิญหน้าของกองทัพทั้งสองฝ่าย ขณะที่ไต้หวันนั้นยังคงยืนยันไม่ขึ้นตรงกับจีน โดยมีพันธมิตรหลักเป็นสหรัฐอเมริกา ชาติมหาอำนาจทางทหารอันดับหนึ่งของโลก
ประธานาธิบดีสี กล่าวว่า “ประเทศจีนจะต้องเป็นปึกแผ่น ถือเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นเพราะสำคัญต่อการก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ของชนชาติจีน” และว่า “ทางการจีนไม่ขอสัญญาว่าจะตัดทางเลือกการใช้แสนยานุภาพเข้าบังคับบีบคั้นไต้หวัน และจีนขอสงวนสิทธิ์ทั้งปวงในการผนึกรวมไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน” นอกจากนี้ ผู้นำจีนยังยืนยันถึงการปกครองแบบ “หนึ่งชาติ สองระบอบ” เพราะไต้หวันนั้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่จีนให้ความสำคัญ เพราะเป็นคุณภาพชีวิตของชาวไต้หวัน
ขณะที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน ซึ่งมีนโยบายต่อต้านจีน กล่าวเตือนจีน ว่าชาวไต้หวันจะไม่มีวันสละสิทธิเสรีภาพของตัวเอง และกลายเป็นแบบที่ไม่มีให้เห็นในจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมเรียกร้องให้จีนเคารพต่อฉันทามติของชาวไต้หวัน 23 ล้านคน ด้วยการใช้กระบวนการที่เป็นธรรม และวิธีการที่สันติเพื่อรับมือกับความแตกต่างระหว่างสองฝ่าย
ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม นางคลอเดีย โม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฮ่องกง ระบุว่า แม้จีนจะยืนยันว่าเห็นความสำคัญต่อกุศโลบาย หนึ่งชาติ สองระบอบ แบบเดียวกับที่ใช้ในฮ่องกงและมาเก๊า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงคือการพยายามเข้ามากลืนกินทั้งในมิติการเมืองและวัฒนธรรม ส่งผลให้ประชาธิปไตยและเสรีภาพในฮ่องกงและมาเก๊าจางหายไปอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สี จิ้นผิง ลั่น! ไต้หวัน ต้องรวมชาติกับจีน ระเบิดเวลาลูกใหม่ ?
สี จิ้นผิง ลั่น! ไต้หวัน ต้องรวมชาติกับจีน-หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ตัดทางเลือกใช้กำลังทหาร
ไต้หวัน – เมื่อวันที่ 2 ม.ค. เอเอฟพีรายงานสถานการณ์คุกรุ่นระหว่างทางการจีนและไต้หวัน ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวย้ำถึงการผนึกรวมไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมเตือนถึงความพยายามที่ไต้หวันจะแยกตัวเป็นอิสระจากจีน ว่าจะไม่ตัดทางเลือกการผนึกรวมไต้หวันเข้ากับจีนด้วยการใช้แสนยานุภาพทางทหารออกไป
คำกล่าวของผู้นำจีนมีขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี สารที่ทางการจีนส่งไปยังไต้หวันในปี 2522 เพื่อเรียกร้องให้ไต้หวันยอมจำนนและเป็นส่วนหนึ่งของจีน รวมทั้งยุติความเสี่ยงในการเผชิญหน้าของกองทัพทั้งสองฝ่าย ขณะที่ไต้หวันนั้นยังคงยืนยันไม่ขึ้นตรงกับจีน โดยมีพันธมิตรหลักเป็นสหรัฐอเมริกา ชาติมหาอำนาจทางทหารอันดับหนึ่งของโลก
ประธานาธิบดีสี กล่าวว่า “ประเทศจีนจะต้องเป็นปึกแผ่น ถือเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นเพราะสำคัญต่อการก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ของชนชาติจีน” และว่า “ทางการจีนไม่ขอสัญญาว่าจะตัดทางเลือกการใช้แสนยานุภาพเข้าบังคับบีบคั้นไต้หวัน และจีนขอสงวนสิทธิ์ทั้งปวงในการผนึกรวมไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน” นอกจากนี้ ผู้นำจีนยังยืนยันถึงการปกครองแบบ “หนึ่งชาติ สองระบอบ” เพราะไต้หวันนั้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่จีนให้ความสำคัญ เพราะเป็นคุณภาพชีวิตของชาวไต้หวัน
ขณะที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน ซึ่งมีนโยบายต่อต้านจีน กล่าวเตือนจีน ว่าชาวไต้หวันจะไม่มีวันสละสิทธิเสรีภาพของตัวเอง และกลายเป็นแบบที่ไม่มีให้เห็นในจีนแผ่นดินใหญ่ พร้อมเรียกร้องให้จีนเคารพต่อฉันทามติของชาวไต้หวัน 23 ล้านคน ด้วยการใช้กระบวนการที่เป็นธรรม และวิธีการที่สันติเพื่อรับมือกับความแตกต่างระหว่างสองฝ่าย
ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม นางคลอเดีย โม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฮ่องกง ระบุว่า แม้จีนจะยืนยันว่าเห็นความสำคัญต่อกุศโลบาย หนึ่งชาติ สองระบอบ แบบเดียวกับที่ใช้ในฮ่องกงและมาเก๊า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงคือการพยายามเข้ามากลืนกินทั้งในมิติการเมืองและวัฒนธรรม ส่งผลให้ประชาธิปไตยและเสรีภาพในฮ่องกงและมาเก๊าจางหายไปอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา