งานกงสี เบื่อ ท้อ ลาออกก็ไม่ได้ ขอวิธีคิดให้อยู่กับมันได้ค่ะ

คือ ตอนนี้อายุ 29 เป็นลูกหลานของธุรกิจกงสีขนาดกลาง ที่จริงก็เข้าใจระบบนี้ในส่วนหนึ่ง แต่พอทำไปทำมาแล้วรู้สึกว่า ไม่สามารถพัฒนากิจการให้ดีขึ้นได้ เนื่องจาก ป๊า ไม่ต้องการที่จะเสี่ยงลงทุนอีก ธุรกิจก็ต้องดำเนินไปแบบเดิม เช่น การตกแต่งร้าน และการซื้อของใหม่มาทดแทนของเก่าที่ใช้ไม่ได้แล้ว (ซึ่งมีผลต่อลูกค้า)  เลยคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงให้มันดีขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม หรือลดราคาสินค้า แล้วพนักงานที่มีความสามารถก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะ ที่อื่นจ้างสูงกว่าและอาจจะมีสวัสดิการที่ดีกว่า ซึ่งทุกอย่างได้เคยอธิบายให้ฟังหมดแล้ว แต่คำตอบที่ได้รับ คือ ให้อดทนยุคนี้เป็นยุคขาดแคลนแรงงาน ธุรกิจจะอยู่รอดได้สุดท้ายก็คือความอดทน แต่เรารู้สึกว่าเรากำลังทนในเรื่องที่มันผิดๆ

จนล่าสุดเมื่อช่วงวันปีใหม่ที่ผ่านมา ห้องพักเต็มหมด 50 ห้อง แต่แม่บ้านมีแค่  2 คน พอทำห้องไม่ทันก็เป็นเราที่ต้องไปช่วยทำ เวลาหน้าร้านขาดคน เราก็ต้องไปทำ คือ เราไม่ได้รังเกียจงานนะ แต่รู้สึกว่าบางทีมันก็เหมือนกับว่าเราทำงานพวกนี้ไปเพื่ออะไร มันว่างเปล่า แต่ดูเหมือนว่า ผู้ใหญ่ในตระกูลจะมีความสุขที่เห็นเราวิ่งทำงานเป็นหนูติดจั่น แล้วพอ เราพักซักหน่อยออกไปหาอะไรอร่อยๆ กิน ก็จะโดนด่าว่าทำงานไม่เท่าไหร่ก็ไม่สู้ซะแล้ว เมื่ออาม่าอย่างงู้น อย่างงี้ลำบาก แล้วก็ร่ายยาวบางทีเราก็ท้อ

อยากขอคำแนะนำว่า เราจะเปลี่ยนวิธีคิดยังไง ไม่ให้ทรมานกับการทำงานในสภาวะแบบนี้ เราจะทำยังไงให้เข้าใจความคิดของคนรุ่นพ่อแม่เรามากกว่านี้เพื่อที่จะได้อธิบายว่ากิจการมันต้องปรับปรุงยังไงเพื่อจะได้ก้าวหน้ากว่านี้  เราเข้าใจนะว่าพ่อแม่เราลำบากกว่านี้มากเราไม่มีสิทธิ์ที่จะบ่นอะไรเลย แต่ตอนนี้ทุกวินาที คือ เราอยากจะลาออกจากการทำงานที่นี่มาก เราเหนื่อย เราท้อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 25
เราก็ทำงานในกงสีค่ะ เราเข้าใจ จขกท.ค่ะเพราะเราก็เจอมาไม่ต่างกัน มีคนแนะนำเรา2ทางเลือกด้วยกันคือ
1.ลาออกจากกงสีค่ะ และ
2.ไปเรียนต่อ หาความรู้ แล้วเอามาพัฒนาธุรกิจอย่างมีหลักการ ให้คนในครอบครัวรุ้สึกว่ามันน่าเชื่อถือค่ะ

เราเลือกข้อ2 ค่ะ เพราะเราคิดว่าความรุ้มันติดตัวเราค่ะ เราอาจสามารถพัฒนาทั้งธุรกิจกงสีและต่อยอดไปธุรกิจใหม่ได้แบบไม่หลงทาง

เราลงเรียนหลักสูตรบริหารธุรกิจสำหรับผู้บริหารของมหาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ เรียนเสาร์-อาทิตย์ค่ะ เราคิดว่า ได้ความรุ้และมีหลักการมากขึ้น เอามาพูดแล้วที่บ้านก็รับฟังนะคะ และก็เชื่อในสิ่งที่เราพูดเพราะเราเรียนมา แล้วเราก็เนียนๆโดยการทำงานกลุ่ม แล้วเลือกใช้ธุรกิจเราเป็นcase ทำรายงานค่ะ เราพากลุ่มเพื่อนมาที่บ้าน ทุกคนที่เรียนเป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ มีประสบการณ์แล้วมีความรุ้ค่ะ เราให้เค้าวิจารณ์ธุรกิจเราเต็มที่ค่ะ เหตุผลคือ คนในครอบครัวจะได้รับรุ้ค่ะว่าเราควรเปลี่ยน ลด หรือเพิ่มอะไรบ้าง อย่างน้อยก็เอามาเป็นไกด์เพื่อปรับใช้ค่ะ

แต่! ไม่ใช่ว่าเรียนมาแล้วจะกลับมาเปลี่ยนทุกอย่างในธุรกิจได้เลยนะคะ เราต้องค่อยๆปรับและเปลี่ยน ให้เข้ากับยุคสมัยและประเภทธุรกิจเพื่อให้คนรุ่นเก่าไม่รุ้สึกอึดอัดค่ะ

หรือ จขกท.อาจเริ่มจากอะไรเล็กๆก่อนก็ได้นะคะ เช่น เรื่องสวัสดิการ เรื่องระบบคอมพิวเตอร์ที่เอาเข้ามาให้คนทำงานง่ายขึ้น แล้วทำให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่เราแนะนำมันดีต่อธุรกิจจริงๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่