เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อกลางปีพ่อเราต้องการซื้อที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งมีบ้านปลูกอยู่แล้ว สภาพใกล้ผุพัง โดยตกลงราคาเรียบร้อยกับเจ้าของโดยไม่ได้มีการมัดจำใดๆ  เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน ก็ไม่ได้ติดต่อไป เพราะกู้เงินยังไม่ผ่านและไม่ได้รีบเร่งอะไรทั้ง 2 ฝ่าย แต่ปลายปีโดนใบแจ้งความจากเจ้าของที่ดินว่าพ่อบุกรุก (พ่อเคยเข้าไปดูที่ดินตอนจะซื้อแล้วเจอปลวก บนบ้านเลยรื้อฝากั้นที่ปลวกกินออกทิ้ง1บาน)  ทางเจ้าของที่ดินโทรมาว่าขอเงิน 30,000 บาท แล้วจะถอนแจ้งความให้ ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร

พอเจอแบบนี้ เราก็อ่านเกมส์ออกว่าต้องการเอาเงิน ตัวเราอยู่ กทม. แต่อยากให้เรื่องจบ จึงให้พ่อไปจ่ายที่โรงพักต่อหน้าตำรวจ แต่ร้อยเวรไม่อยู่ เลยเขียนสัญญากันเหมือนเป็นเงินมัดจำที่ดิน เนื้อหาระบุให้มาซื้อภายในเดือนพฤศจิกายน พอเรารู้เรื่องก็รู้ทันทีว่าเขาจะบีบเอาค่ามัดจำ 30,000 แต่คิดเสียว่าให้เรื่องจบๆ ถอนแจ้งคว่มกันไป
  แต่เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น เพิ่งรู้ว่าเขายังไม่ถอนให้ เพราะวันที่ 28 มีหมายจากตำรวจมาที่บ้าน โดยตำรวจนัดพ่อไปเจอกับเจ้าของที่ดินที่โรงพัก ร้อยเวรที่โทรนัดไม่อยู่ เจ้าของฯมาขอเงินกับพ่ออีก 30,000 แล้วจะถอนให้...
แต่เราคิดว่า จะไม่ยอมจ่ายอีก รู้สึกไม่ชอบมายากล เพราะเขาโทรหาพ่อเราว่าเราด่าภรรยาเขา ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่เคยคุยกันทางโทร แค่คุยทางไลน์ตอนช่วงติดต่อซื้อที่ดินกัน แค่นั้น
ตอนนี้ เราทำได้เพียงบอกพ่ออย่ากังวล กลัวเขาขู่พ่อเรา ว่าจะแจ้งความเรา แล้วจะเสียท่าจ่ายเงินเขาอีก
เราอยากขอคำแนะนำดังนี้ค่ะ
1) ถ้าเขาไม่จบ เราแจ้งความกลับญานหมิ่นประมาทได้ไหม?อย่างไร?
2) มีวิธีให้เขาถอนแจ้งความโดนไม่ต้องจ่ายอีก 30,000 หรือไม่คะ? เพราะพ่อแทบไม่ได้ไปทำอะไรเลย จะซ่อมคืนให้ด้วยซ้ำ ที่จริง 30,000 แรก ก็ควรจบ