สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
หลักการง่ายๆ ครับ ใช้ได้กับทั้งบริษัทและกงสี
ใครลงทุน -> คนนั้นได้ปันผลกำไร
ใครลงแรง -> คนนั้นได้ค่าจ้าง(ค่าแรง)
ในระบบบัญชีก็เป็นแบบนี้ ผู้ถือหุ้น ได้ปันกำไร(และขาดทุน), ใครทำส่วนของแรงงาน ทางบัญชีคิดเป็น expend หรือค่าใช้จ่าย/ค่าจ้างทั้งหมด
หลักการด้านบนเว้นกับเมีย(หรือภรรยาตามกฏหมายครับ) เพราะเมียจะถือเป็นผู้รับกำไรของสามีครึ่งหนึ่ง
ใครลงทุน -> คนนั้นได้ปันผลกำไร
ใครลงแรง -> คนนั้นได้ค่าจ้าง(ค่าแรง)
ในระบบบัญชีก็เป็นแบบนี้ ผู้ถือหุ้น ได้ปันกำไร(และขาดทุน), ใครทำส่วนของแรงงาน ทางบัญชีคิดเป็น expend หรือค่าใช้จ่าย/ค่าจ้างทั้งหมด
หลักการด้านบนเว้นกับเมีย(หรือภรรยาตามกฏหมายครับ) เพราะเมียจะถือเป็นผู้รับกำไรของสามีครึ่งหนึ่ง
ความคิดเห็นที่ 8
เรื่องนี้สำคัญนะ คุณทำจนกิจการมันดีขึ้นเค้าควรจะให้หุ้นลมกับคุณ และแบ่งผลกำไรแบบแฟร์ ๆ
เราว่าคุณหาทางขยับขยายไปทำเองดีกว่า ถ้ารอจนคุณ 0 value (หรือคุณหมดค่า) จะลำบาก เรา
อาจมองโลกในแง่ร้ายนะ ว่าที่เค้าดี ๆ กับคุณนี่เพราะคุณมีผลประโยชน์ จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องให้คุณเอ่ยปากเลยด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการเรียนรู้และหาประสบการณ์ ซึ่งคุณเก่งและทำสำเร็จแล้ว สมควรไปต่อยอดทำเองเถอะ
เค้าทรีตคุณเป็นลูกจ้าง แก่ตัวไปจะลำบาก
เราว่าคุณหาทางขยับขยายไปทำเองดีกว่า ถ้ารอจนคุณ 0 value (หรือคุณหมดค่า) จะลำบาก เรา
อาจมองโลกในแง่ร้ายนะ ว่าที่เค้าดี ๆ กับคุณนี่เพราะคุณมีผลประโยชน์ จริง ๆ ไม่จำเป็นต้องให้คุณเอ่ยปากเลยด้วยซ้ำ
ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการเรียนรู้และหาประสบการณ์ ซึ่งคุณเก่งและทำสำเร็จแล้ว สมควรไปต่อยอดทำเองเถอะ
เค้าทรีตคุณเป็นลูกจ้าง แก่ตัวไปจะลำบาก
แสดงความคิดเห็น
ทำธุรกิจกับแฟนแต่พอไปได้สวย เรากลับได้เป็นแค่ลูกจ้าง เราควรทำยังไงดีค่ะ ??
นี้เป็นครั้งแรกของกระทู้เรา เราเป็นคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่องยิ่งพิมก็คงหนักเลย ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้านะคะ
เราคบกับแฟนมา 4 ปี ใกล้จะ 5 ปีแล้ว เราก็มีทะเลาะกันบ้างตามประสาคู่รัก แต่มาปีนี้หลายๆอย่างที่เราทำให้เราคิดซ้ำไปซ้ำมา เลยต้องมาถามในนี้ เพราะเพื่อนคงเอือมที่จะฟังเราแล้ว 5555 แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องทะเลาะ ไม่ได้มีเรื่องไรกันเลย เรากับแฟนรักกันดี แต่นี้คือเรื่องงานที่เราทำร่วมกัน
คือตอนแรกแฟนทำธุรกิจนี้อยู่คนเดียวอยู่แล้ว แต่เราเห็นว่างานของเค้ามันทำให้ได้เงินเพิ่มมากกว่านี้ได้ แต่เค้าก็บอกว่าไม่มีเวลา เราก็เลยเสนอตัวว่าถ้างั้นเราขอทำ เพราะเราก็อยากหารายได้เสริมเหมือนกัน ( เราทำงานกลางคืนค่ะ ซึ่งมันดื่มเหล้าหนักมาก หลังๆเราสุขภาพไม่ดี แถมยังต้องพบจิตแพทย์เพื่อรักษาแต่ตอนนี้เราเริ่มดีขึ้น ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า แต่เป็นโรควิตกกังวล มันจึงทำให้เราอยากหารายได้เสริมเพื่อที่จะออกจากงานตรงนี้ ซึ่งเราไม่ชอบ ***คงมีคนถามในใจ ไม่ชอบแล้วทำทำไม เราทำเพราะตอนนั้นเราคิดว่ามันได้เงินง่าย มันสามารถทำให้ครอบครัวเราฟื้นตัวมากขึ้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ลงตัว เราก็อยากออกมาหางานอะไรทำ) ตอนแรกเราทำก็ได้กำไรเพิ่มมาจากเดิมไม่มาก แต่ก็ถือว่าได้เพิ่มมา พอหลายๆครั้งเราก็เพิ่มมาเรื่อยๆเรื่อย ๆ เราจึงขอแบ่งจากแฟนบ้าง พูดตรงๆคือเราก็อยากมีรายได้เพิ่มแหละค่ะ เพราะเราทำตอนแรกเราไม่เอากำไลจากแฟนเลย เพราะคิดว่ามันเพิ่งเริ่มต้นทำให้มันลงตัวก่อน ค่อยขอส่วนแบ่งเป็น % ( เพราะแฟนเราต้องดูแลครอบครัวเค้าทั้งครอบครัว **แต่เราก็เช่นกัน 5555 ) พอถึงตอนนี้กำไลมันเริ่มมากขึ้นจากที่เค้าทำอยู่เท่าตัว
เราก็คิดว่ามันคงถึงเวลาที่เราจะต้องแบ่งกันเป็น % แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาจากแฟนเราคือ เค้าบอกแค่นี้มันไม่พอสำหรับเค้าที่ต้องใช้ ( อันนี้เราคิดในใจจากที่เค้าตอบเรากลับมานะ อ่าว !!!! แล้วตอนแรกคุณทำได้น้อยกว่าเราทำ ทำไมถึงอยู่ได้ ไม่คิดจะทำ ) เราตอบกลับไป เราแค่อยากได้รายได่เพิ่ม แต่ถ้าไม่ให้ไม่เป็นไร แฟนเราตอบกลับมาว่า ‘ ก็นี้ไง ตัวเองก็อยู่กับเค้า เค้าให้จ้างทำ ‘’ มันทำให้เราได้ยินแบบนี้ก็จุกพูดไม่ออกเลยจริงๆ คือทั้งหมดที่เราทำมาเราได้เป็นแค่ลูกจ้าง สิ่งที่เราคิดต่อยอดเราได้แค่เหมือนเงินทอน ตอนนี้เราคิดว่าเราจะเอาต่อดีเราไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม ??? เราไม่ได้อยากได้เงินกำไล50/50 เราแค่30% ก็ได้ พอที่เราจะดูแลครอบครัวเราได้ พอเราพูดเรื่องนี้ แฟนก็จะเงียบละเปลี่ยนเรื่อง เราก็ได้แค่ค่าจ้างรายวันตลอดๆมา เราคิดว่าเราไม่ค่อยไหวแล้ว เราน้อยใจ ใช่เรายอมรับ น้อยใจมากๆ หลายๆเรื่องแฟนดีเกือบทุกอย่างนะคะ แต่เรื่องอนาคตตัวเราเองก็สำคัญเหมือนกัน ใจนึงเราก็อยากเลิกละไปเริ่มต้นใหม่ หาเงิน ไปลงทุนเองตั้งแต่ต้น หรือเราควรจะทำยังไงต่อดีค่ะ ( ตอนนี้เราออกจากงานกลางคืนมา 1 ปีแล้วค่ะ เพราะมาเป็นลูกจ้างกินเงินทอน )