ฮะ? ยังจะเขียนรีวิวเที่ยวฮ่องกงอีกเหรอ คือเมืองแห่งแสงสีนี้น่าจะมีคนเขียนรีวิวไว้เยอะแยะไปหมดแล้วมั้ง ใคร ๆ เค้าก็ไปกันมาแล้วทั้งนั้นรึเปล่า นี่คือความคิดแวบแรกของเราตอนที่คิดจะเขียนรีวิวทริปฮ่องกงในครั้งนี้ เราก็เป็นคนหนึ่งที่ไปฮ่องกงมาเป็นสิบรอบแล้ว แต่ไปกี่ครั้ง ก็ยังรักเหมือนเดิม ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย แม้บางคนจะมองว่าฮ่องกงเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ แต่เราไปตั้งหลายครั้งก็ยังเที่ยวไม่ครบทุกที่เลย ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ที่เรายังไม่เคยไป และอาจเป็นที่ที่ไม่ได้ฮอตฮิตมากมายสำหรับนักท่องเที่ยว ประกอบกับที่พักของเราในรอบนี้เป็น Guesthouse ที่ไม่ค่อยมีใครรีวิวไว้ เราก็เลยอยากมาเขียนแบ่งปันในห้องบลูแห่งนี้ ว่าการไปเที่ยวฮ่องกงแบบ...

...ไม่ไป Disneyland
...ไม่ไป Ocean Park
...ไม่ไป Ngong Ping, Big Buddha
...ไม่ไป Macau

แล้วยังจะมีที่ไหนให้เที่ยวอีกเหรอ?
หวังว่าจะยังไม่เบื่อและรักฮ่องกงเหมือนเรานะคะ

สำหรับตอนต่อไป ติดตามได้ที่นี่ค่ะ

Hong Kong ไปกี่ครั้งก็ยังรักเธอ - Part 2 กินติ๋มซำลดราคายังไง ไป Tamar Park ที่ไม่ค่อยมีใครเที่ยวกัน และทริปวันที่สอง-->https://ppantip.com/topic/38419577
Hong Kong ไปกี่ครั้งก็ยังรักเธอ - Part 3 Tsz Shan Monastery, Harbour City, Kai Tak Cruise Terminal + ทริปวันที่สามกับสี่-->https://ppantip.com/topic/38438732
Hong Kong ไปกี่ครั้งก็ยังรักเธอ - Part 4 Hung Hom Kwun Yam Temple, Kowloon Park และทริปวันที่ห้า+วันสุดท้าย-->https://ppantip.com/topic/38465234




*******************************

ทริปเรามีกันสองคนนะคะ เรากับน้าสาวอายุ 60 กว่า ๆ ดังนั้นการท่องเที่ยวจะเน้นเดินชิลล์ ๆ ชมวิวสวย ๆ ไม่เที่ยวโหดทรมานคนแก่แน่นอน 555

เริ่มกันที่วันที่ 5 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา เราเดินทางไปฮ่องกงกันด้วยสายการบิน Cathay Pacific เที่ยวบิน CX700 กำหนดออกเดินทางจากกรุงเทพ 8.25 น.ถึงฮ่องกง 12.10 น. เราออกจากบ้านมาตั้งแต่ตอนตี 5 กว่า ๆ มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 6 โมงเช้านิด ๆ เราชอบเดินทางเวลาเช้า ๆ แบบนี้เพราะรถยังไม่ติด ใช้เวลาเดินทางไปสนามบินแป๊บเดียว อีกอย่างพอไปถึงฮ่องกงก็ยังเหลือเวลาเที่ยวได้อีกครึ่งวัน

สำหรับเพื่อน ๆ ที่เดินทางด้วยสายการบิน Cathay Pacific เคาท์เตอร์สำหรับเช็คอินจะอยู่แถว M เมื่อไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ให้เข้าที่ประตูหมายเลข 6 เข้าไปถึงจะเจอแถว M เลยค่ะ นอกจากนี้แนะนำให้โหลด App ของสายการบินติดมือถือไว้ด้วย เพราะกรณีที่เราซื้อตั๋วโปร ตอนจองตั๋วจะยังเลือกที่นั่งไม่ได้ เราจะเลือกที่นั่งได้ตอนทำ online check-in ซึ่งเค้าเปิดให้เราสามารถทำการ check-in ล่วงหน้าผ่าน App ได้ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง อย่างในกรณีเราออกเดินทาง 8.25 น.วันที่ 5 ธันวาคม เค้าก็จะเปิดให้ทำ online check-in ตั้งแต่ 8.25 น.ของวันที่ 3 ธันวาคม ซึ่งเราก็ต้องรีบเข้าไป check-in เลยเพื่อเลือกที่นั่ง หลายปีก่อน เราไม่รู้ว่าต้องมาเลือกที่นั่งตอนทำ online check-in ก็ไป check-in ที่เคาท์เตอร์ในสนามบินตามปกติ ปรากฏว่าได้ที่นั่งแถวหลังสุดของเครื่องบินเลยค่ะ เพราะไฟลท์นั้นคนเต็มมาก ซึ่งการนั่งท้าย ๆ เครื่องนี่เวลาเครื่องบินบินอยู่มันรู้สึกเครื่องสั่นโคลงเคลงมากกว่านั่งแถว ๆ ปีกนะ พอมันสั่น ๆ ใจมันก็จะหวิว ๆ กลัว ๆ อ่ะ สรุปคือไม่ชอบการนั่งแถวหลังเลย หลังจากนั้นต้องไม่ลืมที่จะทำ online check-in ล่วงหน้าตลอด



เครื่องบินที่จะพาเราไปเที่ยวฮ่องกงไฟลท์นี้ บินด้วยรุ่น Airbus A330-300 ภายในเครื่องบินจะเป็นที่นั่งแบบ 2-4-2



สำหรับคนตัวไม่สูงมากอย่างเรา ถือว่านั่งสบายอยู่ค่ะ มีที่ให้ยืดขาได้สบาย เราได้ที่นั่งแถว 61 นี่ขนาดทำ Online Check-in ล่วงหน้ามา 2 วัน



มี PTV จอความบันเทิงส่วนตัวทุกที่นั่ง แต่...ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนเรามั้ย เป็นโรคจิตแบบกลัวเครื่องบินหน่อย ๆ เราจะพยายามดูแผนที่การบินที่มันถ่ายจากกล้องภายนอกเครื่องบินอ่ะค่ะ ว่าตอนนี้มันถึงไหนแล้ว มันช่วยให้รู้สึกดีขึ้นหน่อยนึง แบบว่าเราจะจดจ่อว่าตอนนี้บินไปกี่นาที เหลือกี่นาที เหลือระยะทางเท่าไหร่ ข้างล่างของเราตอนนี้คือเมืองอะไร แต่ครั้งนี้ไม่รู้เป็นอะไร จอเราดูไม่ได้น่ะค่ะ ไม่รู้เป็นเฉพาะจอเราหรือเป็นทั้งลำ ทำให้จิตตกกังวลไปว่ากัปตันลืมกดปุ่มเปิดกล้องด้านนอกรึเปล่า แล้วกัปตันลืมกดปุ่มอื่น ๆ ด้วยมั้ย 555 โรคจิตกลัวเครื่องบินกำเริบเลยค่ะ พยายามดูหนังก็แล้ว ฟังเพลงก็แล้ว พอเครื่องบินสั่นทีนี่ มือไม้เย็นไปหมดเลย



อาหารบนเครื่องบินไฟลท์นี้ มีให้เลือกระหว่างข้าวต้มไก่ หรือ ไข่ออมเล็ตใส่เห็ดและเบคอน เราเลือกเป็นไข่ออมเล็ตใส่เห็ดและเบคอน กินกับขนมปัง โยเกิร์ต ผลไม้ และน้ำมะเขือเทศ



เครื่องกำหนดออก 8.25 น. แต่เอาเข้าจริงวิ่งวนอยู่ในสนามบินหลายรอบ แล้วกัปตันก็ประกาศว่าจะดีเลย์นิดนึงเนื่องจากขณะนี้การจราจรในสนามบินคับคั่ง ต้องรอคิวการ take off แป๊บนึง กว่าจะ take off ได้ก็เกือบ 9.00 น. แต่กัปตันก็ส่งเราถึงสนามบินฮ่องกงตรงเวลา 12.10 น.นะคะ

มาถึงสนามบินฮ่องกง มี ตม.มายืนรออยู่ตรงทางออกจากประตูเครื่องบินเลยจ้า ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ แต่ประเมินด้วยสายตามียืนกระจายกันอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 คน หรือมากกว่านั้นใส่เสื้อคลุมสีกรมท่า จริง ๆ อ่านเจอมาหลายครั้งแล้วว่าเดี๋ยวนี้ ตม.ฮ่องกงตรวจเข้มมาก แต่ไม่นึกว่าพี่เค้าจะมารอต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่นถึงหน้าประตูแบบนี้ เรากับน้าไม่ได้อยู่ในสายตาเค้าเลยค่ะ เดินผ่านออกมา หางตาเค้ายังไม่แลเลย..เอ๊ะ นี่เป็นเรื่องดีใช่มั้ย 555 เราเดินออกมาได้ตามปกติ แต่เห็นเค้าเรียกผู้หญิงบางคนที่มาไฟลท์เดียวกันไปคุยด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าดูจากอะไรในการจะสุ่มเรียกคนไหน

พอผ่านเคาท์เตอร์พิธีการตรวจหนังสือเดินทาง รับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อย ก็เดินออกมาด้านนอก จะเจอเคาท์เตอร์ขายบัตรโดยสารบัตร Octopus เราเติมเงินใส่บัตร Octopus ที่เราเตรียมมาจากบ้าน คนละ 300 เหรียญ แล้วก็เดินออกไปขึ้นรถเมล์สาย A21 ไปเข้าที่พักที่เราจองไว้ที่ HK Tai San Guesthouse สาขา Granville อยู่ที่ Granville Road ข้าง ๆ ห้าง The ONE ตรง Tsim Sha Shui

เนื่องจากตอนเราไปถึงที่พัก แม่บ้านยังทำความสะอาดห้องไม่เสร็จ เราก็เลยฝากกระเป๋าไว้ แล้วออกมาเที่ยวกันก่อน

เป้าหมายแรกของเราในวันนี้ คือ กิน!!! และอาหารที่เราจะไปกินกันก็คือ ก๋วยเตี๋ยวหลอดร้าน Superior Steamed Rice Roll Pro Shop Limited นั่นนนนนเองงงงงง

Superior Steamed Rice Roll Pro Shop Limited
(ภาษากวางตุ้งอ่านชื่อร้านว่า "ไต่ ยัด เฉิง ฝัน" แปลว่าก๋วยเตี๋ยวหลอดอันดับ 1)

จริง ๆ แล้วได้อ่านรีวิวจากห้องบลูแห่งนี้และตั้งใจอยากมากินร้านนี้หลายรอบแล้ว แต่มาไม่ถึงซักที บางครั้งก็โดนร้านอื่นไปก่อนจนกระเพาะไม่เหลือที่ว่างให้ร้านนี้ บางทีก็กระเพาะว่างแต่เวลาหมด ทำให้ไม่มีเวลามากิน ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้มากิน โดยต้องวางแผนให้ร้านนี้เป็นเป้าหมายแรกตั้งแต่มาถึงฮ่องกง ไม่งั้นเดี๋ยวจะพลาดอีก

เราเดินทางโดยรถไฟฟ้าจากสถานี Tsim Sha Shui มาลงที่สถานี Prince Edward ออกทาง Exit C2 พอขึ้นมาถึงถนนใหญ่ จะเจอสี่แยก ให้เลี้ยวขวาเลย เดินไปประมาณ 30 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ จากรีวิวที่เคยอ่านมาบอกว่าถ้าไปช่วงพักกลางวัน คนจะเยอะมาก บางทีต้องรอคิวยาว แต่เราไปช่วงประมาณบ่าย 2-3 โมง โล่งมากค่ะ เข้าไปนั่งในร้านได้เลย



อันนี้เป็นเมนูที่เค้าติดไว้ที่ผนังร้าน คนรับออเดอร์เค้าฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องค่ะ เราก็ลองพูดจีนกลาง(ซึ่งมีความรู้อันน้อยนิด) เค้าก็ไม่รู้เรื่องอีก แล้วจะได้กินมั้ยเนี่ย ก็เลยใช้ชี้เอาจากเมนูค่ะ สำหรับเมนูเบอร์ 1-8 แปลแบบคร่าว ๆ นะคะ

เบอร์ 1 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้หมูแดง
เบอร์ 2 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้เนื้อสไลซ์
เบอร์ 3 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้เห็ด
เบอร์ 4 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้หมูผัด ซึ่งเป็นเมนูที่มีชื่อที่สุดของร้านเค้าค่ะ
เบอร์ 5 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้หมูอะไรซักอย่าง
เบอร์ 6 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้ผักกับกุ้งแห้ง
เบอร์ 7 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้ปลา
เบอร์ 8 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้เป็ดย่าง

เราสั่งเบอร์ 4 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้หมูผัด กับ เบอร์ 8 ก๋วยเดี๋ยวหลอดไส้เป็ดย่างค่ะ



จานนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้หมูผัด ทำมาร้อน ๆ หอมกลิ่นหมูผัดมาก ๆ นี่เขียนไปก็หิวไปด้วย เนื้อแป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดบางและเหนียวนิดหน่อย หมูผัดหอมรสชาติกลมกล่อม น้ำซอสที่ราดมาก็กำลังดีไม่เค็มไม่หวานเกินไป โดยสรุปคือชอบมากกกกกกก กอไก่ล้านตัว



ส่วนจานนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้เป็ดย่าง หอมกลิ่นเป็ดย่าง เนื้อเป็ดนุ่มไม่เหนียว อร่อยเหมือนกันค่ะ (ท้องร้องหนักมากตอนนี้)



นอกจากนี้เรายังสั่งน้ำเต้าหู้เย็น 1 แก้ว และน้ำอัดลม 1 ขวดด้วย สนนราคาค่าเสียหายมื้อนี้ 66 เหรียญ
ราคาก๋วยเตี๋ยวหลอดปกติจานละ 26 เหรียญ น้ำเต้าหู้แก้วละ 10 เหรียญ น้ำอัดลมขวดละ 10 เหรียญ แต่ถ้าสั่งเป็นเซ็ทคู่กันคือก๋วยเตี๋ยวหลอด 1 จานกับเครื่องดื่ม 1 อย่าง จะราคาเซ็ทละ 33 เหรียญค่ะ



กินเสร็จเบิกบานสำราญใจกันแล้ว เราก็ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของทั้งคนฮ่องกงและคนไทยที่มาเที่ยวที่นี่มายาวนาน นั่นก็คือ เทพหวังต้าเซียนแห่งวัด Wong Tai Sin Temple

Wong Tai Sin Temple

เรานั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Princ Edward มาลงที่สถานี Wong Tai Sin ออก Exit B3 ออกมาแล้วเดินอีกหน่อยก็จะเจอประตูวัดเลย ระหว่างทางที่เดินไปวัด จะมีคนเอาธูปมาเดินขาย อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน จะซื้อก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วในวัดก็มีให้บริการธูปอยู่ จะใช้ธูปที่วัดแล้วหยอดเงินบริจาคให้กับวัดก็ได้ค่ะ


ดูคนฮ่องกงสิ ใส่เสื้อหนาวกันแบบจัดเต็มมาก คืออากาศวันนั้นประมาณ 24-25 องศา คนไทยใส่เสื้อแขนกุดค่ะ

ที่หน้าประตูวัด จะมีสิงโตหรือกิเลน(ไม่แน่ใจ)อยู่คู่นึง มีความเชื่อกันว่าถ้าได้ลูบเท้าของสัตว์คู่นี้แล้วจะโชคดี เค้าก็เลยโดนใครต่อใครลูบ ๆ อยู่ทั้งวันเลย




(มีต่อด้านล่าง)